แสนสิริฉีกกลยุทธ์เหนือคู่แข่ง The Iconic Living

  • 1
  •  
  •  
  •  
  •  

แสนสิริฉีกกลยุทธ์เหนือคู่แข่ง เปลี่ยนสูตรการตลาด หันใช้ Emotional Approach สร้างอารมณ์ กระตุ้นการรับรู้แบบระยะยาวผุดไอเดีย ‘THE  ICONIC LIVING’  จับมือค่ายเพลงดัง ‘Love is’ สื่อสารความประทับใจของครอบครัว Sansiri Family ผ่านช่องทางดนตรี

แสนสิริ ขยับใหญ่ในรอบ 3 – 4  ปี ปรับแนวทำการตลาด หันมาใช้ Emotional Approach ฉีกกฎการตลาดอสังหาฯ แบบเดิมๆ หวังเป็นกลยุทธ์เด็ดในการปักธงสร้างความภักดีต่อ

แบรนด์แสนสิริในใจผู้บริโภคยุคใหม่ระยะยาว ผุดแนวคิด ‘THE  ICONIC LIVING’ ผ่าน 5 ธีมมาร์เก็ตติ้งหลัก ได้แก่  Inspiration – Tomorrow – Beautiful Community

Exclusive และ Goodwill โดยจับมือพันธมิตรธุรกิจค่ายเพลงชื่อดัง Love is ถ่ายทอดความประทับใจของครอบครัว Sansiri Family ผ่านดนตรี

สำหรับการแข่งขันในตลาดอสังหาริมทรัพย์ แสนสิริจัดว่าเป็นผู้นำที่มีส่วนแบ่งการตลาดรายใหญ่รายหนึ่งในธุรกิจฯ การเปิดตัวแนวคิด ‘THE ICONIC  LIVING’  ใหม่ เมื่อวันที่ 9 มีนาคม  2553 นอกจากเป็นการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การตลาดให้แสนสิริล้ำหน้าคู่แข่งหลายช่วงตัว โดยนำคอนเซ็ปต์ Emotional Benefit บอกต่อความคุ้มค่าถึงผู้บริโภค มากกว่าการนำเสนอด้าน Functional Benefit  เหมือนในอดีต และอาจกล่าวได้ว่า นี่คือ ยุทธศาสตร์สร้างฐานลูกค้าใหม่ ตามทิศทางการสร้างยอดขายในยุคสร้างอารมณ์ เพื่อช่วยในการตัดสินใจซื้อง่ายขึ้น มากกว่าแคมเปญโปรโมชั่นทั่วๆ ไป

สมัชชา  พรหมศิริ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดองค์กร บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร กล่าวยอมรับว่า การเปิดตัวแนวคิด ‘THE  ICONIC LIVING’ เป็นการทำตลาดรอบใหม่ในช่วง 3 – 4 ปี หลังจากช่วงที่ผ่านมา กิจกรรมการตลาดในกลุ่มตลาดที่อยู่อาศัยจะแข่งขันกันเรื่องสงครามราคา ทำให้การแข่งขันวนเวียนในเรื่องเดิมๆ ไม่ได้มีพัฒนาการใหม่ๆ โดยแนวคิดดังกล่าวจะประกอบไปด้วย 5 ธีมมาร์เก็ตติ้งหลัก ที่จะใช้เป็นยุทธศาสตร์การทำการตลาดตลอดปี 2553 ได้แก่

  1. Inspiration หรือการเปิดรับทุกมุมมองและประสบการณ์ใหม่ ๆ ของการใช้ชีวิตใกล้ตัวและจากทั่วโลก ทำให้มีแรงบันดาลใจที่จะใช้ในการพัฒนาการออกแบบงานดีไซน์ เพื่อสร้างรูปแบบการใช้ชีวิตอย่างเต็มที่และดีกว่าวันวาน
  2. Tomorrow นวัตกรรมแห่งวันพรุ่งนี้ เริ่มจากวันนี้ โดยนำองค์ความรู้ที่ได้เก็บเกี่ยวจากทั่วทุกมุมโลก และแนวโน้มของการเปลี่ยนแปลงที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต พัฒนาเป็นที่อยู่อาศัย และสร้างนวัตกรรมแห่งการใช้ชีวิตซึ่งไม่ว่าเวลาจะเปลี่ยนแปลงไปเท่าใด การใช้ชีวิตที่แสนสิริก็จะพบความสุขได้เสมอ เห็นได้จากโครงการต่างๆ ของแสนสิริที่แม้ระยะเวล่าจะผ่านมานานเท่าใด แต่ยังคงความทันสมัยอยู่ไม่เปลี่ยนแปลง
  3. Beautiful Community (CRM) นอกเหนือจากการสร้างบ้านคุณภาพ ใช้สอยได้อย่างเต็มประสิทธิภาพแล้ว แสนสิริให้ความสำคัญกับลูกบ้านในการจัดกิจกรรมหลังการขาย เพื่อการสร้างความสัมพันธ์ในการใช้ชีวิตร่วมกันด้วยบริการต่าง ๆ ทำให้ทุกชีวิตในครอบครัวแสนสิริเป็นครอบครัวคุณภาพขนาดใหญ่ที่อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข
  4. Exclusive (Partnership) ม่งมั่นสรรหาสิทธิพิเศษแตกต่าง และมีสิทธิประโยชน์เหนือกว่า ในหลากหลายรูปแบบจากพันธมิตรทางธุรกิจของแสนสิริเพื่อเติมเต็มและอำนวยความสะดวกให้ทุกรูปแบบการใช้ชีวิตของลูกบ้านแสนสิริดำเนินไปอย่างเต็มที่  และ
  5. Goodwill  (CSR) พร้อมเป็นส่วนหนึ่งของสังคมเพื่อสร้างสรรค์สังคมที่สวยงาม โดยเน้นไปที่ “เด็ก” เพราะเด็ก คือ อนาคตของชาติอย่างแท้จริง ที่จะเติบโตขึ้นในสังคมแห่งความสุขและสามารถสร้างสังคมใหญ่ที่สวยงามและยั่งยืนได้ในที่สุด

จาก Functional  Benefit  สู่ยุคสร้างอารมณ์…

สำหรับสูตรสำเร็จการแข่งขันตลาดที่อยู่อาศัยในอดีต การสื่อสารภาพลักษณ์สินค้า จะยกภาพลักษณ์ด้าน Functional Benefit ในเรื่องโปรโมชัน หรือการลดราคาเป็นจุดขายบอกต่อถึงผู้บริโภค แต่ก้าวใหม่ของแสนสิริ ต้องการนำเสนอภาพลักษณ์สินค้าให้มากกว่าแคมเปญลด แลก แจก แถม ทั่วๆ ไป ต่างจากผู้ประกอบการรายอื่นๆ ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ยังคงใช้สูตรการตลาดแบบเดิมๆ  โดยแสนสิริ ต้องการสร้างความแตกต่าง (Differentiate) เรื่องสินค้า การนำเสนอภาพลักษณ์ ภายใต้คอนเซ็ปต์ Emotional Benefit เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกผูกพันธ์ ซึ่งจะทำให้ลูกค้ามี Brand Loyalty และอาจจะส่งผลให้มีการตัดสินใจซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้นในระยะยาว

“กลยุทธ์ฉีกกรอบแนวคิดแบบเดิมๆ ด้วยแนวคิด THE ICONIC LIVING ในการเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของลูกบ้าน หรือเข้าไปอยู่ในใจของผู้บริโภค และเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ซึ่งหากได้รับผลตอบรับจากแนวคิดดังกล่าว แสนสิริมั่นใจว่าจะกระตุ้นยอดขายเติบโตประมาณ 20% จากปีที่ผ่านมา และสามารถชิงส่วนแบ่งการตลาดคู่แข่งได้มากขึ้นเป็น 15% จากปัจจุบันที่มีส่วนแบ่งการตลาดสูงที่ 13%” คุณสมัชชา กล่าว

ทั้งนี้ แสนสิริเตรียมจัดกิจกรรมการตลาด รวมถึงเตรียมงบโฆษณาประชาสัมพันธ์เพื่อรองรับแนวคิด THE ICONIC  LIVING ผ่านสื่อต่างๆ ประมาณ 100 ล้านบาท จับมือกับพันธมิตรธุรกิจทางดนตรี Love is ค่ายเพลงที่มีจุดเด่นความเป็นครอบครัว ทำงานเพลงร่วมกัน โดยใช้เพลงเป็นของขวัญที่นำมามอบแก่ลูกบ้านแสนสิริเพื่อร่วมกันถ่ายทอดความประทับใจไปสู่ครอบครัว Sansiri Family รวมทั้งยังวางแผนทำกิจกรรมเพื่อลูกบ้านแสนสิริร่วมกันต่อไปในระยะยาวอีกด้วย

การเคลื่อนไหวทางการตลาดครั้งสำคัญของแสนสิริ โฉมใหม่ จึงเปรียบเสมือน Fight Back ที่ไม่เพียงจะรักษาฐานที่มั่นของแสนสิริ แต่ยังมองข้ามช็อตกินส่วนแบ่งตลาดแบรนด์อื่นๆ จากจุดแข็งด้านความเชื่อมั่นและไว้วางใจภายใต้แบรนด์ที่อยู่อาศัยของแสนสิริ และจากความเชื่อถือมาโดยตลอดระยะเวลากว่า 20 ปี  สร้างคอนโดมิเนียมมาแล้วกว่า 67 โครงการ บ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์กว่า 100 โครงการ และสร้างที่อยู่อาศัยมาแล้วมากกว่า 17,000 หลัง ภายใต้จำนวนลูกค้าที่ให้ความเชื่อมั่นกว่า 50,000 ราย…ทุกๆ วันของแสนสิริ คือ การมุ่งมั่นมอบความสุขรอบด้านให้กับลูกบ้าน ครอบคลุม 360 องศาของชีวิต ใส่ใจทุกรายละเอียดของไลฟ์สไตล์ และตั้งใจเป็นให้มากกว่าการสร้างบ้านคุณภาพ เพราะเข้าใจว่า คำว่า “บ้าน” มีความหมายต่อลูกบ้านเพียงใด …


  • 1
  •  
  •  
  •  
  •