How to สร้างแบรนด์ให้โดดเด่น – จดจำได้ในครั้งแรก ด้วยหลักการ 3 อย่างในจิตวิทยาการตลาด

  • 14
  •  
  •  
  •  
  •  

 

แนวโน้มการแข่งขันในทุกอุตสาหกรรมสูงขึ้น จากพฤติกรรมคน กลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย และสถานการณ์การแพร่ระบาดมีส่วนทำให้ตลาดการแข่งขันรุนแรงขึ้น เพราะมีทั้งธุรกิจที่พยายามหาทางรอด และวิธีการเติบโตหลังจากที่ผ่านวิกฤตไปแล้ว

ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ที่อยู่แล้ว หรือแบรนด์น้องใหม่ที่กำลังจะเข้าตลาด ต้องบอกก่อนว่าการสร้างแบรนด์ให้มีเอกลักษณ์ เป็นที่จดจำได้ง่าย และเข้าถึงผู้บริโภคในทันทีถือว่าเป็นความท้าทายอย่างหนึ่งของนักธุรกิจ ดังนั้น ยิ่งเราสามารถสร้างอิทธิพลให้กับแบรนด์ได้มากเท่าไหร่ รจดจำการเข้าถึงและความได้เปรียบก็จะมากกว่าคู่แข่งในตลาด

เอเจนซี่ที่เชี่ยวชาญในการสร้างแบรนด์ระดับโลก Main & Rose ซึ่งเคยร่วมงานกับหลายแบรนด์ใหญ่มาแล้ว เช่น YouTube และ The United Nations ได้เปิดเผยเคล็ดลับ 3 ข้อหลักๆ ที่มักจะช่วยให้ลูกค้าประสบความสำเร็จอย่างมากในการสร้างแบรนด์ ซึ่งเป็นหลักการจิตวิทยาการตลาดที่จำเป็นอย่างมากในการทำแบรนด์ดิ้งให้เป็นที่รู้จัก

การสร้างแบรนด์ ต้องคิดถึงหลายปัจจัยของผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นความละเอียดอ่อนของจิตใจ ความรู้สึก และการรับรู้ในแต่ละช่วงวัยของกลุ่มเป้าหมาย โดยมีอยู่ 3 หลักการที่แบรนด์ต้องคำนึงก่อนอันดับแรก

 

Color Theory (ทฤษฎีสี)

หลายๆ คนคงรู้อยู่แล้วว่า หมวดสีแบบไหนเป็น #สีร้อน-สีเย็น แต่บางทีธุกิจหรือแบรนด์จำเป็นต้องตีโจทย์ให้แตกจริงๆ ว่าเราต้องการสื่อสารแบรนด์ไปยังกลุ่มลูกค้าไหน หรือเราต้องการให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์ออกมาในรูปแบบไหน ซึ่งสีเป็นสิ่งที่ใช้ในการตีความหมายให้กับแบรนด์ได้ดีมาก ไม่ว่าจะเลือกศาสตร์แบบผสมสี หรือคอนทราสต์แตกต่างแบบสุดขั้ว

มีผลศึกษาของนักจิตวิทยา ระบุว่า 90% ของผู้บริโภคตัดสินใจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์นั้นๆ ด้วยสีที่ดึงดูด หลังจากที่มองเพียง 90 วินาที (การพิจารณาแบบใช้สี ในการวิเคราะห์ถึงแบรนด์อย่างเดียว)

ดังนั้น การดีไซน์โลโก้สำคัญมากต่อการสร้างแบรนด์ ซึ่งตามหลักจิตวิทยาทุกสีมีความหมายที่ตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ที่แบรนด์ต้องการจะสื่อสาร ตัวอย่างเช่น

สีน้ำเงิน – ทำให้จิตใจสงบ

สีแดง/สีเหลือง – ช่วยเพิ่มความอยากอาหาร

สีม่วง – ส่วนใหญ่ถูกพูดถึงราชวงศ์ จึงแสดงถึงความหรูหรา พรีเมียม

สีขาว – กระตุ้นให้เกิดความรู้สึกสะอาด บริสุทธิ์

 

Symbolic Storytelling (ใช้สัญลักษณ์เล่าเรื่อง อาจหมายถึงดีไซน์ตัวอักษรด้วย)

ลองให้นึกภาพตามดูว่าบริษัทแอปเปิลที่โด่งดังระดับโลกทำไมต้องใช้ #แอปเปิล เป็นโลโก้สัญลักษณ์ของแบรนด์ ก็จะเข้าใจว่า ทำไมหลักจิตวิทยาการตลาดถึงสำคัญมากต่อการดีไซน์โลโก้แบรนด์

แอปเปิลไดดีไซน์โลโก้จากเดิมที่เป็นภาพวาดลายเส้นของ เซอร์ไอแซก นิวตัน ที่กำลังนั่งอยู่ใต้ต้นแอปเปิล จนมาเป็นแอปเปิลที่มีรอยกัดอย่างทุกวันนี้ เพื่อสื่อสารว่า พวกเขา (ผู้ก่อตั้ง) มองว่า แอปเปิลเป็นผลไม้แห่งปัญญา เพราะไอแซก นิวตัน ได้ค้นพบทฤษฏีแรงโน้มถ่วงในขณะที่นั่งอยู่ใต้ต้นแอปเปิลแล้วเห็นแอปเปิลร่วงลงมาก่อนเป็นสิ่งประดิษฐ์ใหม่ขึ้นมา นอกจากนี้ สตีฟ จ็อบส์ และเพื่อนๆ ยังชอบนัดปะพบสังสรรค์กันที่สวนแอปเปิลด้วย

โดยเรื่องราวทั้งหมดนี้ถือว่าเป็นส่วนสำคัญในการสร้างคุณค่าทางธุรกิจและปรัชญาการทำธุรกิจให้กับแบรนด์แอปเปิล

แม้แต่สัญลักษณ์แบรนด์ของ Nike ที่เป็นเครื่องหมายเช็คถูก เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่า ผลิตภัณฑ์ของ Nike ถูกต้องและออกแบบมาเพื่อผู้ใชแบบถูกหลักการ ใส่สบาย เป็นมิตรกับสรีระร่างกาย เป็นต้น

ดังนั้น กฎข้อนี้เองทำให้เชื่อว่า ดีไซน์ของโลโก้ไม่ว่าจะเป็นเชิงสัญลักษณ์ หรือการออกแบบตัวอักษร ล้วนเป็นองค์ประกอบในการจดจำแบรนด์ได้ทั้งหมด

 

 

 

Tell a Story (บอกเล่าเรื่องราว)

อย่างที่ยกตัวย่างเรื่องราวของโลโก้แบรนด์แอปเปิลไปแล้ว นี่คืออีกหนึ่งความสำคัญของการสร้างความเชื่อมั่นกับแบรนด์ได้ เพราะทุกๆ การดีไซน์จำเป็นต้องมีเรื่องราวที่มาที่ไปของการก่อตั้งบริษัทเป็นอย่างน้อย

ทั้งนี้ กฎเหล็กข้อสำคัญของการสร้างแบรนด์ ก็คือ การบอกเล่าเรื่องราวแบรนด์สื่อสารถึงผู้บริโภคได้ ยิ่งในยุคนี้คนส่วนใหญ่ โดยเฉพาะคนรุ่นมิลเลนเนียลส์ พวกเขาให้ความสำคัญกับการได้รับแรงบันดาลใจจากการเล่าเรื่องของแบรนด์ และไม่ได้ยึดติดว่าต้องเป็นแบรนด์ใหญ่ที่มีอยู่ในตลาด เพราะทุกแบรนด์สามารถเข้าถึงได้ และพวกเขาพร้อมที่จะ support ทุกแบรนด์ที่สร้างความเชื่อ สร้างแรงบันดาลใจ และสังคมเป็นอันดับแรกๆ

ทั้งหมด 3 หลักการของจิตวิทยาการตลาด เป็นองค์ประกอบสำคัญในการสร้างแบรนด์ ซึ่งการจดจำที่ส่งไปถึงการทำให้เกิด brand loyalty ได้ ถือว่าเป็นเรื่องจำเป็นมากในการทำธุรกิจยุคนี้

 

 

 

ที่มา: forbes


  • 14
  •  
  •  
  •  
  •  
prakai
'ชีวิต' ต้องมีสีสันหลากหลาย เหมือนกับความรู้ที่มีหลายมิติ ทั้งไลฟ์สไตล์, การตลาด, ดิจิทัล, ประเพณี-วัฒนธรรม