เปิดผลวิจัย Microsoft พบสองสิ่งที่จะรั้ง Gen Z และ Millennial เอาไว้ไม่ให้ลาออกจากงาน

  • 1
  •  
  •  
  •  
  •  

การทำความเข้าใจบุคลากรโดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่อย่าง Gen Z รวมไปถึงกลุ่ม Millennial นั้นเป็นสิ่งที่ทุกองค์กรให้ความสำคัญ นอกจากลักษณะเฉพาะของกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่พร้อมที่จะตัดสินใจเปลี่ยนงานได้ง่ายๆแล้ว โลกหลังโควิดที่ทำให้เกิดสถานการณ์ Great Resignation หรือลาออกครั้งใหญ่ยังทำให้องค์กรเกิดอัตรา Turnover Rate ที่สูงขึ้นตามไปด้วย อย่างไรก็ตามล่าสุดบริษัท Microsoft ได้เผยแพร่ผลวิจัยจากการสำรวจลูกจ้างจำนวน 20,000 คนจาก 11 ประเทศ พบว่ามีสิ่งสำคัญ 2 สิ่งที่จะทำให้คนรุ่นใหม่ไม่ตัดสินใจลาออกจากงานนั่นก็คือ “โอกาสในการเติบโตภายในบริษัท” และ “อิสระในการเป็นผู้ประกอบการนอกเวลางาน”

ผลวิจัยของ Microsoft เมื่อต้นปีที่ผ่านมาพบว่า 52% ของกลุ่มคน  Gen Z (อายุระหว่าง 18-26 ปี) และ Millennial (อายุ 27-41 ปี)  ระบุว่ามีความคิดที่จะเปลี่ยนงานภายในปีนี้ แต่แน่นอนว่าความหวังของบรรดานายจ้างที่จะดึงดูดคนทำงานกลุ่มนี้เอาไว้นั้นยังคงมีอยู่

ผลสำรวจของ Microsoft พบว่า Gen Z และ Millennial สัดส่วน 73% ระบุว่าพร้อมที่จะทำงานต่อไปกับบริษัทเดิมหากสามารถเปลี่ยนบทบาทหน้าที่การทำงานได้เป็นการภายใน นอกจากนี้คนทำงานรุ่นใหม่ก็ยังมีโอกาสที่จะอยู่กับบริษัทต่อไปหากบริษัทเปิดโอกาสและมีความยืดหยุ่นให้พวกเขาได้มี “รายได้เสริม” หรือมีธุรกิจที่สร้างรายได้นอกเหนือจากงานประจำ

“ถ้าจะได้เรียนรู้ต้องลาออก”

ผลสำรวจของ Microsoft พบด้วยว่าหนึ่งในเหตุผลที่คนทำงานลาออกจากงานนั้นคือพวกเขาเชื่อว่า “ถ้าจะเรียนรู้ต้องลาออก” โดยผลสำรวจพบว่า 55% ของกลุ่มตัวอย่างเปลี่ยนงานเพราะเชื่อว่ามันเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะได้เรียนรู้และพัฒนาทักษะของตัวเอง นั่นจึงเป็นเหตุผลให้ผู้นำองค์กรและบริษัทต้องคิดใหม่เกี่ยวกับการนำเอา “การเรียนรู้” มาใช้ในการรั้งคนให้อยู่กับบริษัทต่อไป

นอกจากนี้ 2 ใน 3 หรือ 73% ของบรรดาลูกจ้างกลุ่ม Gen Z และ Millennial ที่ทำการสำรวจยังบอกด้วยว่าพร้อมจะอยู่ต่อหากองค์กรหรือบริษัทเปิดโอกาสให้ย้ายบทบาทหน้าที่เป็นการภายในเพื่อพัฒนาทักษะใหม่ๆมากขึ้น และเรียกได้ว่าเป็นสัดส่วนที่มากกว่าคนทำงานกลุ่ม Gen X (อายุ 42-55ปี) ที่มีสัดส่วนอยู่ที่ 65% อยู่มาก

ผลสำรวจของ Microsoft ยังสอดคล้องกับ การจัดอันดับ วัฒนธรรมในการทำงานที่ยอดเยี่ยมประจำปี 2022 ของ LinkedIn ด้วยโดยพบว่า “โอกาสที่จะได้เรียนรู้และเติบโต” ขยับขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 1 ในปีนี้ที่เรียกได้ว่าขยับอันดับขึ้นมาสูงมากเมื่อเทียบกับปี 2019 ที่เรื่องนี้ถูกให้ความสำคัญอยู่ในอันดับที่ 9 เลยทีเดียว

นั่นจึงเป็นเหตุผลให้องค์กรและบริษัทต่างๆต้องหันมาหยุดคิดและหาวิธีการที่จะช่วยให้พนักงานเรียนรู้และเติบโตขึ้น เริ่มมองกลุ่มบุคลากรในองค์กรให้เป็นตลาดแรงงาน และคิดถึงการหมุนเวียนภายใน และทำให้สิ่งนี้เป็นโอกาสในอาชีพที่สนุกที่จะทำ มากกว่าการเป็นเพียงแค่บันไดให้ปีนขึ้นไปสู่ตำแหน่งที่สูงกว่าเท่านั้น

เปิดทางให้กับความทะเยอทะยาน

อีกสิ่งหนึ่งที่ Microsoft ค้นพบจากงานวิจัยฉบับนี้ก็คือ ความต้องการของลูกจ้างที่เปลี่ยนแปลงไปโดยเฉพาะหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 การให้คุณค่ากับการทำงานเปลี่ยนไปให้ความสำคัญกับชีวิตความเป็นอยู่มากขึ้น และมองหาการทำงานที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตมากขึ้น นั่นจึงเป็นเหตุผลให้บรรดาลูกจ้างอายุน้อยเริ่มมีความทะเยอทะยานนอกเหนือไปจากการทำงาน เช่นการหารายได้พิเศษ รวมถึงการเป็นผู้ประกอบการนอกเวลาทำงาน

ผลวิจัยของ Microsoft พบว่ากลุ่มคน Gen Z และ Millennial สัดส่วนถึง 76% มีเป้าหมายที่จะเป็นเจ้านายตัวเอง เปรียบเทียบกับกลุ่มคน Gen X ขึ้นไปที่มีสัดส่วนต่ำลงมาที่ 63% นั่นจึงเป็นเหตุผลให้ Microsoft ระบุว่า “ความยืดหยุ่น” ยังคงเป็นสิ่งที่คนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญเป็นลำดับแรกๆ นอกจากนี้ในกลุ่มลูกจ้าง Gen Z และ Millennial สัดส่วน 77% บอกว่ามีความเป็นไปได้ที่จะอยู่ทำงานต่อไปหากองค์กรหรือบริษัทมีความยืดหยุ่นให้หารายได้พิเศษได้

นั่นก็คือสองสิ่งสำคัญที่บรรดาผู้นำองค์กรหรือบริษัทต่างๆสามารถนำมาปรับใช้เพื่อดึงดูดกลุ่มคนทำงานรุ่นใหม่โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z และ Millennial ให้ยังคงมีแรงบันดาลใจและทำงานและมีส่วนร่วมผลักดันองค์กรสู่ความสำเร็จต่อไปได้ในยุคนี้นั่นเอง

ที่มา Microsoft / CNBC


  • 1
  •  
  •  
  •  
  •  
CLOSE
CLOSE