ไทยเบฟ ฉลองเดินแผนตามเป้า 2020 พร้อมเล็งเป้าพัฒนาคนและเทคในแผน 2050

  • 267
  •  
  •  
  •  
  •  

Vision

บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) หรือที่เรามักเรียกกันสั้นๆ ว่า “ไทยเบฟ” ผู้ผลิตเครื่องดื่มในประเทศไทย ไม่ใช่ซิ!!!…ต้องบอกว่าเป็นผู้ผลิตเครื่องดื่มรายใหญ่ในภูมิภาค ซึ่งเป็นไปตามแผนหรือเป้าที่วางไว้ Vision 2020 ที่ต้องสามารถครองตำแหน่งผู้นำเครื่องดื่มในภูมิภาค โดยไทยเบฟมีส่วนแบ่งการตลาดในระดับภูมิภาคอยู่ที่ประมาณ 26% ครองอันดับหนึ่งในตลาดภูมิภาคนี้

โดย คุณฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) และผู้บริหารสูงสุดกลุ่มธุรกิจเบียร์ ชี้ว่า ถือเป็นความภาคภูมิใจในระดับโลกของภูมิภาคอาเซียน ซึ่งไทยเบฟได้รับคัดเลือกให้เป็นอันดับที่ 1 ของโลกในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มและ Industry Leader ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 และได้เป็นสมาชิกในกลุ่มดัชนี DJSI World ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 รวมถึงกลุ่มดัชนี DJSI Emerging Markets หรือกลุ่มตลาดเกิดใหม่เป็นปีที่ 4

Thapana ThaiBev
คุณฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) และผู้บริหารสูงสุดกลุ่มธุรกิจเบียร์

ขณะนี้เรากำลังขับเคลื่อนและผลักดันเข้าสู่เป้าหมายอย่างสง่างามในฐานะ Stable and Sustainable Asean Leader เป็นบริษัทไทยที่มีการเติบโตอย่างยั่งยืนอยู่ในภูมิภาคอาเซียน โดยผลประกอบการ 9 เดือนของปี 2019 ถึงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมานี้ มียอดขายรวมอยู่ที่ 205,277 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 18.2% EBITDA เพิ่มขึ้น 21.0% เป็น 36,265 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 21,894 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 16.1%

Net Profit

จากแผน Vision 2020 ได้กำหนดไว้ 5 เรื่องสำคัญ โดยจะเน้นไปที่เรื่องของ Growth การเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ และ Diversity ความหลากหลายของสินค้าและตลาด โดยเฉพาะการขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาดสำคัญ เช่น เวียดนามและเมียนมาร์ นอกจากนี้ยังเน้นในเรื่อง Brand และ Reach ซึ่งได้ให้ความสำคัญไปที่ฝ่ายการตลาดและการขายให้ทำงานควบคู่กันไปอย่างใกล้ชิด เพิ่มความเข้าใจผู้บริโภคและการเข้าถึงลูกค้า

อีกเรื่องสำคัญคือ Professionalism ความเป็นมืออาชีพด้วยการพัฒนาขีดความสามารถของบุคลากร ซึ่งเป็นเรื่องที่ไทยเบฟให้ความสำคัญเป็นอย่างมากกับพนักงานกว่า 60,000 คน โดยไทยเบฟมีการค้นหาให้คนที่มีศักยภาพเติบโตควบคู่ไปกับธุรกิจแบบไร้ขีดจำกัด ในด้านองค์ความรู้ต่างๆ เป็นสิ่งที่ช่วยให้คนได้โอกาสในการพัฒนาหน้าที่การงาน ยิ่งธุรกิจเติบโตไปเท่าไหร่โอกาสก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น

ที่สำคัญยังมีการวางแผน Vision 2025 ซึ่งมีเรื่องสำคัญอยู่ 2 เรื่อง คือ เรื่องการเปลี่ยนแปลงทางด้านดิจิทัล ซึ่งเทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว แต่ก็ช่วยสร้างโอกาสทางธุรกิจ และสามารถพัฒนาทั้งผลิตภัณฑ์ รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการทำงานของเราในเรื่องที่จะเข้าสู่โลกของ Digital Age จึงเป็นเรื่องที่จำเป็นต้องทำและหลีกเลี่ยงไม่ได้

Human Develop Skill

แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะคนต้องมีความพร้อม จึงเป็นเหตุผลที่ไทยเบฟต้องวางแผนด้านเทคโนโลยีไปถึงปี 2030 และกำหนดแผนพัฒนาคนไปถึงปี 2050 เพราะคนที่จะเป็นผู้บริหารในปี 2050 หรืออีก 30 ปีข้างหน้า ก็คือคนที่เพิ่งเข้ามาทำงานกับไทยเบฟในปี 2020 ที่อายุเฉลี่ยอยู่ที่ 20 ปี ในปี 2050 พนักงานเหล่านั้นจะมีอายุ 50 ปี จึงจำเป็นต้องหาคนที่เหมาะสมกับแผนที่วางไว้

นอกจากนั้นก็ยังมีคน 60,000 คนที่จะต้องเตรียมรองรับเทคโนโลยีที่จะเข้ามา คนบางส่วนต้องส่งเสริมทักษะและศักยภาพ (Upskill) บางส่วนต้องกลับมาเรียนรู้กันใหม่ (Reskill) เพราะอนาคตรถ Forklift ในโกดังอาจกลายเป็น Self-Driving นั่นจึงทำให้ต้องพัฒนาทักษะด้านอื่น เพื่อให้เข้าเหล่านั้นยังสามารถสร้างประโยชน์ให้กับองค์กรได้ จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องมองให้ไกลและเตรียมคนให้พร้อม

คุณฐาปนยังเสริมว่า การมองแบบนี้ เรามองไปในตลาดที่อยู่ในปัจจุบันไม่น่าจะเพียงพอ เมื่อเรามีโอกาสและประสิทธิภาพ เราจึงไม่ได้มองเพียงเรื่องของอาเซียน ซึ่งจะมีประชากรสูง 700 ล้านคน ภายในปี 2025 รวมถึงนักท่องเที่ยวอีกกว่า 120 ล้านคน เหมือนใน Vision 2020 แต่ในปี 2025 ผมมองไปถึงอาเซียน+6 ซึ่งมีประชากรรวมกันกว่าครึ่งโลก

ThaiBev

อาเซียน+6 จะมีประเทศที่มีอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจสูง เช่น เมียนมาร์ เติบโต 7.4%, กัมพูชา เติบโต 7.2%, ลาว เติบโต 7.1% และเวียดนาม เติบโต 6.2% ขณะที่กลุ่มประเทศที่ต้องจับตามองในปัจจุบันคือ MTV (เมียนมาร์ ไทยและเวียดนาม) นอกจากนี้เมื่อมองไปข้างหน้าก็จะเห็นโอกาสที่น่าตื่นเต้น โดยเฉพาะโอกาสจากการเชื่อมโยงระบบเศรษฐกิจของโลกผ่านโครงการสำคัญ เช่น Belt Road Initiative ของประเทศจีน

 

สุราปรับแพ็คเกจ เบียร์ขยายฐานสู่เพื่อนบ้าน

ด้าน คุณประภากร ทองเทพไพโรจน์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่, ผู้บริหารสูงสุด กลุ่มธุรกิจสุรา และผู้บริหารสูงสุด กลุ่มบริหารช่องทางการจำหน่าย ชี้ทิศทางตลาดสุราว่า มีการปรับเปลี่ยน Packaging และเพิ่มปริมาณในกลุ่มสุราขาวและกลุ่มสุราสี รวมไปถึงการสร้างแบรนด์ Kulov ผลิตภัณฑ์กลุ่ม White Spirit ให้เป็นที่รู้จักของตลาด ในส่วนตลาดเมียนมาร์แบรนด์ Grand Royal สามารถสร้างยอดขายทะลุ 10 ล้านลัง เป็นผลมาจากการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการกระจายสินค้าอย่างต่อเนื่อง

Kosit ThaiBev
คุณโฆษิต สุขสิงห์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุด สายธุรกิจเบียร์ ประเทศ ไทย และผู้บริหารสูงสุด กลุ่มธุรกิจต่อเนื่อง

ขณะที่ คุณโฆษิต สุขสิงห์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุด สายธุรกิจเบียร์ ประเทศ ไทย และผู้บริหารสูงสุด กลุ่มธุรกิจต่อเนื่อง ชี้ว่า ภาพรวมตลาดเบียร์ในประเทศไทยปี 2019 เติบโตต่อเนื่อง จากผลสำรวจล่าสุดจาก IPSOS พบว่า เบียร์ช้างเป็นแบรนด์เบียร์อันดับ 1 ของประเทศไทย ที่ผู้บริโภคจะเลือกดื่ม นอกจากนี้ยังทุ่มงบกว่า 1,100 ล้านบาท สนับสนุนสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยยาวนาน 10 ปี (ตั้งแต่ปี 2559 จนถึง ปี 2568) ปลุกกระแสช้างศึก #เล่นไม่เลิก

พร้อมกันนี้กลุ่มผลิตภัณฑ์เบียร์ยังได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในวาระครบรอบ 25 ปี และจะยังคงเดินหน้าลุยธุรกิจเบียร์และสานต่อกิจกรรมการตลาดและกิจกรรมด้านอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างประสบการณ์รูปแบบใหม่ๆ ให้แก่ผู้บริโภค ที่สำคัญยังมีเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่งเมื่อ “ไทยเบฟ” ได้รับการจัดอันดับให้เป็นผู้นำอันดับ 1 อุตสาหกรรมเครื่องดื่มของโลก (Industry Leader) ซึ่งหมายถึงการเป็นบริษัทที่มีการพัฒนาความยั่งยืนในมาตรฐานสากลในระดับโลก ที่จัดทำโดย S&P Dow Jones ให้เป็นสมาชิกใน DJSI ประจำปี 2562

โดยได้รับการยอมรับในการเป็นผู้นำสูงสุดต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ทั้งหมดนี้ภาคอุตสาหกรรมในระดับโลกมีเพียง 60 บริษัทเท่านั้นที่ได้รับการคัดเลือก ซึ่งไทยเบฟสามารถทำคะแนนรวมสูงสุดได้ 92 คะแนนสูงสุดจาก 61 ประเภทอุตสาหกรรมทั่วโลก ซึ่งไทยเบฟทำคะแนนได้ดีเหนือคู่แข่งใน 15 ด้าน นอกจากนี้ ยังสามารถทำคะแนนเต็ม 100 คะแนนใน 12 หัวข้อ ผลการประเมินในครั้งนี้ถือเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ของไทยเบฟ ที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นสู่การเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มที่ใส่ใจด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนในระดับโลกอย่างแท้จริง

Edmond ThaiBev
คุณเอ็ดมอนด์ เนียว รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่, ผู้บริหารสูงสุด กลุ่มบริหารการลงทุนตราสินค้า

ส่วน คุณเอ็ดมอนด์ เนียว รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่, ผู้บริหารสูงสุด กลุ่มบริหารการลงทุนตราสินค้า นำเสนอว่า โรงเบียร์ Emerald Brewery ในสหภาพเมียนมาร์ จะช่วยเสริมสร้างจุดยืนที่แข็งแกร่งให้กับไทยเบฟฯ ในภูมิภาค เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในฐานะผู้ผลิตเครื่องดื่มชั้นนำในภูมิภาค ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างไทยเบฟฯ กับ บริษัท เฟรเซอร์ และนีฟ จำกัด (F&N) ในการสร้างโรงงานเพื่อผลิตเบียร์ช้างในประเทศเมียนมาร์

โดยโรงเบียร์ Emerald Brewery ตั้งอยู่ที่เขตชุมชนเลกู เมืองย่างกุ้ง เมืองที่ใหญ่ที่สุดของสหภาพเมียร์มาร์ โดย Emerald Brewery มีกำลังการผลิตปีละประมาณ 50 ล้านลิตร และจัดจำหน่ายทั่วประเทศสหภาพเมียร์มาร์ใน 5 รูปแบบ คือ แบบขวดปริมาณ 320 มล. และ 620 มล. ,แบบกระป๋อง 330 มล. และ 500 มล. รวมทั้งแบบถังปริมาณ 30 ลิตร

Investment

และ คุณเบนเนตต์ เนียว กรรมการผู้อำนวยการ ซาเบโก้ เบียร์ เบฟเวอเรจ คอเปอเรชั่น ชี้ว่า “Sabeco บริษัทในเครือไทยเบฟ ผู้ผลิตเบียร์ Bia Saigon เบียร์อันดับหนึ่งในเวียดนาม ได้ดำเนินการปรับเปลี่ยนรูปแบบองค์กรเพื่อให้ทันสมัยตามมาตรฐานสากลผ่าน 7 Pillars ทั้งการขายที่ให้ผลตอบแทนตัวแทนจำหน่าย และความสามารถศักยภาพในด้านการขาย, การลงทุนในตราสินค้าด้วยการเปลี่ยนแปลงบรรจุภัณฑ์, การผลิตด้วยการก่อสร้างโรงเบียร์แห่งที่ 26 เสร็จสิ้น, ระบบ Supply chain ที่มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้, ต้นทุนที่เน้นลดต้นทุนค่าใช้จ่ายในการบริหาร, โครงสร้างเงินเดือนใหม่ซึ่งพิจารณาตามผลงานที่รับการสนับสนุนจาก ThaiBev และคณะกรรมการบริหารที่มีการกำหนดกลยุทธ์ระยะยาว

 

เครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์เติบโต ควบคู่กับร้านอาหาร

โดย คุณลี เม็ง ตัท กรรมการผู้อำนวยการ กลุ่มธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ และ คุณเลสเตอร์ ตัน ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ และผู้บริหารสูงสุด สายธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอลล์ ประเทศไทย ชี้ว่า ธุรกิจ NAB (Non-Algohal Beverage) ในไทยมีผลประกอบการดีขึ้น 42.6% จากปีต่อปี โดยเน้นที่การขายสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูงผ่านช่องทางที่มีกำไรมากขึ้น รวมถึงการมองหาวิธีประหยัดต้นทุนที่สูงขึ้นทั้งระบบ และการปรับเปลี่ยนผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคโดยเฉพาะในเรื่องสุขภาพ ซึ่งจะเห็นได้จากผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำตาลต่ำและไม่มีน้ำตาลได้รับความนิยมมากขึ้น

Nongnuch ThaiBev
คุณนงนุช บูรณะเศรษฐกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุด สายธุรกิจอาหาร ประเทศไทย

ด้าน คุณนงนุช บูรณะเศรษฐกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุด สายธุรกิจอาหาร ประเทศไทย มองว่า กลุ่มธุรกิจอาหารยังคงเดินหน้าตามเป้าหมาย “Vision 2020” โดยผลประกอบการเป็นไปตามเป้าหมายที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งยอดขายและกำไร โดยมีปัจจัยหลักมาจาก การขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเข้าถึงลูกค้าได้มากที่สุด ซึ่งในปีนี้ (ต.ค 61 – ก.ย.62) กลุ่มธุรกิจอาหารจะมีการเปิดสาขาใหม่ทั้งสิ้น 59 สาขา

Branch

การทำการตลาดและสร้างแบรนด์อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำนวัตกรรมอาหาร ที่สร้างความแปลกใหม่ให้กับผู้บริโภค, การให้ความคุ้มค่ากับผู้บริโภค โดยคำนึงถึงคุณภาพของผลิตภัณฑ์และบริการที่เรามอบให้ผู้บริโภคเป็นสิ่งสำคัญลำดับแรก, การให้บริการลูกค้าผ่านช่องทางดิจิทัล ที่รองรับการขยายตัวของตลาดเดลิเวอรี่กลุ่มธุรกิจอาหารที่ตอบสนองความต้องการด้านความสะดวกสบายให้กับผู้บริโภคในยุคนี้ และการมุ่งเน้นพัฒนาด้านต่างๆ ภายในองค์กร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และผลลัพธ์ของงานให้ดียิ่งขึ้น

Key Success

 

บุคลากรเป้าหมายเพื่อความยั่งยืน

ขณะที่ ดร.เอกพล ณ สงขลา รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ และผู้บริหารสูงสุด กลุ่มทรัพยากรบุคคล ชี้ว่า กลุ่มไทยเบฟกำลังเดินทางสู่ช่วงปี 2020 ในฐานะบริษัทชั้นนำระดับอาเซียน ด้วยจำนวนพนักงานกว่า 60,000 คน ซึ่งกว่าครึ่งเป็นพนักงานรุ่นใหม่หรือเจน Y กุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จคือการเพิ่มพูนศักยภาพของพนักงานในยุคดิจิตัล ร่วมกันผสานพลังทั้งกลุ่มโดยเฉพาะการสร้างให้อาเซียนเป็นบ้านของเราอย่างแท้จริง

Human Resource

ซึ่งในปีทีผ่านมาได้เชื่อมโยงประสบการณ์พนักงานในกลุ่มด้วยระบบ Beverest ซึ่งเป็นระบบ Cloud system ทำการพัฒนาผู้มีศักยภาพของกลุ่มตั้งแต่ระดับคนรุ่นใหม่ไปถึงผู้บริหารระดับสูง ทั้งในไทย สิงค์โปร์ มาเลเซีย เวียดนามและเมียนมา และนอกจากนี้ไทยเบฟได้รับรางวัลอันทรงเกียรติ Best Companies to Work for in Asia 2019 จากนิตยสาร HR Asia ซึ่งทำการวิเคราะห์ข้อมูลวัฒนธรรมพนักงานระดับนานาชาติ

สอดคล้องกับแนวทาง โอกาสไร้ขีดจำกัดหรือ Limitless Opportunities ของไทยเบฟได้แก่ โอกาสการเติบโตในสายอาชีพ โอกาสการเชื่อมความสัมพันธ์ และโอกาสสร้างสรรค์ประโยชน์เพื่อสังคม ทั้งในระดับประเทศไทยและอาเซียน


  • 267
  •  
  •  
  •  
  •  
Gigolo
เมื่อเทคโนโลยีอยู่ใกล้กับชีวิตทุกคน มารู้เท่าทันเทคโนโลยีเพื่อใช้มัน แต่อย่าให้เทคโนโลยีมันใช้เรา
CLOSE
CLOSE