เดิมพันแสนล้าน! อนาคตทีวีดิจิทัลไทยแขวนอยู่บนเส้นด้าย คำตอบที่ กสทช. ต้องเลือก “ไปต่อ” หรือ “ปล่อยตาย”

  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

เสียงนับถอยหลังดังขึ้นทุกวินาที เมื่ออนาคตของอุตสาหกรรมทีวีดิจิทัลไทยที่มีมูลค่ากว่าแสนล้านบาท กำลังถูกแขวนไว้บนปากเหว ส่งผลให้บรรดาผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล 15 ช่องตกอยู่ในสภาพ “เคว้งคว้าง” มองไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ เมื่อใบอนุญาตที่เปรียบเสมือนลมหายใจของธุรกิจกำลังจะสิ้นสุดลงในเดือนเมษายน ปี พ.ศ. 2572 แต่กลับไร้ทิศทางจากองค์กรกำกับดูแลอย่าง กสทช.

นำมาสู่การยื่นหนังสือเพื่อ “ทวงสัญญา” จากคณะผู้บริหารจากสมาคมโทรทัศน์ระบบดิจิตอล (ประเทศไทย) นำโดยนายกสมาคมฯ คุณสุภาพ คลี่ขจาย เพื่อหวังให้ กสทช. เร่งคลอด Roadmap อนาคตอุตสาหกรรมโทรทัศน์ไทย” หลังเลยกำหนดข้อตกลงในเดือนสิงหาคม 2568 ด้วยความเงียบที่เกิดขึ้นส่งผลให้ผู้ประกอบการร้อนใจกับอนาคตที่ไม่แน่นอน ทั้งอนาคตธุรกิจ การลงทุน และพนักงานอีกนับหมื่นชีวิตที่ยังรอลุ้น โดยมี พลเอก กิตติ เกตุศรี ผู้แทน กสทช.รับมอบหนังสือ

 

ปฐมบทแห่งปัญหาบนเส้นทางที่ไม่มีดอกกุหลาบ

ย้อนกลับไปเมื่อกว่า 10 ปีก่อน การประมูลทีวีดิจิทัลคือความหวังครั้งใหม่ของวงการโทรทัศน์ไทย เพื่อเปิดโอกาสให้เกิดผู้ประกอบการหน้าใหม่ที่มีศักยภาพและเป็นการสร้างความหลากหลายให้กับธุรกิจทีวีของไทย เม็ดเงินมหาศาลถูกเทลงไปเพื่อประมูลใบอนุญาต รวมถึงค่าดำเนินการธุรกิจที่อาจเรียกได้ว่ามีมูลค่าสูงถึงระดับ “แสนล้านบาท” แต่หลายช่องกลับต้อง “ลากเลือด” และล้มหายตายจากไปตามกาลเวลา

ส่วนผู้ที่ยังยืนหยัดอยู่ได้ก็ต้องเผชิญกับภาวะ “เลือดไหลซิบๆ” มาโดยตลอด จนเมื่อผู้ประกอบการเริ่มตั้นต้นธุรกิจได้ (ใช้เวลาอยู่หลายปีมาก) อุปสรรคก็เริ่มปรากฎขึ้น เมื่อเผลอแวบเดียวก็ใกล้สิ้นสุดใบอนุญาตประกอบกิจการในเดือนเมษายน 2572 ปัญหาคือหลังสิ้นสุดใบอนุญาต ผู้ประกอบการจะต้องทำยังไงต่อ จะมีการต่อใบอนุญาตหรือไม่ ต้องประมูลใหม่หรือเปล่า หรือจะยุติลงแล้วให้ผู้ประกอบการหาทางไปเอง

ในแง่ความเป็นจริงของการทำธุรกิจไม่สามารถเปลี่ยนแปลงทุกอย่างได้ภายในวันเดียว จำเป็นต้องมีการวางแผน ยิ่งหากธุรกิจมีขนาดใหญ่จำเป็นต้องใช้เวลาเตรียมการล่วงหน้าเป็นปี เช่น การสร้างสตูดิโอ การเตรียมระบบออกอากาศ ยิ่งไปกว่านั้น หลายบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ การไม่มีความชัดเจนถึงแผนงานในอนาคต อาจส่งผลกระทบต่อนักลงทุนและความเชื่อมั่นของตลาด

“เราเป็นธุรกิจเดียวที่ไม่สามารถกำหนดทิศทางอนาคตของตัวเองได้ เนื่องจากมีเรื่องใบอนุญาตเข้ามา ซึ่งคนที่จะกำหนดทิศทางได้ก็คือหน่วยงานที่เป็นผู้กำกับดูแลหรือผู้ที่ออกใบอนุญาต ถ้าเราสามารถกำหนดทิศทางอนาคตได้เอง จะไม่มีเหตุการณ์การทวงถามถึงทิศทางหรือความชัดเจนในอนาคตแบบตอนนี้แน่นอน” คุณสุภาพ คลี่ขจาย ในฐานะนายกสมาคมฯ กล่าว

ความซับซ้อนของปัญหาคือ คณะกรรมการ กสทช. ชุดปัจจุบันจะหมดวาระลงในปี 2571 ก่อนใบอนุญาตทีวีดิจิทัลจะหมดอายุเพียงปีเดียว หาก Roadmap ทิศทางอนาคตยังไม่ถูกตัดสินใจตอนนี้ จะทำให้เกิดปัญหาในช่วงรอยต่อของการสรรหาบอร์ดชุดใหม่ ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้คนที่รับชมทีวีดิจิทัล

 

คลื่น 3500MHz เจ้าปัญหาวิกฤติซ้อนวิกฤติ

นอกจากปัญหาเรื่องใบอนุญาตทีวีดิจิทัลแล้ว อีกหนึ่งระเบิดเวลาที่ซ่อนอยู่คือ ปัญหาที่ถูกซ่อนใต้พรมมานาน เมื่อย้อนกลับไปในช่วงที่มีการประมูลทีวีดิจิทัล หนึ่งในคำมั่นสัญญาของผู้ออกใบอนุญาตทีวีดิจิทัล คือการเปลี่ยนผ่านให้ผู้ชมที่รับชมทีวีในระบบเดิมทั้ง VHF และ UHF (หรือเสาหนวดกุ้ง ก้างปลาที่เรารู้จักกันในอดีต) ให้หันมารับชมผ่านสัญญาณดิจิทัล

จนช่วงเวลานั้นมีการจำหน่าย แจกจ่าย “กล่องทีวีดิจิทัล” ซึ่งส่วนใหญ่กระจายอยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมถึงหัวเมืองใหญ่ แต่ในหลายจังหวัดผู้ชมยังคงนิยมรับชมผ่านดาวเทียมทำให้กล่องรับสัญญาณไม่สามารถเข้าถึงผู้ชมได้ทั้งประเทศ และด้วยกฎ Must Carry ที่ต้องให้ผู้ชมสามารถเข้าถึงรายการปกติได้โดยไม่มีการกีดกัน ทำให้ผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลจำเป็นต้องกระจายสัญญาณผ่านระบบดาวเทียมเพื่อให้ผู้ชมทุกคนสามารถรับชมได้ผ่านทุกระบบ

ซึ่งการกระจายสัญญาณผ่านดาวเทียมจำเป็นต้องใช้คลื่นความถี่ 3500MHz แต่ด้วยศักยภาพของคลื่นความถี่ในย่านนี้สามารถนำไปให้บริการภายใต้เทคโนโลยี 5G นั่นทำให้ NT หรือ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) จำเป็นต้องประมูลเพื่อนำคลื่นความถี่ย่านนี้ไปให้บริการ 5G แต่อย่างที่กล่าวไปแล้วว่าคลื่นความถี่ย่านดังกล่าว ผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลใช้เป็นส่วนหนึ่งในการออกอากาศผ่านดาวเทียม

นั่นหมายความว่า หากมีการประมูลจัดสรรคลื่นความถี่ย่านนี้จะส่งผลกระทบต่อการออกอากาศผ่านระบบดาวเทียม นั่นหมายความว่าผู้ชมที่รับชมผ่านระบบดาวเทียมจะตกอยู่ในสภาพ “จอดำ” และเป็นผู้ชมกลุ่มใหญ่ของประเทศที่จะได้รับผลกระทบ

“แม้ว่าพฤติกรรมการรับชมทีวีจะลดลง แต่นั่นเป็นพฤติกรรมของผู้คนในเมืองใหญ้เป็นหลัก แต่ผู้คนส่วนใหญ่ของไทยยังคงผูกพันธ์กับทีวี ที่สำคัญหลายคนยังมองว่า ทีวีมีความน่าเชื่อถือมากกว่าสื่ออื่นๆ เนื่องจากมีกฎระเบียบของ กสทช. ควบคุมอยู่ หลายคนยังใช้ทีวีรุ่นเก่าที่ยังไม่รองรับทีวีดิจิทัล เป็นสิ่งที่ยืนยันว่าทีวียังเป็นช่องทางหลักในการสื่อสารของผู้คนส่วนใหญ่” คุณเดียว วรตั้งตระกูล กรรมการและเลขานุการสมาคมฯ กล่าว

 

OTT ทางออกของความซับซ้อนทีวีดิจิทัลไทย

แม้ว่าการประมูลจัดสรรคลื่นความถี่ 3500MHz จะได้รับการพิจารณาใหม่ในช่วงเดือนตุลาคมนี้ แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ที่ต้องนำมาพิจารณาเท่านั้น เพราะใบอนุญาตโครงข่าย หรือ Mux ที่ใช้สำหรับการออกอากาศทีวีดิจิทัล (ไม่ใช่สัญญาณที่ผ่านระบบดาวเทียม) ซึ่งจะหมดอายุก่อนใบอนุญาตของช่องทีวีดิจิทัล หมายความว่าจะเกิดอาการ “จอดำ” สำหรับผู้ที่รับชมผ่านกล่องทีวีดิจิทัลหรือทีวีรุ่นใหม่ที่รับสัญญาณดิจิทัล

หนึ่งทางออกคือแนวคิดเรื่อง National Streaming Platform” หรือแพลตฟอร์ม OTT (Over-the-Top) แห่งชาติ ที่จะเข้ามามีบทบาทท่ามกลางพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป การรับชมผ่านอินเทอร์เน็ตกลายเป็นเรื่องปกติและ OTT ก็คือทางรอดที่สมาคมฯ มองเห็นและได้ยื่นข้อเสนอแนวทางต่างๆ ไปให้ กสทช. พิจารณาทั้งหมด รอเพียงการนำขึ้นโต๊ะประชุมเพื่อให้คณะกรรมการ กสทช. ตัดสินใจเท่านั้น

ซึ่ง OTT แห่งชาติดูเหมือนจะเป็นหนึ่งทางออกที่ผู้ประกอบการให้ความสนใจ การจะเป็น OTT แห่งชาติจำเป้นอย่างยิ่งที่ กสทช.จะเข้ามาดูแลและให้ทุนสนับสนุนกองกลางเพื่อลดภาระผู้ประกอบการในการเปลี่ยนผ่านระบบ แต่ดูเหมือนจะยังไม่ได้รับความสนใจ จนมีการตั้งข้อสังเกตว่า เกิดความขัดแย้งภายในบอร์ด กสทช. ทำให้วาระนี้ถูกเลื่อนออกไปครั้งแล้วครั้งเล่า

 

จะเกิดอะไรถ้าเงียบต่อไปถึงปี 2572

ตอนนี้ธุรกิจทีวีดิจิทัลเรียกว่าอยู่ในยุคมืดที่มองไม่เห็นทางออก โดยทางสมาคมฯ มองว่า หากไร้ซึ่ง Roadmap ที่ชัดเจนภายในสิ้นปี 2568 นี้ ฉากทัศน์ที่เลวร้ายที่สุดในธุรกิจทีวีดิจิทัลอาจกลายเป็นความจริงขึ้นมา โดยเฉพาะอาการ “จอดำ” ทุกช่องทั้งประเทศ และจะส่งผลกระทบที่รุนแรงเกินคาดทั้ง

  • การล่มสลายของอุตสาหกรรมระดับแสนล้าน: ธุรกิจทีวีดิจิทัลจะเข้าสู่ทางตัน ผู้ประกอบการไม่สามารถวางแผนการลงทุน ไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าจะ “ไปต่อ” หรือ “พอแค่นี้” การจ้างงานจะหยุดชะงัก พนักงานนับหมื่นรายเสี่ยงต่อการตกงาน กลายเป็นวิกฤตเศรษฐกิจที่จะส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง
  • ผู้ประกอบการต้องดิ้นรนเอาตัวรอด: เมื่อไม่มีแผนแม่บทเพื่อเป็นแนวทางและทิศทางในอนาคต ทุกคนจะหันไปหาทางรอดตามแนวทางของตัวเอง การเป็นสื่อสาธารณะเข้าถึงทุกบ้านโดยไม่มีค่าใช้จ่ายอาจจะล่มสลายลง แต่ละช่องจะกระโจนเข้าสู่โลก OTT ที่ไร้กฎเกณฑ์อย่างเต็มตัว ซึ่งเป็นสมรภูมิที่มีการแข่งขันสูงและมีผู้เล่นรายใหญ่จากต่างประเทศครองตลาด ผู้เล่นรายเล็กจะล้มหายตายจากแบบไม่มีวันฟื้น
  • ประชาชนเสียโอกาสเข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้อง: ทีวีภาคพื้นดินคือโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูลข่าวสารที่สำคัญของประเทศ เป็นช่องทางที่ประชาชนทุกคนสามารถเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียมและไม่มีค่าใช้จ่าย หากโครงสร้างนี้พังทลายลงไป ประชาชนอาจต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายในการเข้าถึงคอนเทนต์ต่างๆ ผ่านแพลตฟอร์มเอกชน ทำให้คนที่แบกรับภาระไม่ไหว ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลสำคัญและข้อมูลที่ถูกต้องได้ เสี่ยงต่อการเกิดอาชญากรรม และอาจส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศในระยะยาว

สถานการณ์ในวันนี้จึงเปรียบเสมือนคนที่หลงทางในป่าใหญ่ ที่การอยู่เฉยๆ ไม่มีอะไรดีขึ้น แต่จะเดินไปทางไหนก็ไม่กล้ากลัวผิดพลาด การทวงถามสัญญาครั้งนี้ของสมาคมฯ เป็นการส่งสัญญาณเตือนไปยัง กสทช. ถึงความกังวลของผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล

ถึงตอนนี้ หลายคนอาจรู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญเพราะเลิกดูทีวีมานานแล้ว แต่ในอุตสาหกรรมนี้ยังมีอีกหลายชีวิตที่กำลังลุ้นว่าจะ “ตกงาน” หรือ “สานต่ออนาคตครอบครัว” ดังนั้นหากทุกอย่างยังนิ่งต่อไป ไม่ใช่แค่ช่องทีวีที่หายไป แต่หมายถึงคนทำงานที่จะต้องถูกลอยแพ และถ้าเหตุการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้นจริง คงจะกลายเป็นตำนานและหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ไทยที่ต้องกล่าวถึงไปอีกนาน ถึงการล่มสลายของอุตสาหกรรมทีวีไทย รอติดตามคำตอบของ กสทช. ต่อไป


  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
Gigolo
เมื่อเทคโนโลยีอยู่ใกล้กับชีวิตทุกคน มารู้เท่าทันเทคโนโลยีเพื่อใช้มัน แต่อย่าให้เทคโนโลยีมันใช้เรา