เมื่อเป้าหมายคือ AI First ไฮเทคตั้งแต่หลังบ้าน – ดูแลลูกค้า! “แสนสิริ” ทุ่มทุน 600 ล้านบาทประกาศ Tech Forward ด้วย 3 นวัตกรรม

  • 461
  •  
  •  
  •  
  •  

sansiri vision 2019

ออกมาประกาศวิสัยทัศน์ในปีนี้สู่การเป็น Tech Forward นำเสนอเทคโนโลยีเพื่อยกระดับ Prop Tech ของแสนสิริ สู่เป้าหมายในการรักษาภาพลักษณ์ Thailand’s First Digital Real Estate Developer ด้วยการนำ 3 เทรนด์เทคโนโลยี AI IoT และ Blockchain เข้ามาช่วยยกระดับอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และตอบโจทย์การใช้ชีวิตของลูกบ้าน พร้อมตั้งเป้าหมายเป็นองค์กรที่มีระบบงานแบบ AI First ภายในปี 2020

ดร.ทวิชา ตระกูลยิ่งยง ประธานผู้บริหารสายงานเทคโนโลยี บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ได้เล่าถึงทิศทางธุรกิจในปีนี้ว่า ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา เราพยายามสร้างมาตรฐานใหม่ให้อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และตอกย้ำการเป็น Digital Real Estate Developer รายแรกในไทย ทำให้ที่อยู่อาศัยของแสนสิริก้าวสู่การเป็น Home Automation ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของผู้คน โดยปีที่ผ่านมาได้มีการเปิดตัว Smart Condo ที่นำเทคโนโลยี IoT เข้ามาใช้งานเต็มรูปแบบทั้งเรื่องของความสะดวกสบายในการใช้ชีวิต ประหยัดพลังงาน และความปลอดภัย แต่ภายในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ เราจะสร้างบ้านต้นแบบที่เรียกว่าเป็น Smart Home เต็มรูปแบบให้เกิดขึ้นในประเทศไทย จาก 3 นวัตกรรม AI, IoT, Blockchain

“ที่ผ่านมาอาจพูดได้ว่าเราใช้ Innovation แต่จากนี้จะยกระดับเป็นคำว่า Standard เทคโนโลยีต่าง ๆ ภายในโครงการของแสนสิริจะไม่ใช่เรื่องใหม่อีกต่อไป เพื่อดูแลลูกบ้าน 8,800 ครอบครัวให้ได้เข้าถึงเทคโนโลยี ตอกย้ำว่าเราไม่ได้พัฒนากลยุทธ์หรือเทคโนโลยีเพราะอยากทำ แต่เป็นเพราะเข้าใจความต้องการของผู้บริโภคที่อยากใช้ชีวิตและการอยู่อาศัยอย่างมีคุณภาพร่วมกับเทคโนโลยี”

ดร.ทวิชา ตระกูลยิ่งยง
ดร.ทวิชา ตระกูลยิ่งยง

ทุ่มทุน 600 ล้านบาท สู่เส้นทาง “Tech Forward”

สำหรับงบประมาณที่แสนสิริจะใช้กับด้านเทคโนโลยีตามวิสัยทัศน์ Tech Forward ในปีนี้ จะมีมูลค่าราว 600 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมาประมาณ 400 ล้านบาท โดยงบประมาณดังกล่าวจะถูกนำมาใช้กับงานนวัตกรรมและการนำเสนอเทคโนโลยีเพื่อการอยู่อาศัยใหม่ ๆ ตั้งแต่งานออกแบบ การวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อนำไปสู่บ้านแนวคิดใหม่ในกลุ่มต่าง ๆ ที่แสนสิริจะเปิดตัว

ใช้ 4 เทรนด์ ยกระดับ “อสังหาริมทรัพย์”

ส่วน 4 เทรนด์เทคโนโลยี ที่แสนสิรินำมาใช้เพื่อยกระดับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่…

AI, IoT, Blockchain : ใช้การวิเคราะห์ข้อมูลและทำให้ IoT ฉลาดขึ้น พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยและบริการเป็นที่พึงพอใจลูกค้า หรือแม้แต่ช่วยอำนวยความสะดวกเรื่องการซื้อ – ขายบ้าน

Personalization : เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่เฉพาะเจาะจงได้ดียิ่งขึ้น

Hybrid Agent : ใช้ช่องทางออนไลน์ผสานวิธีการดูแลลูกค้าแบบออฟไลน์ เพื่อทำให้การดูแลลูกค้าเป็นแบบ Seamless

Instant Home Buyer Model : ถือเป็นโมเดลที่ได้รับความนิยมในต่างประเทศและมีความน่าสนใจนำมาใช้งานในประเทศไทย แต่ยังอยู่ระหว่างการศึกษาและพิจารณา เพื่อมอบความสะดวกแก่ผู้ที่ต้องการซื้อบ้านทำให้เป็นเจ้าของได้ง่ายและสะดวกขึ้นโดยเฉพาะการสร้างครอบครัวใหม่ ผ่านแพลทฟอร์มที่มีนักลงทุนที่ต้องการซื้อบ้านเข้าถึงอยู่แล้ว เชื่อว่าจะกระตุ้นให้เกิดการซื้อ – ขายมากขึ้นในอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์

“เรายังหวังให้แสนสิริเป็นองค์กร AI First ภายในปี 2020 คือมีการใช้ AI อยู่ในทุกขั้นตอน ตั้งแต่ระบบงานภายในองค์กรไปจนถึงการมอบความสะดวก ปลอดภัยแก่ลูกบ้าน”

อย่างไรก็ตาม การนำเทคโนโลยี AI เข้ามาใช้งานของแสนสิรินั้น ไม่ได้เป็นการนำเข้ามาอำนวยความสะดวกในการอยู่อาศัยเพียงอย่างเดียว แต่รวมถึงการนำประโยชน์ในการวิเคราะห์อย่างแม่นยำและมีความสามารถในการตรวจจับข้อมูลเพื่อใช้ทางความปลอดภัย เช่น Face & VDO Analytics หรือ Chatbot เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสื่อสารกับผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็ว ส่วนเรื่อง Blockchain ก็มีการพัฒนาระบบจัดซื้อจัดจ้างร่วมกับ Digital ventures โดยเริ่มต้นใช้งานตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมกราคมปีนี้ ทำให้ระบบการดูแลและชำระค่างวดแก่ผู้ก่อสร้าง ผู้รับเหมา สามารถลดความผิดพลาดในการทำงานให้เป็นศูนย์ โดยอนาคตอาจต่อยอดสู่งานบริการแก่ลูกค้าต่อไป

Sansiri_s Smart Condo
Smart Condo

ต่อยอดแอป “Home Service” ฉลาดขึ้น! เอาใจ “ชาวจีน”

นอกจากแสนสิริจะพัฒนาแอปพลิเคชัน Home Service เพื่อให้บริการลูกบ้านในการติดต่อกับฝ่ายนิติ สั่งซื้อสินค้า – น้ำดื่ม รวมถึงการตอบโต้ผ่านแชทอัตโนมัติด้วยระบบ AI ล่าสุด ยังเตรียมพัฒนาให้ลูกค้าชาวจีนสามารถใช้งานแอปดังกล่าวจากประเทศจีนได้ เพื่ออำนวยความสะดวกในการผ่อนชำระเงินในแต่ละเดือน เนื่องจากลูกค้ากลุ่มนี้ถือเป็นลูกค้าชั้นดีของแสนสิริ และสร้างรายได้เป็นอันดับ 1 ใน 3 ให้บริษัท ซึ่งจำนวนมากมีความยุ่งยากเรื่องขั้นตอนการโอนและช่องทางชำระเงิน แสนสิริจึงตั้งเป้าหมายพัฒนาแอปฯ ให้รองรับคุณสมบัติดังกล่าวภายในช่วงปลายไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ รวมถึงพัฒนาให้แอปฯ สามารถเป็นคอมมูนิตี้ พูดคุย แลกเปลี่ยนสินค้า ระหว่างลูกบ้านได้ด้วย

“Smart Command Centre” ยกระดับความปลอดภัย รายแรกในอุตสาหกรรม

ทั้งนี้ แสนสิริยังประกาศตัวว่าเป็นรายแรกที่นำระบบ Smart Command Centre หรือศูนย์เฝ้าระวังอัจฉริยะจากส่วนกลาง เข้ามาใช้ในการดูแลและอำนวยความสะดวกด้านความปลอดภัยแก่ลูกบ้าน ทั้งการจัดการระบบวิศวกรรมอาคารและความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง โดยตั้งเป้าให้บริการได้ไม่น้อยกว่า 25 โครงการในปีนี้

Smart Command Centre
Smart Command Centre

พัฒนา “Emma & Noah” 2 แพลทฟอร์มอัจฉริยะ

ไม่ได้มีแค่การนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้งาน แต่แสนสิริยังมีแพลทฟอร์มที่น่าสนใจอีก 2 แพลทฟอร์มในชื่อ Emma และ Noah ซึ่งแพลทฟอร์ม Emma จะใช้ในการดูแลประสบการณ์ของผู้อยู่อาศัย ซึ่งใช้ระยะเวลานับปีในการตอบโจทย์การค้นหา – รวบรวมข้อมูลบ้านโครงการต่าง ๆ โดยมีการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ อาทิ Virtual Sale Gallery การชมห้องตัวอย่างเสมือนจริงโดยไม่ต้องเดินทางไปยังโครงการ ซึ่งเริ่มต้นไปแล้วมากกว่า 10 โครงการ และ Immersive Experience ระบบการจองออนไลน์แบบ 24×7 ซึ่งคาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ภายในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ ส่วนแพลทฟอร์ม Noah ใช้เพื่อดูแลประสิทธิภาพการก่อสร้าง ตั้งแต่การเลือกโลเคชั่น การออกแบบ ฯลฯ ทำให้ทุกขั้นตอนสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างลื่นไหล ทั้งยังลดต้นทุนได้ 10 – 15% จากความสามารถในการลดข้อผิดพลาดที่ไม่เป็นไปตามแผนงานในขั้นตอนต่าง ๆ

อย่างไรก็ตาม แสนสิริยังได้ร่วมกับพาร์ทเนอร์อีก 3 ราย ได้แก่ Amazon Web Services, Digital Ventures และ Microsoft ในการร่วมกันพัฒนานวัตกรรมเพื่อสร้างคุณค่าให้ธุรกิจของแสนสิริ ตั้งแต่การพัฒนาโครงการ การเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานขององค์กร รวมถึงการสร้างสรรค์บริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกบ้านแสนสิริในทุกมิติ


  • 461
  •  
  •  
  •  
  •  
Ms.นกยูง
เมื่อโลกไม่เคยหยุดหมุน เราก็ไม่ควรหยุดเรียนรู้... ชวนคุณมาทำความรู้จักหลากหลายเรื่องราว ทั้งสาระและสีสันบนโลกดิจิทัลไปพร้อมกัน