โฆษณาบน Facebook.. ดีหรือไม่ดี?

  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

คงมีนักโฆษณาและนักการตลาดเจ้าของแบรนด์สินค้าหลายรายที่กำลังทำการตลาดผ่านทาง Facebook Advert หรือโฆษณาทางด้านขวามือบนหน้าเว็บไซต์ของ Facebook ที่เรามักจะได้เห็นโฆษณาหมุนเวียนผลัดเปลี่ยนไปตลอดทุกวัน ทุกสัปดาห์  และจะเห็นว่ามีทั้งแบรนด์เล็ก แบรนด์ใหญ่ และแม้แต่ธุรกิจขนาดย่อมก็ร่วมใช้พื้นที่โฆษณานี้ด้วยเช่นกัน

เหตุที่โฆษณาทางด้านขวามือของ Facebook ที่เรียกว่า Facebook Advert ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเนื่องจากสามารถเจ้าของสินค้าสามารถซื้อโฆษณาได้เอง และสามารถจำกัดค่าใช้จ่ายในการโฆษณาในแต่ละวันได้  และที่สำคัญที่สุดก็คือ “Facebook Advert ให้ผลลัพท์ได้ดีมากๆ” หากวางแผนการซื้อได้เป็นอย่างดี

ความเชื่อที่ว่า โฆษณาบน Facebook นั้นไม่ดีอย่างที่คิด

จำได้ว่าเมื่อต้นปี 2010 กับประสบการณ์ที่ได้พบและพูดคุยกับเจ้าของแบรนด์สินค้าที่เคยใช้สื่อโฆษณาออนไลน์มาก่อน จะมองว่าการโฆษณาบน Facebook ทั้งแพง และให้ผลไม่ค่อยดี  เนื่องจากคนที่เข้าใช้งาน Facebook มักจะมีจุดประสงค์ของการ “เข้าสังคม” เป็นหลัก คือ เข้ามาเพื่อ มาโพสข้อความ มาแสดงความคิดเห็น และมาคลิก Like มากกว่าจะสนใจโฆษณา  และเชื่อว่าผลลัพท์ที่ได้จาก % ตัวเลขของ CTR (Click Thru Rate) นั้นต่ำมากเมื่อเทียบกับสื่อแบนเนอร์อื่นๆ  และยิ่งหากได้เห็นผลของ CTR ทีทาง Webtrend ได้ทำออกมาด้านล่างนี้  ก็คงจะยิ่งตอกย้ำความคิดของนักการตลาดที่มีแนวความคิดแบบนี้อย่างแน่นอน

Overall Campaign Performance Averages for 2009-2010 คือผลการเปรียบเทียบ % ของการคลิก CTR (Click Thru Rate), ราคาของแต่ละคลิก CPC (Cost Per Click), ราคาของการแสดงโฆษณา CPM (Cost Per Impression) และ ราคาต่อแฟน CPF (Cost Per Fan) ของปี 2009 และปี 2010 ซึ่งเป็นตัวเลขที่ได้มาจากการวิเคราะห์ของทาง Webtrend จากจำนวนแคมเปญมากกว่า 11,000 แคมเปญ

จะเห็นได้ว่า % ของการคลิกนั้นอยู่ที่ 0.063% ในปี 2009 และ 0.053% ในปี 2010   ซึ่งหากเปรียบเทียบกับการโฆษณาผ่านทางแบนเนอร์ทั่วไปที่มี % การคลิก CTR อยู่ที่ 0.1%   จะทำให้เห็นว่าการโฆษณาบน Facebook นั้นให้ผลเพียงครึ่งหนึ่งของการโฆษณาผ่านทางแบนเนอร์บนเว็บไซต์  ส่วนราคาต่อคลิก เฉลี่ยอยู่ที่ US$0.27 หรือ 8 บาทในปี 2009 และเพิ่มเป็น US$0.49 หรือ 14.70 บาทในปี 2010   สำหรับราคาต่อการแสดงโฆษณา 1,000 ครั้งอยู่ที่ US$0.17 หรือ 5.10 บาทในปี 2009 เพิ่มขึ้นเป็น US$0.25 หรือ 7.50 บาทในปี 2010  และสำหรับราคาต่อแฟนอยู่ที่ US$1.07 หรือ 32.10 บาทต่อแฟน

โฆษณาบน Facebook ให้ผลดีกับหลายๆ แคมเปญ

ความจริงแล้ว การโฆษณาบน Facebook นั้นค่อนข้างให้ผลลัพท์ที่ดี  และมีหลายครั้งที่สามารถให้ผลลัพท์ที่มากกว่าการโฆษณาผ่านแบนเนอร์ทั่วไปเสียอีก เพราะจากประสบการณ์ที่ได้ร่วมวางกลยุทธ์และวางแผนสื่อโฆษณาออนไลน์ในหลากหลายรูปแบบให้กับหลากหลายแบรนด์สินค้าในปี 2010    ทำให้ได้เห็นผลของการทำโฆษณาบน Facebook ทั้งการคลิก CTR และการมองเห็นโฆษณา CPM นั้นโดดเด่นและให้ผลลัพท์ที่ดีในหลายๆ แคมเปญ  โดยเฉพาะแคมเปญหรือสินค้าที่ต้องการสร้าง Awareness (การมองเห็น) และการใช้งบโฆษณาอย่างมีประสิทธิภาพ หรือมีงบโฆษณาที่จำกัด

หากมองกันที่ CTR (Click Thru Rate)  และนำไปเปรียบเทียบกับ CTR ของแบนเนอร์  แน่นอนว่าผลของ Facebook จะต้องน้อยกว่าอย่างแน่นอน   แต่หากมองที่เม็ดเงินหรือ CPC (Cost Per Click)  เชื่อว่านักโฆษณาที่เคยใช้สื่อ Facebook จะเห็นว่า Facebook มีราคา Cost Per Click ต่ำกว่าสื่ออื่นๆ

Facebook ขายโฆษณา 2 แบบ คือ CPM (Cost per impression หรือราคาต่อการเห็นโฆษณา 1,000 ครั้ง) และ CPC (Cost per click ราคาต่อการคลิก)  และหากต้องการซื้อสื่อโฆษณาบน Facebook  โดยส่วนตัวจะแนะนำให้ซื้อเป็น CPC  เพราะ Facebook จะได้เงินจากเราก็ต่อเมื่อมีคนคลิกที่โฆษณานั้น  ซึ่งหมายความว่า Facebook จะต้องแสดงโฆษณาให้ได้มากที่สุด เพื่อให้เกิดการคลิกนั่นเอง  และเมื่อ Facebook แสดงโฆษณามากและยังไม่เกิดการคลิก   เมื่อโฆษณาจบลง ผลของ CTR ก็จะต่ำมาก   และหากนำมาเปรียบเทียบกับ CTR ของสื่ออื่นที่นิยมกันในแบบ CPM   Facebook ก็จะมีผล CTR ที่แพ้อย่างราบคาบ หรืออย่างที่เห็นภาพเปรียบเทียบด้านบนที่ได้มาจาก Webtrend นั่นเอง

การใช้สื่อบน Facebook จะให้ผลดีเมื่อซื้อแบบ CPC มากกว่า CPM  เพราะความเชื่อที่ว่า ผู้เข้าใช้งาน Facebook นั้นมีความประสงค์ที่จะสังคมกับเพื่อน ครอบครัว และคนรู้จักนั้นถือว่าจริง

ทั้งหมดนี้ เพียงต้องการจะบอกว่า Facebook ให้ผลดีได้ไม่แพ้สื่ออื่นๆ  และใช่ว่าจะต้องเอางบโฆษณาทั้งหมดที่มีมาไว้กับ Facebook   เพราะคงต้องดูถึงเป้าหมายของการโฆษณาและผลลัพท์ที่ต้องการได้เช่นกัน  และผู้บริโภคก็มีการเข้าใช้งานอินเทอร์เน็ตที่ต่างกัน  บางกลุ่มจะนิยมเข้าเว็บไซต์ที่มีข้อมูลที่สนใจ ทั้งในด้านการทำงาน การค้นหา และการสนองไลฟ์สไตล์ของแต่ละกลุ่มก็ต่างกัน    การวางแผนสื่อโฆษณาจึงควรมีหลายๆ ช่องทาง ทั้งการโฆษณาบน Google, Web Sites, Facebook, Email Marketing และหรือแม้แต่การใช้ Influencer Marketing ก็ถือว่ามีความสำคัญไม่น้อย

ใคร..คลิก และไม่คลิกโฆษณาบน Facebook

อันนี้ถือเป็นของแถมที่ได้มาจาก Webtrend เช่นกัน คือกลุ่มคนที่คลิกโฆษณาบน Facebook    โดยทาง Webtrend ระบุว่า  เพศหญิงและเพศชายนั้นมีอัตราการคลิกที่ไม่ต่างกัน   แต่จะต่างกับกลุ่มคนอายุมาก ซึ่งหมายถึงเด็กมักจะไม่สนใจคลิกที่โฆษณา แต่คนอายุ 25 -65 จะมีความสนใจกับโฆษณามากกว่า  ข้อมูลส่วนนี้ค่อนข้างน่าสนใจ เพราะถือเป็นสิ่งที่ยังไม่เคยทราบมาก่อนและเชื่อว่าจะต้องเป็นประโยชน์กับนักการตลาดและนักวางแผนสื่อโฆษณาบน Facebook ไม่น้อย : )

 (กราฟข้อมูลจาก Webtrend)


  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
Tukko Nathida
ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ MarketingOops.com กับความตั้งใจในการนำเสนอเนื้อหาที่ทันเหตุการณ์ และเกิดประโยชน์ ให้สามารถนำเนื้อหาความรู้ และ Insight ไปต่อยอดกับอนาคตของธุรกิจ และการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ เทคโนโลยี ครีเอทีฟ การตลาด โฆษณา และสตาร์ทอัพ