Facebook ชี้เทรนด์แนวโน้มตลาดปี 2016: เข้าถึงผู้ใช้งานโมบาย เฟิร์สในเอเชีย

  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

facebook-highlight-text

การใช้งานมือถือทั่วเอเชีย แปซิฟิคเติบโตด้วยอัตราสูงอย่างต่อเนื่องและไม่มีสัญญาณว่าจะลดลง การเติบโตของมือถือนั้นหมายถึงการเติบโตของการเชื่อมต่อสัญญาณอินเตอร์เน็ตด้วยเช่นกัน ซึ่งมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการใช้งานโซเชียลเน็ตเวิร์กในภูมิภาคนี้ให้มีอัตราสูงขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงไม่กี่ปีข้างหน้านี้ (ที่มา: eMarketer เดือนธันวาคม 2015)

จากรายงานของ eMarketer อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม เป็นประเทศที่มีประชากรเข้าถึงโซเชียลเน็ตเวิร์กสูงที่สุดของโลก โดยยังคาดการณ์ว่า อัตราการเข้าถึงนี้จะโตขึ้นมากกว่า 75 เปอร์เซ็นต์ ภายในปี 2019

เอเชีย แปซิฟิคถือเป็นภูมิภาคที่มีการเติบโตใหญ่ที่สุดและสูงสุดสำหรับ Facebook โดยมีผู้ใช้งาน Facebook ต่อวันสูงกว่า 300 ล้านคน ในช่วงไตรมาสสามของปี 2015 ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 24 เปอร์เซ็นต์จากปี 2014 ในขณะที่ผู้ใช้งาน Facebook ต่อเดือนนั้นอยู่ที่ 522 ล้านคน เพิ่มขึ้น 18 เปอร์เซ็นต์ ประเทศที่กำลังพัฒนาอย่างอินโดนีเซียและอินเดียส่งผลอย่างมากต่อการเติบโตอันรวดเร็วนี้ ซึ่งปัจจัยกระตุ้นมาจากการเติบโตและการใช้งานโทรศัพท์มือถือที่เพิ่มสูงขึ้น
2015 เป็นปีที่ Facebook เปิดสำนักงานสองแห่งในภูมิภาคเอเชีย ที่ประเทศไต้หวันเมื่อเดือนมกราคม ตามด้วยที่ประเทศไทยในเดือนกันยายน ทั้งนี้ 70 เปอร์เซ็นต์ของผู้ใช้งาน Facebook ในประเทศไทยมีการเชื่อมต่อกับเพจที่เป็นธุรกิจขนาดเล็ก ในขณะที่ผู้ใช้คนไทยยังมีสถิติส่งข้อความผ่าน Facebook ไปยังเพจธุรกิจสูงกว่าค่าเฉลี่ยของผู้ใช้งานทั่วโลกถึงสองเท่า การเปิดตัวสำนักงานในตลาดเหล่านี้ช่วยให้เราเข้าใจความต้องการของธุรกิจท้องถิ่นยิ่งขึ้น ดังนั้นเราจึงสามารถสนับสนุนและให้คำแนะนำ เพื่อช่วยเหลือพวกเขาให้เติบโตได้ในระดับสากล และ 2015 ยังเป็นปีที่ทีม Facebook ในประเทศสิงคโปร์ย้ายสำนักงานใหม่ที่มีพื้นที่ใหญ่ขึ้น เพื่อรองรับการเติบโตในตลาดเอเชีย แปซิฟิคที่ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เราลงทุนในโครงการการศึกษาเพื่อช่วยธุรกิจและเอเจนซี่ต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้พวกเขามีความเข้าใจในการใช้งานแพลตฟอร์มของเราในการเสริมแคมเปญการตลาดและเป้าหมายทางธุรกิจของพวกเขา เรายังจัดกิจกรรมกระตุ้นการตลาดสำหรับธุรกิจ SME ทั้งในประเทศเกาหลี อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น และไทย เมื่อปีที่ผ่านมา รวมถึงโครงการแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างตัวแทนเอเจนซี่ในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิค (APAC Agency Ambassador program) จัดขึ้นเป็นครั้งแรกที่สิงคโปร์ โดยมีตัวแทนของเอเจนซี่ชั้นนำจากอินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลี และทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว
จากการสังเกตการณ์ของเรา แนวโน้มตลาดเด่นๆ ของเอเชียที่ผ่านมาในปี 2015 ซึ่งจะยังคงอยู่ต่อเนื่องในปี 2016 นี้ มีดังนี้

1. มือถือในเอเชียยังคงอยู่

มือถือฝังรากลึกในชีวิตประจำวันของเราไปแล้ว เป็นสิ่งแรกที่หยิบดูเมื่อตื่นนอน และเป็นสิ่งสุดท้ายที่เราจะเช็คก่อนเข้านอน สังเกตได้ว่าผู้ใช้ Facebook ส่วนใหญ่ เข้าถึงแพลตฟอร์มผ่านช่องทางมือถือ จากตัวเลขผู้ใช้งานแอคทีฟของ Facebook กว่า 36 ล้านคนในประเทศไทย มีถึง 94 เปอร์เซ็นต์เชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มผ่านทางโทรศัพท์มือถือ ในขณะเดียวกัน ตัวเลขการลงทุนสื่อโฆษณาดิจิตอลในเอเชีย แปซิฟิคก็สูงที่สุดกว่าภูมิภาคอื่นๆ ทั่วโลก (เฉลี่ย 32.3 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับมูลค่าการลงทุนในสื่อโฆษณาทั้งหมด – ที่มา: eMarket เดือนกันยายน 2015) และมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต เมื่อพิจารณาจากปริมาณการใช้งานมือถือในภูมิภาคนี้

2. ความสร้างสรรค์บนมือถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง

อินสตาแกรมเปิดตัวโฆษณาแบบบริการตนเองเมื่อปีที่ผ่านมา และเอเชียก็เป็นตลาดที่ใช้งานแพลตฟอร์มของการเล่าเรื่องราวผ่านรูปภาพที่มีการเติบโตสูงที่สุด ปัจจุบัน อินสตาแกรมมีจำนวนผู้ใช้แอคทีฟทั่วโลกต่อเดือนกว่า 400 ล้านคน และเป็นที่ทราบกันดีว่าชาวอินสตาแกรมต้องการแรงบันดาลใจจากรูปภาพที่ถ่ายอย่างสร้างสรรค์ แบรนด์ที่เข้าใจถึงพลังการเล่าเรื่องอย่างถ่องแท้ และออกแบบแคมเปญที่มีความสร้างสรรค์ตรงใจผู้คนจะประสบความสำเร็จมากที่สุด Facebook ครีเอทีฟ ช็อป และทีมวิทยาศาสตร์การตลาดได้ร่วมงานกับธุรกิจและเอเจนซี่ต่างๆ ในภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มั่นใจว่าโฆษณามีความสอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด

ตัวอย่างเหล่านี้แสดงถึงการใช้งานความสร้างสรรค์อย่างมีประสิทธิภาพ

ดีแทค

ด้วยการใช้ภาพที่มีความสร้างสรรค์และดึงดูดผู้คน ดีแทคได้เข้าถึงผู้ใช้งานชาวไทยกว่า 3.15 ล้านคน และมียอดวิววิดีโอถึง 777,000 คน ด้วยต้นทุนเพียง 1 บาทต่อ 1 วิวเท่านั้น แบรนด์ยังใช้แพลตฟอร์มนี้เป็นหนึ่งในช่องทางการสื่อสารหลักและจัดกิจกรรมทางตรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกลุ่มผู้ใช้งานมือถือ

ลาซาด้า

ลาซาด้าใช้รูปภาพที่สร้างสรรค์ร่วมกับฟังก์ชั่นปุ่มที่ดึงดูดความสนใจของผู้ใช้งาน เพื่อคลิกติดตั้งแอพพลิเคชั่นลาซาด้าได้ทันที ทำให้แบรนด์สามารถเข้าถึงผู้ใช้งานชาวไทยได้ถึงกว่า 1.6 ล้านคนบนอินสตาแกรม ด้วยการลงทุนที่น้อยกว่าการติดตั้งแอพพลิเคชั่นแบบปกติถึง 20 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่เพิ่มอัตราการคลิกไปยังแอพพลิเคชั่นได้มากกว่า 77 เปอร์เซ็นต์

3. มัลติสกรีนคือ บรรทัดฐานใหม่ในเอเชีย

9 ใน 10 ของผู้ใช้งานในประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ไทย และเวียดนาม ใช้มือถือขณะที่นั่งดูโทรทัศน์ (ที่มา: eMarketer เดือนกรกฎาคม 2015) ซึ่งรวมถึงการค้นหาข้อมูลรายการที่พวกเขารับชมอยู่ พูดคุยกับกลุ่มเพื่อน ติดตามโฆษณาสินค้าในโทรทัศน์ผ่านทางออนไลน์ และอ่านฟีดข่าวบน Facebook ทั้งนี้โฆษณาสินค้าบน Facebook ยังถือว่ามีประสิทธิภาพในการสร้างอิทธิพลต่อผู้บริโภคมากกว่าโฆษณาโทรทัศน์ถึง 200 เปอร์เซ็นต์ (มิลวาร์ด บราวน์) และเรายังเห็นแนวโน้มแบรนด์ต่างๆ เริ่มเปิดตัวแคมเปญที่ใช้ประโยชน์จากมัลติสกรีนมากขึ้นเรื่อยๆ

4. ยกระดับเทคโนโลยีให้รองรับทุกการเชื่อมต่อมากขึ้น

ทุกวันนี้ ผู้คนกว่าพันล้านคนในประเทศที่กำลังพัฒนากำลังหลั่งไหลเข้าสู่โลกอินเตอร์เน็ต และเพื่อให้มั่นใจว่าพวกเขาสามารถเชื่อมต่อเข้าถึง Facebook ได้ เราจึงมุ่งออกแบบและพัฒนาบริการให้ใช้งานได้กับอุปกรณ์และเครือข่ายโทรศัพท์มือถือทุกรูปแบบ ล่าสุดเราพัฒนาฟีดข่าวของ Facebook ให้ใช้งานได้แม้ว่าจะเชื่อมต่อกับสัญญาณอินเตอร์เน็ตต่ำ โดยผู้ใช้สามารถโพสท์คอมเมนท์ได้ระหว่างที่ออฟไลน์ ระบบจะเลือกดาวน์โหลดเนื้อหาและภาพต่างๆ ขณะที่คุณอ่านอยู่ก่อน แทนที่จะดาวน์โหลดเนื้อหาอื่นๆ ในฟีดข่าวมาเป็นชุด และอัพเดทเนื้อหาให้ทันต่อเหตุการณ์เมื่อคุณกลับมาเชื่อมต่อกับสัญญาณที่เสถียรแล้ว อีกหนึ่งความท้าทายของเราคือ การนำเสนอวิดีโอในประเทศที่กำลังพัฒนาอย่างอินเดียและอินโดนีเซีย ซึ่งยังไม่สามารถใช้งานเครือข่าย 4G ได้ เราได้เปิดตัวสไลด์โชว์ วิดีโอที่สร้างจากภาพนิ่งหลายๆ ภาพต่อกัน ซึ่งสามารถรับชมได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงอุปสรรคทางเครื่องมือสื่อสารหรือปัญหาเรื่องสัญญาณการเชื่อมต่อ นอกจากฟีเจอร์ใหม่บน Facebook แล้ว เรายังนำเสนอโครงการ Creative Accelerator เพื่อช่วยเหลือธุรกิจต่างๆ ในประเทศที่มีการเติบโตสูง ให้เรียนรู้ถึงพลังของการเล่าเรื่องและนำมาปรับใช้กับการสื่อสารสินค้าให้มีประสิทธิภาพและน่าสนใจยิ่งขึ้น

5. ผลักดันให้ภูมิภาคเอเชียเปิดกว้างและเชื่อมต่อถึงกันมากขึ้น

ถึงแม้ว่าภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิคมีการเติบโตที่รวดเร็ว แต่ก็ยังมีช่องทางที่ช่วยให้ผู้คนเชื่อมต่อถึงกันได้มากขึ้น เราตระหนักเป็นอย่างดีว่าการเชื่อมต่อมีพลังในการเปลี่ยนชีวิตผู้คนและสังคมให้ดีขึ้นได้ ผลการศึกษาจาก Deloitte เมื่อปี 2014 พบว่าอัตราการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตที่เพิ่มขึ้นในประเทศกำลังพัฒนา ช่วยสร้างงานให้กับผู้คนมากกว่า 140 ล้านคน โดยผู้คนกว่า 160 ล้านคนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และลดอัตราการเสียชีวิตของเด็กได้ถึง 7 เปอร์เซ็นต์

การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตยังช่วยเหลือธุรกิจขนาดเล็กและผู้ประกอบการให้โตขึ้นได้ ตัวอย่างเช่น Kalpana Rajesh ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ธุรกิจเครื่องประดับของเจ้าสาวในประเทศอินเดียที่ชื่อว่า Pelli Poola Jada สร้างงานให้กับผู้คนมากมายทั่วประเทศ เธอเริ่มต้นธุรกิจในปี 2013 ด้วยพนักงานหญิงเพียงสามคนที่ช่วยเธอประดิษฐ์และขายเครื่องประดับผมสำหรับเจ้าสาว มาในปี 2015 เธอมีพนักงานหญิงมากกว่า 200 คน ที่ทำงานดูแลธุรกิจที่แตกไลน์มากมายจำนวนกว่า 36 สาขา

เรื่องราวเหล่านี้เป็นแรงบันดาลใจให้แก่เราในการมุ่งมั่นสานพันธกิจเพื่อเปิดโลกของเราให้เชื่อมถึงกันมากขึ้น


  •  
  •  
  •  
  •  
  •