เวลานี้ประเทศไทยและอีกหลายประเทศทั่วโลกกำลังเผชิญกับวิกฤตน้ำขาดแคลน ภัยแล้ง และอากาศร้อน หลายฝ่ายออกมารณรงค์ให้ทุกคนช่วยเหลือ ร่วมมือกัน เริ่มง่ายๆ ด้วยการใช้น้ำอย่างประหยัด เพื่อให้มั่นใจว่าในช่วงฤดูแล้งนี้ เราจะมีน้ำใช้ไปตลอดจนถึงฤดูฝน
โค้ก ในฐานะเครื่องดื่มที่อยู่คู่กับคนไทยมานาน และเป็นเพราะทำธุรกิจเกี่ยวกับ “น้ำ” ดังนั้นจึงเข้าใจและเห็นถึงความสำคัญของน้ำ ทั้งในมุมที่เป็นผลิตภัณฑ์สร้างความสดชื่นให้กับผู้บริโภค และเป็นธุรกิจหลักของบริษัท จึงดำเนินการผ่านมูลนิธิโคคา-โคลา ประเทศไทย ซึ่งก่อตั้งจาก 3 บริษัทในกลุ่มธุรกิจโคคา-โคลา ในประเทศไทย คือ บริษัท ไทยน้ำทิพย์ จำกัด, บริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท โคคา-โคลา (ประเทศไทย) จำกัด และใช้แนวคิด 3R’s มาบริหารจัดการทรัพยากรน้ำให้มีประสิทธิภาพทั้งภายในและภายนอก ประกอบด้วย
1. Reduce ลดปริมาณการใช้น้ำในโรงงานและการผลิต
2. Recycle บำบัดน้ำจากกระบวนการผลิต และนำน้ำส่วนหนึ่งกลับมาใช้ในกิจกรรมในโรงงานนอกเหนือจากการผลิตเครื่องดื่มเพื่อลดการใช้น้ำดิบ
3. Replenish คืนน้ำสู่ชุมชนและธรรมชาติในปริมาณเทียบเท่ากับที่ใช้ในการผลิตเครื่องดื่มภายในปี 2563
ส่วนที่น่าสนใจของโครงการนี้คือ Replenish หรือการคืนน้ำสู่ชุมชนและธรรมชาติ ซึ่งมูลนิธิได้ทำงานร่วมกับ มูลนิธิอุทกพัฒน์ในพระบรมราชูปถัมภ์ และชาวบ้านในชุมชน 9 แห่งจาก 8 จังหวัดเพื่อจัดการน้ำและพัฒนาแหล่งน้ำชุมชนอย่างยั่งยืนตามแนวพระราชดำริในรูปแบบของประชารัฐ
ตัวอย่างความสำเร็จที่เห็นเป็นรูปธรรมในการบริหารจัดการน้ำชุมชน เช่น ชุมชนบ้านลิ่มทอง จังหวัดบุรีรัมย์, ชุมชนตำบลบึงชำอ้อ จังหวัดปทุมธานี และชุมชนบ้านแม่ตาลน้อย จังหวัดลำปาง ที่สามารถเผชิญภัยน้ำแล้งน้ำหลากได้ตลอดปี ซึ่ง มูลนิธิโคคา-โคลาฯ ได้จัดนิทรรศการโครงการ และสนับสนุนงานบริหารจัดการน้ำชุมชนตามแนวพระราชดำริสู่ความยั่งยืน ที่จัดโดยมูลนิธิอุทกพัฒน์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (องค์กรมหาชน) และสภาเกษตรกรแห่งชาติ เพื่อเป็นแบบอย่างให้กับชุมชนอื่นๆ ทั่วประเทศ
โครงการ “รักน้ำ” ของมูลนิธิโคคา-โคลาฯ จัดมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายปี เพื่อตอกย้ำและสร้างความตระหนักให้ทุกคนรับรู้ถึงความสำคัญของการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ เมื่อรู้ดังนั้นแล้วเราก็มาร่วมมือกัน ประหยัดน้ำ และใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า เพื่อผ่านพ้นวิกฤตภัยแล้งไปด้วยกัน