“Daikin” ปรับภาพลักษณ์ให้ดูเฟรช ดึง น้องบิวกิ้นคู่พี่ณเดช ช่วยขยายฐานกลุ่มลูกค้ารุ่นใหม่

  • 13
  •  
  •  
  •  
  •  

สำหรับหลายแบรนด์ ปี 2023 คงมีนิยามว่าเป็นปีแห่งการรีเฟรชแบรนด์ให้ดู ‘สดใส’ และ ‘ทันสมัย’ มากขึ้น ดังนั้นการเลือกวางกลยุทธ์ให้เหมาะสมในการปรับภาพลักษณ์ให้แบรนด์ไปในจุดที่ต้องการจึงมีความสำคัญ

เป็นที่รู้กันดีว่าญี่ปุ่นยืนหนึ่งในเรื่องของผู้ผลิตเครื่องปรับอากาศมาอย่างยาวนาน และหนึ่งในนั้นได้แก่แบรนด์ “ไดกิ้น” (Daikin) ซึ่ง บริษัท สยามกลการ จำกัด ได้นำเข้าเครื่องปรับอากาศไดกิ้นเป็นครั้งแรกในปี 1968 ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ทางแบรนด์อาจตัดสินใจปรับภาพลักษณ์ให้ดูรีเฟรช (Brand refreshment)

ก่อนที่จะเริ่มทำให้แบรนด์รีเฟรช ทางแบรนด์จะต้องย้อนกลับมาที่เสาหลักสำคัญของการทำการตลาด ได้แก่การสร้าง Brand awareness กระตุ้นการรับรู้ของแบรนด์ใหม่อีกครั้ง โดยครั้งนี้ทางไดกิ้นเลือกกลยุทธ์ผ่านแคมเปญในคอนเซ็ปต์ “Perfecting the Air for All” ที่เลือกใช้พรีเซนเตอร์รุ่นใหม่อย่างน้อง บิวกิ้น-พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล มายืนคู่กับรุ่นพี่อย่าง ณเดชน์ คูกิมิยะ ที่เป็นพรีเซนเตอร์จากปีที่แล้ว ภายในงานเปิดตัวแคมเปญประจำปีที่สามย่านมิตรทาวน์ 

ใช้ Social Proof ดึงบิวกิ้นเป็นพรีเซนเตอร์ สร้างความสดใสพร้อมขยายกลุ่มลูกค้า

น้อยคนนักที่จะไม่รู้จัก บิวกิ้น-พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล ที่เป็นทั้งนักแสดง นักร้อง พิธีกร และนายแบบ มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักจากการรับบทเป็น “หมอเต่า” ในละครเรื่อง “My Ambulance รักฉุดใจนายฉุกเฉิน (2562)” ดังนั้นการเลือกบิวกิ้นที่มีออร่าของความสดใสน่ารักเป็นธรรมชาติ จึงเหมาะกับแบรนด์เป็นอย่างมาก และการเลือกบิวกิ้นในครั้งนี้น่าจะช่วยขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ เพราะตัวบิวกิ้นเองก็มีฐานแฟนคลับจำนวนไม่น้อย โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่น 

หากจะต้องฉายภาพให้ลึกลงกว่านี้ ก็จะต้องหยิบยกจิตวิทยาของ Social proof ในมุมการตลาดมาอธิบายต่อ โดยความหมายของคำนี้คือ การใช้บุคคลที่มีชื่อเสียง อย่าง ดารา ศิลปิน หรือ influencer มาใช้โปรโมทสินค้า เพราะพฤติกรรมของคนเรา หลายครั้งมักจะชอบเชื่อมโยงสิ่งต่าง ๆ เช่น ถ้าเราชอบดาราคนนี้ และพอเขาได้มาเป็นพรีเซนเตอร์ของสินค้าหรือแบรนด์นั้น ๆ ก็อาจรู้สึกโน้มน้าวจิตใจ และอยากซื้อตาม

การเลือกพรีเซนเตอร์ (หรือ influencer) ที่เหมาะสมสำคัญต่อการวางกลยุทธ์ของแบรนด์

การเลือกพรีเซนเตอร์ที่ถูกต้องจะส่งผลดีต่อแบรนด์และยอดขาย เพราะถ้าเลือกให้เหมาะสมก็จะเป็นกระบอกเสียงที่ดี โดยเฉพาะในเชิงภาพลักษณ์ที่อยากจะปรับไป และอาจสร้างภาพจำตามกลยุทธ์ที่วางไว้ให้ผู้บริโภคได้เห็น

มาดูกันว่าข้อดีของการใช้พรีเซนเตอร์ที่ถูกต้องส่งผลดีอย่างไรต่อแบรนด์ :

  • เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการ ทางแบรนด์สามารถเลือกกลุ่มเป้าหมายที่ตรงตามกับการเลือกพรีเซนเตอร์ได้ แน่นอนว่า พรีเซนเตอร์ย่อมมีกลุ่มฐานแฟนคลับที่ติดตามที่ชัดเจน ทำให้แฟนคลับจับตามองกับแบรนด์ที่พรีเซนเตอร์เลือกใช้นั้นเอง
  • ช่วยเพิ่มยอดขายให้กับทางแบรนด์ เชื่อว่าดารา หรือศิลปิน หลาย ๆ คน สามารถโน้มนาว follower และเพิ่มยอดขายให้แบรนด์ได้จริง ๆ ถึงแม้จะเป็นการโพสต์แค่ครั้งเดียว หากทางแบรนด์เลือกพรีเซนเตอร์ ได้ถูกคน
  • การเลือกพรีเซนเตอร์จะช่วยเพิ่มการมีตัวต้นของแบรนด์บน platform มากขึ้น ในปัจจุบันแบรนด์ส่วนใหญ่อาจจะยังไม่มีตัวตนบนหลาย platform แต่ถ้าพรีเซนเตอร์ช่วยให้แบรนด์ไปอยู่ในหลาย ๆ platform ก็จะทำให้ผู้บริโภคเกิดความสนใจ และอยากลองซื้อตามพรีเซนเตอร์

แบรนด์ที่อยู่มานานอาจต้องมีการปรับภาพลักษณ์ให้ดูสดใหม่และทันสมัยมากขึ้น การนำดาราหรือศิลปินเข้ามาช่วยปรับภาพลักษณ์ของแบรนด์ ก็ถือเป็นกลยุทธ์การตลาดอย่างหนึ่ง แต่อย่าลืมว่าการเลือกพรีเซนเตอร์นั้นเป็นสิ่งที่สำคัญเพราะต้องเหมาะสมกับแบรนด์ ถ้าเลือกถูกคนก็จะช่วยทำให้แบรนด์มีภาพลักษณ์ที่ดีและผลกำไรที่มักจะตามมานั่นเอง 


  • 13
  •  
  •  
  •  
  •