ผ่านมาแล้วกว่า 4 เดือนสำหรับการเปิดตัวของ ‘สยาม พรีเมียม เอาท์เล็ต กรุงเทพ’ กับกระแสตอบรับที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ในฐานะที่เป็น top destination แห่งหนึ่งในประเทศไทย แหล่งรวมสินค้า luxury brands และ high-end ต่าง ๆ ก็ต้องมาที่นี่เท่านั้น
แต่บรรยากาศของธุรกิจรีเทลในช่วงนี้อาจจะดูผ่อนคลายความร้อนแรงลงไปบ้าง เพราะยังมีปัจจัยความไม่แน่นอนจากการระบาดของ COVID-19 ที่ยังอยู่ปะปนในชีวิตประจำวันของเรา แต่การปิดพรมแดนและน่านฟ้าของทั่วโลกที่ผ่านมา ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อกลยุทธ์ของ ‘สยามพิวรรธน์ ไซม่อน’ ขณะที่ดีมานด์ความต้องการซื้อสินค้ายังคงมีอยู่ เพียงแต่กลยุทธ์ใหม่ของ สยามพรีเมียมฯ อาจต้องปรับเปลี่ยนไปเล็กน้อยเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน
ขณะเดียวกัน ในภาพรวมของเศรษฐกิจไทยในช่วงนี้ยังคงต้องรอการฟื้นตัวอยู่ แต่เชื่อว่าความเชี่ยวชาญด้านค้าปลีกและอสังหาริมทรัพย์ของทั้ง 2 บริษัท ทั้งสยามพิวรรธน์ และ ไซม่อน พร็อพเพอร์ตี้ (สหรัฐอเมริกา) ซึ่งเชี่ยวชาญด้านธุรกิจพรีเมียมเอาท์เล็ตโดยเฉพาะ จะทำให้กลยุทธ์ดำเนินไปอย่างแข็งแกร่ง ทั้งยังสามารถดึงลักชัวรีแบรนด์ระดับโลกมาไว้ที่นี่ได้โดยไม่ติดขัด
พลังซื้อ ‘คนไทย-ต่างชาติในไทย’ เป็นกลุ่มเป้าหมายใหม่ช่วง 2 ปีนี้
ในเมื่ออุณหภูมิการท่องเที่ยวในไทยยังไม่เหมือนเดิม จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เคยเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญก็ลดลงไปด้วย แต่ความน่าสนใจก็คือ นักช้อปคนไทยโดยเฉพาะในกรุงเทพฯ กลับเป็นกลุ่มลูกค้าหลักที่เข้ามาในช่วงนี้แทน คุณไมเคิล ถัง กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามพิวรรธน์ ไซม่อน จำกัด ผู้ดูแลโครงการ สยามพรีเมียมเอาท์เล็ต กรุงเทพ ได้พูดว่า “ใครจะคิดว่าพลังของนักช้อปคนท้องถิ่นเองนี้แหละที่มีอำนาจมหาศาล สิ่งที่เซอร์ไพรส์เราคือ นักช้อปคนกรุงเทพฯ และจากพื้นที่ใกล้ ๆ เอาท์เล็ตเข้ามาแวะเวียนเราตลอดเวลา ดังนั้น ช่วง 2 ปีข้างหน้านี้ เรามองว่า สยามพรีเมียมเอาท์เล็ตฯ จะโฟกัสไปที่ลูกค้า local เป็นสำคัญ รวมถึงกลุ่มต่างชาติที่ทำงานอยู่ในไทยอยู่แล้ว เช่น คนญี่ปุ่น”
ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับจำนวนคนที่เข้ามาในเอาท์เล็ตแห่งนี้ ในช่วงที่เริ่มเปิดแรก ๆ เดือน มิ.ย. ถือว่าเกินเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้ แต่ด้วยสถานการณ์โควิด-19 จึงทำให้คนที่เข้ามาในเอาท์เล็ตลดลง แต่ก็ถือว่าเป็นจำนวนที่โอเคอยู่ เพราะว่าระดับการใช้จ่ายโดยเฉลี่ยแล้ว ถือว่ายังน่าพอใจ
คุณไมเคิล เปิดเผยด้วยว่า “อายุเฉลี่ยของลูกค้าที่ผ่านมาตั้งแต่เริ่มเปิดสยาม พรีเมียม เอาท์เล็ตฯ ค่อนข้างครอบคลุมหลายกลุ่ม อายุระหว่าง 23-50 ปี และทั้งช่วงวันทำงาน และเสาร์อาทิตย์ มีถึง 80% ที่เป็นคนไทย (ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าจากกรุงเทพฯ) และอีก 20% เป็นคนต่างชาติ เราจึงเชื่อมั่นว่า การจัดโปรโมชั่น-แคมเปญตลอด 3 เดือนนี้ (พ.ย. ถึง ม.ค.) จะช่วยกระตุ้นจำนวนลูกค้าในช่วงปลายปีนี้ให้มากขึ้นอีก 20% จากเป้าที่ตั้งไว้ ขณะที่ยอดจับจ่ายใช้สอยก็น่าจะเพิ่มขึ้น 10-15% โดยเฉลี่ยการใช้จ่ายต่อคนอาจมากกว่า 2,000 บาท”
“ก่อนที่เราจะวางแผนขยายกลุ่มเป้าหมาย สยาม พรีเมียม เอาท์เล็ตฯ ไปต่างจังหวัด เช่น ชลบุรี และเชียงใหม่ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้ที่เราต้องตีโจทย์ให้แตก ก็คือ คนกรุงเทพฯ 12 ล้านคนเราจะดึงดูดเข้ามาที่นี่ได้อย่างไร”
สำหรับกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติวีซ่าพิเศษ (Special Tourist VISA: STV) ที่ได้เริ่มเดินทางเข้าไทยตั้งแต่วันที่ 20 ต.ค.ที่ผ่านมา จนถึงปี 2564 คุณไมเคิล พูดว่า “ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีถ้าบรรยากาศการท่องเที่ยวในไทยจะกลับมาคึกคักมากขึ้น ซึ่งพื้นที่แห่งนี้มีเพียงพอที่จะรองรับอย่างแน่นอน เราเชื่อว่า ลักชัวรี่เอาท์เล็ตของเราจะเป็นแม่เหล็กดึงดูดให้กลุ่มนักท่องเที่ยวเข้ามา และอาจเป็นแลนด์มาร์กใหม่ของการช้อปปิ้งได้”
ถึงแม้ว่าตัวเอาท์เล็ตไม่ได้อยู่ในตัวเมืองกรุงเทพฯ แต่การเดินทางใช้เวลาเพียง 30 นาที จากใจกลางเมืองโดยสามารถใช้รถยนต์ส่วนตัว หรือจะใช้บริการรถ Shuttle Bus รับส่ง Free จากสถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ สถานีมักกะสัน ก็ได้เหมือนกัน สะดวกเพราะรถออกทุก ๆ ชั่วโมง ไม่ต้องรอนาน!
แบรนด์ดัง ‘luxury – fashion’ ในเอาท์เล็ตทยอยเปิดตัว 32 ร้านปลายปีนี้!
กลยุทธ์การตลาดของ สยาม พรีเมียม เอาท์เล็ตฯ พร้อมเป้าหมายต้องการเป็น ‘luxury hub’ ใกล้ความเป็นจริงมากขึ้นเรื่อย ๆ จากเดิมที่ร้านค้าเปิดตัวไปแล้วราว ๆ 60% ปลายปีนี้จะทยอยเปิดเพิ่มอีก 32 ร้านค้า ทำให้โครงการสมบูรณ์มากขึ้นกว่า 90% ถือว่าเป็นฤกษ์งามยามดีเพื่อต้อนรับเทศกาลปีใหม่ช่วงปลายปีพอดี
โดยคุณไมเคิล บอกว่า ตามที่วางแผนเอาไว้พื้นที่เอาท์เล็ตจะแบ่งสัดส่วนใหญ่ 80% เป็นแฟชั่นแบรนด์ และ 10% เป็นสินค้าลักชัวรี่ ส่วนอาหาร-เครื่องดื่มอยู่ในพื้นที่ 10% ที่จัดสรรเอาไว้
จะว่าไปหากเติมร้านค้ากว่า 30 แบรนด์เข้าไปแล้ว เอาท์เล็ตแห่งนี้จะมีร้านทั้งหมดมากถึง 300 แบรนด์ ไม่ว่าจะเป็น ลักชัวรีแบรนด์อย่าง Salvatore Ferragamo และ Breitling ส่วนแฟชั่นแบรนด์ที่รู้จักกันทั่วโลกก็จะอยู่ที่แห่งนี้ด้วย เช่น Marc Jacobs, Karl Lagerfeld, Fred Perry, Jubilee Diamond, Mango, Cotton On, GQ, Converse, Teva, New Era, The Clozet, Grand Motorsport, Body Glove, WRKROOM:, Siam Takashimaya, Santa Barbara, Sabina, Morgan, Daks และ Wacoal
ส่วนอาหารจะมีหลายๆ แบรนด์ที่ยกมาไว้ที่ด้วย ไม่ว่าจะเป็น Bonchon, SUSHiPLUS, KFC, 7-Eleven, Breadtalk หรือ ฮ่องกงนู้ดเดิล และชาตรามือ แบรนด์ไทยที่มีชื่อเสียงก็อยู่ที่นี่เหมือนกัน
คืนชีพบรรยากาศท่องเที่ยว จัด ‘แคมเปญ Year End Sale’ ยาวถึง ม.ค.64
เรียกได้ว่าช่วงนี้น่าจะเป็นช่วงขาขึ้นของลูกค้าอย่างเรา ๆ เพราะมันเป็นช่วง ‘นาทีทอง’ ของหลาย ๆ แบรนด์ ยิ่งใกล้สิ้นปีเมื่อไหร่บรรยากาศการช้อปปิ้งข้ามคืนก็จะเรียกร้องเราดังขึ้น ทั้งแบบ hard year sale, mid-night sale หรือเอาท์เล็ตที่นี่เองก็มีแคมเปญ ‘Year End Sale’ จัดยาวไปจนถึงกลางเดือน ม.ค. 2564
ทั้งแคมเปญและโปรโมชั่นลดกระหน่ำไม่ได้มีเฉพาะแฟชั่นแบรนด์เท่านั้น แต่ประเภทสินค้าลักชัวรีก็เอากับเขาเหมือนกัน อย่าง ‘Karl Lagerfeld และ Fred Perry’ ที่จะเข้ามาเปิดในรูปแบบเอาท์เล็ตแห่งแรกในไทย ก็เตรียมแคมเปญสุดพิเศษ Karl Lagerfeld ลดสูงสุด 40% พร้อมโปรโมชั่นเปิดร้านวันแรก ลด on top 10% ทันทีทุกชิ้น ส่วน Fred Perry ก็ลดสูงสุด 60% เป็นต้น
คุณไมเคิล พูดให้เราฟังว่า “ที่นี่มีแบรนด์ลักชัวรีหลายแบรนด์ที่ราคาถูกกว่าช็อปในเมือง เช่น Balenciaga, Burberry, Salvatore Ferragamo หรือ Breitling ซึ่งตรงนี้แหละที่เป็นจุดเด่นของเรา สินค้าดีพรีเมียมทั้งคุณภาพและราคา บางทีก็มีสินค้ารุ่นเดียวกับที่วางขายในช็อป และก็มีสินค้า Made for Outlet โดยเฉพาะด้วย”
อ่านมาถึงตรงนี้หลาย ๆ คนอาจคิดว่า เดี๋ยวนี้ใคร ๆ เขาก็ไปช้อปปิ้งออนไลน์กันแล้ว ทำไมสยาม พรีเมียม เอาท์เล็ตฯ จึงมั่นใจในกลยุทธ์นี้? คุณไมเคิล บอกเราว่า “ของบางอย่างมันช้อปในออนไลน์ไม่ได้ โดยเฉพาะเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า เพราะหนึ่งเราไม่เห็นสินค้าจริง คุณภาพ และการ cutting รวมถึงไซส์ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมาก อีกอย่างก็คือ ‘ประสบการณ์’ เราไม่สามารถหาประสบการณ์ได้จากโลกออนไลน์สำหรับการช้อปปิ้ง ดังนั้น พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปเชื่อว่าจะไม่เป็นอุปสรรคต่อสยาม พรีเมียม เอาท์เล็ตฯ โดยเฉพาะลักชัวรี่เอาท์เล็ต ซึ่งการจับต้องสินค้าได้ การพูดคุยกับพนักงานขาย และ service ที่ประทับใจเป็น top priority และเป็นเสน่ห์ของเอาท์เล็ต”
ทีนี้สำหรับมาตรการป้องกัน COVID-19 สยาม พรีเมียม เอาท์เล็ต กรุงเทพฯ ได้รับการรับรองมาตรฐานสถานประกอบการจาก Amazing Thailand Safety and Health Administration (SHA) เป็นโครงการความร่วมมือของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ดังนั้น เรื่องความปลอดภัย ที่นี่ค่อนข้างเคร่งครัดในการป้องกันตามมาตรฐานสากล เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้าได้แบบ 100%
รู้แบบนี้แล้วไม่มีอะไรให้ต้องกังวลแล้วนะ ดังนั้น เหลือแค่เราเตรียมพร้อมให้ดีช่วงนาทีทองตลอด 3 เดือนนี้ กับแคมเปญลดราคาครั้งใหญ่ที่แห่งนี้ ส่วนเอาท์เล็ตเฟสต่อไปจะเป็นที่ไหน และกลยุทธ์ของ สยาม พรีเมียม เอาท์เล็ตฯ จะเปลี่ยนไปอีกไหมต้องรอแผน long-term หลังสถานการณ์ดีขึ้นกว่านี้