เรียนรู้การใช้กลยุทธ์ Customer Centric ในแบบฉบับของ “เมอร์เซเดส-เบนซ์”

  • 75
  •  
  •  
  •  
  •  

benz

เมื่อพูดถึงแบรนด์ดาวสามแฉก หรือ เมอร์เซเดส-เบนซ์ หลายคนอาจมองว่าเป็นแบรนด์รถชั้นสูง สง่างาม น่าเกรงขาม สุขุมนุ่มลึกแบบผู้ใหญ่ ทำให้คนรุ่นใหม่เข้าไม่ถึงแบรนด์ แม้เมอร์เซเดส-เบนซ์จะมีฐานลูกค้าที่เหนียวแน่นอยู่พอสมควร แต่การขยายฐานลูกค้าใหม่ก็มองข้ามไม่ได้เช่นกัน

ดังนั้น เมอร์เซเดส-เบนซ์ จึงปรับวิธีการทำตลาดใหม่ ชูกลยุทธ์ Customer Centric ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ทำให้ในช่วงปีที่ผ่านมาเมอร์เซเดส-เบนซ์ ทำยอดขายทั่วโลกได้เพิ่มขึ้น 9.9% จาก 2,083,888 คัน เป็น 2,289,344 คัน และในเอเชียแปซิฟิก 875,250 คัน เพิ่มขึ้น 19.2% ในปีที่ผ่านมา สำหรับประเทศไทย ขายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 14,484 คัน เพิ่มขึ้น 23% จากปี 2559 และเติบโตในทุกกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่ม SUV ที่มีสัดส่วนยอดขาย 25%, กลุ่มคอมแพ็คคาร์ หรือรถยนต์ขนาดเล็ก 25%, กลุ่มดรีมคาร์ 15% และกลุ่มลักซัวรี่ 35%

Customer Centric ในแบบของ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ทำอะไรบ้าง

Mr. Frank Steinacher, Vice President of Sales and Marketing of Mercedes-Benz (Thailand) Limited (1)-700

มร.ฟรังค์ ชไตน์อัคเคอร์ รองประธานบริหาร ฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เผยว่า จากความสำเร็จในปีที่ผ่านมา เกิดจากการทำตลาดที่ตรงจุด และตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย ภายใต้กลยุทธ์ Customer Centric ซึ่งประกอบด้วย 3 แกนหลัก

1. มีผลิตภัณฑ์หลากหลายรองรับทุกกลุ่ม

Live Streaming (1)

นอกจากรถในกลุ่มซีดาน (Contemporary Luxury Sedan) อย่าง C-Class E-Class และ S-Class ที่เราคุ้นเคยแล้ว เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังมีรถยนต์ในกลุ่มอื่นๆ ที่ตอบทุกความต้องการของลูกค้าทุกเซกเม้นท์ ได้แก่ รถยนต์กลุ่ม Compact Car ที่เจาะกลุ่มคนมิลเลนเนียล, รถยนต์กลุ่ม SUV ที่ตอบโจทย์ผู้ที่กำลังมองหารถยนต์สำหรับครอบครัว และนอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์เจาะกลุ่ม Niche Market ที่ชื่นชอบความสปอร์ต เร้าใจอย่าง แบรนด์ Mercedes-AMG

รวมถึงการเปิดตัว “EQ – Electric Intelligence by Mercedes-Benz” แบรนด์เทคโนโลยีภายใต้แบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์ เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าที่มองหายนตรกรรมที่โดดเด่นในเรื่องเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อม โดยในปี 2560 สัดส่วนยอดขายรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดคิดเป็น 40% จากยอดขายรวมของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ในประเทศไทย

2. แคมเปญการตลาดที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย

เมื่อภาพลักษณ์แบรนด์ดูห่างไกลจากตัวผู้บริโภค เมอร์เซเดส-เบนซ์ จึงต้องขยัยเข้าไปให้ใกล้ขึ้นด้วย 2 กลยุทธ์สำคัญเป็นแนวทางในการทำแคมเปญการตลาด คือ กลยุทธ์ Best Customer Experience ที่รวบรวมการตลาด การขาย และการบริการหลังการขายไว้ด้วยกัน

เปิดโอกาสให้ลูกค้าเล่าเรื่องด้วยตัวเอง

Mercedes me BOX (2)Mercedes me BAR (4)

หากใครยังจำได้ในปีที่ผ่านมา แคมเปญที่ได้รับการพูดถึงในวงกว้างคือ “Mercedes me Bar” ช็อคโกแลตบาร์แห่งแรกในไทย และ “Mercedes me Box” สไตลิช ลีฟวิ่ง สเปซ ย่านสยามดิสคัฟเวอรี่ ซึ่งตรงกับกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์ ภายนอกแทบจะดูแทบไม่ออกว่าเป็นแคมเปญของเมอร์เซเดส-เบนซ์ มีเพียงแต่แฮชแท็กเล็กๆ ที่บนแก้วเครื่องดื่ม มร.ฟรังค์ เล่าว่า เมื่อลูกค้าเข้ามาในร้านแล้ว เราจะไม่มีการขายใดๆ จะเป็นเพียงพื้นที่สำหรับมอบประสบการณ์แปลกใหม่ เพราะหากเราทำที่นี่ให้เป็นโชว์รูมรถยนต์ คนที่ไม่คิดจะเข้ามา ก็ไม่มีทางเข้ามาแน่นอน แต่การเปิดลีฟวิ่ง สเปซแบบนี้ ทำให้เราใกล้ชิดกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น

โดยตลอดระยะเวลากว่า 4 เดือนที่เปิดให้บริการ มีผู้ที่สนใจมาเยี่ยมชมกว่า 20,000 คน ต้องบอกว่าแคมเปญนี้ใช้พลังของสื่อออนไลน์ได้เต็มที่ เมื่อลูกค้าเข้ามาเจอเครื่องดื่มและอาหารอร่อยๆ ก็จะเกิดการบอกต่อในช่องทางออนไลน์ของตัวเอง ผ่านมุมมองของแต่ละคน จนทำให้แคมเปญนี้เข้าถึงผู้บริโภคในออนไลน์ได้กว่า 3 ล้านคน

She's Mercedes

นอกจากนี้ ในแคมเปญอื่นๆ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ยังได้เปิดตัวแพลตฟอร์มสำหรับผู้หญิงในชื่อ She’s Mercedes เน้นการดูแลลูกค้าผู้หญิงโดยเฉพาะ รวมถึงจัดอีเว้น Sharing Attitude เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ สำหรับโกลบอลแคมเปญ Grow up. ที่ถูกนำมาต่อยอดในประเทศไทยเพื่อสร้างประสบการณ์ และความใกล้ชิดให้เกิดขึ้นกับกลุ่มคนรุ่นใหม่ผ่านสองกิจกรรมภายใต้โปรเจคท์ #GrowupLikeThis คือ “GLA Car Paint x Alex Face” ที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ จับมือกับ “อเล็กซ์ เฟส” (Alex Face) ศิลปินกราฟิตี้ชื่อดังของเมืองไทยสร้างสรรค์ผลงาน “GLA Millennials’Voices’Edition” ด้วยการเพ้นท์ลายกราฟิตี้ลงบน Mercedes-Benz GLA 250 AMG Dynamic

พูดเรื่องยากๆ ให้ง่ายด้วยหนังสั้นเรื่อง Loopbreaker

Loopbreaker (2)

ในแคมเปญ Define Tomorrow เมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้ทำหนังสั้นเรื่อง เมอร์เซเดส-เบนซ์ Loopbreaker กำกับโดย คุณเป็นเอก รัตนเรือง และนำแสดงโดย ชมพู่ อารยา เอ ฮาร์เกต พรีเซนเตอร์ของแบรนด์ เพื่อสร้างการรับรู้ถึงสมรรถนะของรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ที่ใช้เทคโนโลยี EQ ซึ่งด้วยความซับซ้อนของนวัตกรรมยานยนต์ในปัจจุบัน หากให้อ่านหรือศึกษาเองอาจใช้เวลานาน การทำเป็นหนังสั้นจึงถือเป็นมิติใหม่ของวงการยานยนต์ในบ้านเรา

3. ใช้ดิจิทัลแพลตฟอร์มเป็นช่องทางหลัก

การสื่อสารผ่าน Social Media เป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ทั่วโลกให้ความสำคัญ เพราะค่าเฉลี่ยของลูกค้าของแบรนด์น้อยลง การจะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในระยะยาวต้องเริ่มตั้งแต่วันนี้ การใช้สื่อออนไลน์ของแบรนด์เพื่อสร้างประสบการณ์แปลกใหม่ให้ผู้บริโภค ซึ่งแต่ละแพลตฟอร์มที่ใช้ก็มีข้อดีแตกต่างกันไป ทำให้แบรนด์รู้จักกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น และทราบว่าจริงๆ แล้วพวกเขาต้องการอะไร

มร.ฟรังค์ เผยว่า ตอนนี้เว็บไซต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ได้รับการปรับให้รองรับกับกลุ่มเป้าหมายแล้ว มีลูกเล่นต่างๆ มากมาย สามารถเข้าไปลองเล่นกันได้

การทำ Customer Centric ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ แสดงให้เห็นถึงความเข้าใจในความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย และการเลือกใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ก็ทำให้เข้าถึงได้อย่างตรงจุด ตอกย้ำตำแหน่งผู้นำอันดับหนึ่งตลาดรถหรูต่อเนื่อง

 


  • 75
  •  
  •  
  •  
  •