Kiehl’s แบรนด์สกินแคร์ที่ยืนหยัดเจตนารมณ์ในการพัฒนาและช่วยเหลือสังคมอย่างต่อเนื่อง

  • 23
  •  
  •  
  •  
  •  

Kiehl’s หรือ คีลส์ เป็นแบรนด์ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพรรณและเส้นผม จากนิวยอร์กที่ได้รับการยอมรับจากลูกค้าทั่วโลกมากว่า 165 ปี สำหรับบ้านเรา จะสามารถพบเห็นช็อป Kiehl’s ตั้งเป็น stand-alone อยู่ในศูนย์การค้าหลายแห่งในประเทศ และบ้านเราอาจจะยังไม่คุ้นชินกับการที่แบรนด์ผลิตภัณฑ์ความงามลุกมาทำแคมเปญที่มุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในสังคมและแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม

เป็นโมเดลที่ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับ คีลส์ เพราะคีลล์มีปณิธานมุ่งมั่นที่จะพัฒนาสังคมให้ดีขึ้นใน 3 ด้าน คือ เด็ก สิ่งแวดล้อม และปัญหา HIV/AIDS เป็นความตั้งใจที่หยั่งลึกอยู่ในแบรนด์มาตั้งแต่ทศวรรษที่ 80 จนถึงปัจจุบัน และนับจากปี 1996 เป็นต้นมา คีลส์ ระดมเงินทุนเพื่อการกุศลได้มากกว่า 5,000,000 เหรียญสหรัฐ ซึ่งจุดมุ่งหมายของคีลส์คือ ต้องการให้ทุกคนในสังคมเชื่อว่าไม่ว่าคุณจะเป็นใคร คุณก็สามารถมีส่วนเปลี่ยนแปลงสังคมที่คุณอยู่ให้ดีขึ้นได้ และคีลส์
ก็ได้ส่งต่อปณิธานนี้ไปยังสาขาในประเทศต่างๆทั่วโลก

สำหรับประเทศไทย คีลส์ ได้สานต่อ Kiehl’s Give ซึ่งเป็น Global Campaing ที่รันต่อเนื่องในบ้านเรามาเป็นปีที่ 6 แล้ว และในโอกาสครบรอบ 165 ปีในปีนี้ Kiehl’s ประเทศไทยได้ริเริ่มโครงการ “Blind But Not Blind” ภายใต้แคมเปญ Kiehl’s Gives ขึ้น ซึ่งเป็นโครงการการกุศลที่มุ่งพัฒนาศักยภาพของเด็กผู้พิการทางสายตาอย่างยั่งยืน คีลส์ดึงเอาผลิตภัณฑ์ที่ขายดีที่สุดของแบรนด์อย่าง Powerful-Strength Line-Reducing Concentrate หรือ “Vit-C” มาทำเป็นรุ่น “Blind But Not Blind” เป็น “Vit-C” รุ่นพิเศษที่หากมีการซื้อ 1 ชิ้น จะเท่ากับร่วมบริจาค 50 บาท ให้กับโครงการ ซึ่งโครงการจะนำเงิน 150,000 ที่ได้จากการบริจาคในครั้งนี้ ไปมอบเป็นทุนการศึกษาด้านศิลปะบำบัดให้แก่เด็กผู้พิการทางสายตา ณ โรงเรียนสอนคนตาบอดกรุงเทพ

Kiehl’s-1

โดย คีลส์ ได้ร่วมมือกับกลุ่ม “Heart OF HAPPINESS” (ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการจัดกิจกรรมสอนศิลปะบำบัด เพื่อฟื้นฟูสภาพจิตใจ พัฒนาอารมณ์ สติปัญญา สมาธิ และ ความคิดสร้างสรรค์) จัดคอร์สศิลปะบำบัดตลอด 1 ปี ให้แก่เด็กที่พิการทางสายตา ณ โรงเรียนสอนคนตาบอดกรุงเทพ โครงการนี้จัดขึ้นเป็นปีแรกและคีลล์ตั้งใจจะสานต่อโครงการนี้ต่อไปในทุกๆปี ด้วยเจตนารมณ์อันมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือและพัฒนาสังคมให้ดียิ่งขึ้นอย่างยั่งยืน

และด้วยรูปแบบแคมเปญที่เสมือนเป็นการเชิญชวนให้ร่วมใจกันหยิบยื่น ‘คนละเล็กละน้อย’ เพื่อนำไปสู่ผลลัพธ์อันยิ่งใหญ่ ที่สร้างคุณให้แก่สังคมได้อย่างมหาศาล อีกทั้งผู้ร่วมบริจาคยังได้ใช้ผลิตภัณฑ์คุณภาพของแบรนด์ไปพร้อมกันด้วย เป็นตามจุดมุ่งหมายของคีลส์ ที่ต้องการให้ทุกคนในสังคมเชื่อว่า “ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร คุณก็สามารถมีส่วนเปลี่ยนแปลงสังคมที่คุณอยู่ให้ดีขึ้นได้”

Kiehl’s-2

Kiehl’s-3

ART THERAPY CLASS

Kiehl’s-4

Kiehl’s-5

และความพิเศษของโครงการในปีนี้ คือ งานเลี้ยงการกุศล Kiehl’s Blind But Not Blind Charity Dinner ซึ่งคีลส์เป็นเจ้าภาพจัดขึ้นเป็นพิเศษในโอกาสฉลองครบรอบ 165 ปี ณ ห้องอาหาร DID โรงแรมเชอราตัน แกรนด์ สุขุมวิท

Kiehl’s-6

งานการกุศลในครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อ ระดมเงินบริจาคโดยไม่หักค่าใช้จ่ายใดๆมอบให้กับโรงเรียนสอนคนตาบอดกรุงเทพ มูลนิธิช่วยคนตาบอดแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ซึ่งเงินบริจาคทั้งหมดนี้เกิดจาก เจตนาอันเปี่ยมล้นของ คีลส์ ที่มุ่งมั่นจะช่วยเหลือและพัฒนาสังคมให้ดีอย่างต่อเนื่อง

Kiehl’s-7

สำหรับแขกพิเศษที่คีลส์เชิญมาร่วมงาน จะได้สัมผัสการรับประทานอาหารในความมืดแบบ Dine In the Dark เพื่อให้ทุกคนได้รับรู้และเข้าถึงความรู้สึกของผู้พิการทางสายตา ว่าการดำเนินชีวิตประจำวันโดยปราศจากการมองเห็นนั้นเป็นอย่างไร

Kiehl’s-8

เป็นงานเลี้ยงการกุศลที่สร้างประสบการณ์ยากจะลืมให้แก่ผู้มาร่วมงาน และทำให้ทุกคนได้ตระหนักถึงความเอื้อเฟื้อและความปรารถนาดีที่จะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ซึ่ง คีลส์ นั้นเชื่อว่าทุกคนสามารถมีส่วนในการเปลี่ยนแปลงสังคมที่ตัวเองอยู่ให้ดีขึ้นได้ ด้วยการร่วมมือกันพัฒนาและช่วยเหลือคนละเล็กละน้อย จากจุดเปลี่ยนแปลงเล็กๆที่ร่วมใจกันคนละเล็กละน้อย นั้นย่อมส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ได้

ซึ่งในบทบาทของคีลส์ ในฐานะแบรนด์สกินแคร์ที่มีจิตสาธารณะและมีความเอื้อเฟื้อต่อสังคม ถือเป็นบทบาทต้นแบบในส่วนของภาคธุรกิจที่หันมาให้ความสำคัญกับการลงมือพัฒนาและช่วยเหลือสังคมอย่างจริงจังโดยไม่หวังผลตอบแทน

ซึ่งไม่เพียงแต่จะส่งมอบผลิตภัณฑ์คุณภาพสู่มือลูกค้า แต่คีลส์ยังมุ่งมั่นและไม่หยุดที่จะพัฒนาและช่วยเหลือสังคมให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องตามเจตนารมณ์ที่ส่งต่อมาตั้งแต่ทศวรรษที่ 80 จนถึงปัจจุบัน เป็นมิติใหม่แห่งการทำงานเพื่อสังคมในอุตสาหกรรมแบรนด์สกินแคร์ ที่มีความจริงจังและจริงใจต่อเสียงเล็กๆของกลุ่มคนในสังคมที่ยังต้องการความช่วยเหลือ โครงการ “Blind But Not Blind” จึงเป็นแม่แบบแห่งการทำ CSR ที่กระตุ้นให้ภาคธุรกิจหันมาให้ความสำคัญกับการทำเพื่อสังคมอย่างจริงใจและยั่งยืนเฉกเช่นที่คีลส์ริเริ่มและยังคงทำมาอย่างต่อเนื่อง

Kiehl’s-9

Kiehl’s-10


  • 23
  •  
  •  
  •  
  •