มาม่า กับกลยุทธ์ปี 2009

  • 17
  •  
  •  
  •  
  •  

mamaมาม่า เดินหน้าทำตลาดเชิงรุกต่อเนื่อง พร้อมกำเม็ดเงิน 2,000 ล้านบาท ลงทุนได้ทุกเมื่อ  ปีนี้ตั้งงบ 700 ล้านบาท เตรียมออกไฟท์ติ้งแบรนด์ 5 บาท เดือนมีนาคม รับวิกฤตเศรษฐกิจ ส่วนกลางปีเปิดตัวบะหมี่แบบอบไม่ทอด ขยายตลาดส่งออกเพิ่ม คาด ทั้งปีนี้โต 9%

นายพิพัฒ พะเนียงเวทย์ กรรมการผู้อำนวยการ บ. ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ เผยว่า ในปีนี้บริษัทมีแผนการทำตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปต่อเนื่องในเชิงรุกมากขึ้น รวมทั้งผลิตภัณฑ์เวเฟอร์และบิสกิตด้วย เพื่อรับมือกับภาวะเศรษฐกิจที่เป็นอยู่ ทั้งนี้ ปีนี้ตั้งงบประมาณการลงทุนรวมไว้ที่ 500-700 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีที่แล้ว แต่จะเน้นหนักไปทางด้านการลงทุนใหม่ ส่วนการปรับปรุงเครื่องจักรการผลิตเก่าก็มีประจำอยู่แล้ว

“ตอนนี้ที่บริษัทมีเงินสดสำรองไว้พร้อมที่จะลงทุนมากกว่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งแนวทางการลงทุนนั้นก็มีทั้ง 2 แบบ คือ การลงทุนแบบแนวดิ่ง และการลงทุนแบบแนวราบ”

โดยภายในไตรมาสแรก คือ เดือนมีนาคม บริษัทเตรียมที่จะออกสินค้าแบรนด์ใหม่ที่จะมีราคาขายต่ำกว่า มาม่า ที่ขาย 6 บาท คือ จะวางขายราคา 5 บาท หรือเป็นไฟท์ติ้งแบรนด์ เพื่อรองรับกำลังซื้อที่หดตัวลง โดยเบื้องต้นจะวางขายจำนวน 2 รสชาติก่อน ซึ่งอาจจะเป็นรสชาติเก่าๆ ที่เคยทำมา แต่จะไม่ทำรสชาติต้มยำ เพราะจะไปซ้ำกับมาม่า ซึ่งอยู่ระหว่างการเตรียมการว่าจะใช้แบรนด์อะไร และประสานกับทางหน่วยงานภาครัฐเนื่องจากเป็นสินค้าควบคุมราคา

นอกจากนั้นแล้ว ในปีนี้มีแผนที่จะให้ความสำคัญกับการทำตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในระดับสูงหรือกลุ่มไฮเอนด์มากขึ้น เพื่อตอบรับกับเทรนด์การรักษาสุภาพ แม้ว่าตลาดพรีเมียมจะยังเป็นตลาดเล็กมากก็ตาม แต่ก็เป็นตลาดที่มีศักยภาพและมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี

สำหรับผลประกอบการของบริษัท เมื่อปี 2551 ช่วงครึ่งปีแรกยอดขายต่ำกว่าที่คาดไว้ เพราะเมื่อขึ้นราคา 1 บาท ตลาดหายไปส่วนหนึ่ง โดยเฉพาะบางช่วงยอดตกไปกว่า 30% โดยตลาดรวมตกลงประมาณ 3.2% ส่วนของมาม่านั้นตกลง 2% แต่ก็ตกน้อยกว่าตลาดรวม โดยมีรายได้รวม 7,000 ล้านบาท เพิ่มจากปีก่อนหน้า 15% และมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 8% จากมูลค่าตลาดรวม 10,000 ล้านบาทขึ้นไป แต่มาม่าก็มีแชร์เพิ่มขึ้นจาก 51.8% เป็น 52.1% ล่าสุดอยู่ที่ 53% ทั้งนี้ตลาดประเภทซอง มีสัดส่วน 87% จากเดิม 88% ประเภทเส้นขาว 7% เท่าเดิม ส่วนแบบคัพจาก 5% เป็น 6%

Read full story


  • 17
  •  
  •  
  •  
  •