e-Commerce ไทยแตะ 2 ล้านล้านบาท อันดับ 1 ในอาเซียน

  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

ThinkstockPhotos-175730054

e-Commerce กลายเป็นบริการใหม่ของโลกที่ทำลายข้อจำกัดของการทำธุรกิจในหลายมิติไปโดยสิ้นเชิง ทำเลที่ตั้งไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป เวลาเปิดปิดไม่จำกัดอีกต่อไป ผู้ซื้อ-ผู้ขายเจอกันได้ตลอดเวลา จ่ายเงินก็สะดวก และรอรับของอยู่ที่บ้านสบายๆ ทั้งหมดทำให้ e-Commerce ในไทยเติบโตขึ้นแบบก้าวกระโดดในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ ETDA ได้ทำการสำรวจมูลค่าตลาดจากผู้ประกอบการ e-Commerce ในไทยกว่า 5 แสนราย

จากการสำรวจพบว่า e-Commerce ไทยปี 2557 มีมูลค่า 2,033,493.4 ล้านบาท ถือว่าสูงที่สุดในอาเซียน และจากปัจจัยเรื่องการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตที่เพิ่มขึ้น การขยายตัวของธุรกิจ e-Commerce ในปี 2558 คาดการณ์ว่าจะมีมูลค่าแตะ 2,107,692.9 ล้านบาท เติบโตขึ้น 3.65%

ecom1

สำหรับผลการสำรวจปี 2557 แบ่งเป็น การซื้อผ่านแบบ B2B ประมาณ 1.23 ล้านล้านบาทโดยแบบ B2B ถือเป็นการซื้อขายระหว่างองค์กร จึงมีมูลค่าสูง ขณะที่แบบ B2C มูลค่าประมาณ 4.11 แสนล้านบาท เป็นการซื้อขายระหว่างผู้ขายกับผู้บริโภคทั่วไป และแบบ B2G ประมาณ 3.87 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นประเภทการซื้อขายกับภาครัฐ (ไม่รวมวิธี e-Auction)

ทั้งนี้ เมื่อดูเฉพาะ e-Commerce ในตลาดทั่วไป (B2C) มีมูลค่าประมาณ 4.11 แสนล้านบาท หรือ 11.7 พันล้านดอลลาร์ ประเทศไทยยังคงเป็นอันดับ 1 ในอาเซียนเช่นเดียวกับมูลค่ารวม แสดงให้เห็นว่าคนไทยมีความตื่นตัว และพร้อมใช้งานระบบ e-Commerce มากที่สุด มากกว่าอินโดนีเซียที่มีประชากรมากเป็นอันดับ 3 ของโลก โดยมีข้อมูลดังนี้ มาเลเซีย 9.6 พันล้านดอลลาร์, สิงคโปร์ 3.45 พันล้านดอลลาร์, เวียดนาม 2.97 พันล้านดอลลาร์, อินโดนีเซีย 2.6 พันล้านดอลลาร์ แล ฟิลิปปินส์ 2.3 พันล้านดอลลาร์

อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในเอเชีย ประเทศไทยยังตามหลังอยู่มาก เช่น เกาหลีใต้ 25.4 พันล้านดอลลาร์, ญี่ปุ่น 118.59 พันล้านดอลลาร์

ecom3

การสำรวจครั้งนี้ ได้รวบรวมจาก 8 อุตสาหกรรมต่อไปนี้

อุตสาหกรรมการผลิต ธุรกิจขนส่ง ธุรกิจให้บริการที่พัก ธุรกิจข้อมูลและสื่อสาร ธุรกิจประกันภัย ธุรกิจศิลปะ บันเทิงและนันทนาการ และกิจการบริการด้านอื่นๆ โดย 3 อันดับที่มีมูลค่ามากที่สุด คือ ธุรกิจให้บริการที่พัก 6.3 แสนล้านบาท (38.1%) อุตสาหกรรมการผลิต 4.4 แสนล้านบาท (26.6%) และธุรกิจข้อมูลและการสื่อสาร 2.6 แสนล้านบาท (16.02%)

สำหรับการชำระค่าบริการ e-Commerce ได้รับความนิยมผ่าน 4 ช่องทาง ได้แก่

e-Banking 54.25% (Internet banking, ATM)

บัตรเครดิต/เดบิต 22.39%

Mobile Payment 14.53% (mPay, Truemoney, mobile banking)

อื่นๆ 8.83% (Paypal)

ecom4

 

187625854

สุดท้ายปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการเติบโตของ e-Commerce อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งภาครัฐและเอกชนต้องร่วมมือกันเร่งพัฒนา แบ่งเป็นปัจจัยภายใน ได้แก่

1 ขาดบุคลากรที่มีทักษะด้าน e-Commerce โดยพบว่าองค์กรมีการขยายตัวเร็วกว่าการพัฒนาบุคลากร จึงเริ่มมีการนำเข้าบุคลากรจากต่างประเทศมากขึ้น

2 ต้นทุนการขนส่งสูง หัวใจสำคัญของ e-Commerce คือ การชำระเงิน และการขนส่ง เวลานี้การชำระเงินได้รับการพัฒนาอย่างรวดเร็ว แต่การขนส่งยังเป็นข้อจำกัดอยู่มาก และยังมีต้นทุนสูง

3 ค่าใช้จ่ายด้านเทคโนโลยี เป็นความกังวลของผู้ประกอบการในการลงทุนด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ว่าจะคุ้มค่าหรือไม่ ขณะที่มีการแข่งขันรุนแรง

ปัจจัยภายนอกที่มีผลกระทบได้แก่

1 โครงสร้างภาษี ที่ผ่านมา e-Commerce จำนวนมากไม่ได้อยู่ในระบบภาษี ซึ่งต่อไปกฎหมายจะเริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้นแน่นอน

2 การเข้าถึงอินเทอร์เน็ต และความเชื่อมั่นในการซื้อ พื้นที่ต่างจังหวัดจำนวนมากที่ยังเข้าไม่ถึงอินเทอร์เน็ต และการหลอกลวง การโกง ยังคงทำร้ายความเชื่อมั่นของผู้บริโภค

3 ภาวะเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลก ยังเป็นที่จับตามอง

 

Copyright © MarketingOops.com


  •  
  •  
  •  
  •  
  •