อนาคตของสตาร์ทอัพขึ้นอยู่กับแค่ 2 อย่าง เงินกับคนเก่ง แล้วนักลงทุนอย่าง Angel Investor ก็มีสองอย่างที่ว่า แต่ก็อย่างที่รู้กันว่าพวก Angel Investor ต่างคนต่างก็เก่งและมีความสามารถหลากหลายกันไป ขอเงินเป็นเรื่องง่าย แต่จะดูคนให้เงินน่ะยากยิ่งกว่า
ฉะนั้นมาดู 10 คุณสมบัติระดับพรีเมี่ยมที่ Angel Investor ไม่มีไม่ได้! ที่สตาร์ทอัพอย่างคุณควรจะขอเงินทุนสนับสนุนกัน
1) อยากช่วยให้คุณประสบความสำเร็จจริงๆ
เพราะนักลงทุนชั่นเยี่ยมก็เป็นเมนเทอร์มากความสามารถให้คุณได้เช่นกัน เขาจะช่วยกระตุ้นให้คุณเห็นเป้าหมายของการทำสตาร์ทอัพ ฉะนั้นจงมองหานักลงทุนที่กระตือรือร้นสนใจในเป้าหมายและแรงผลักดันในการทำสตาร์ทอัพของคุณ
2) ประสบการณ์แน่น
ถ้าจะให้ดีที่สุด นักลงทุนควรจะเป็นเจ้าของธุรกิจที่เริ่มกิจการตั้งแต่ศูนย์จนประสบความสำเร็จ หากคุณทำสตาร์ทอัพที่อยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกับธุรกิจของนักลงทุนคนนั้น จงหมายตาไว้ให้มั่น! มิฉะนั้นหากนักลงทุนคนนั้นมีแต่เงิน แต่ไร้ประสบการณ์ คุยด้วยแล้วเสียเวลาเปล่าเพราะนักลงทุนคนนั้นเขาไม่เข้าใจเหตุผลของการตัดสินใจในเรื่องต่างๆ มองเกมไม่ขาด
การลงทุนที่มีความเสี่ยงคือการลงทุนด้วยความไม่รู้ นักลงทุนคนนั้นกำลังเสี่ยง ลงทุนไม่เป็น อยู่ให้ห่างเข้าไว้
3) มีชื่อเสียง
ไม่ต้องถึงขนาดเป็นดารา แต่หากคุณได้นักลงทุนที่เป็นที่รู้จัก ก็ช่วยเพิ่มโอกาสให้สตาร์ทอัพของคุณประสบความสำเร็จได้ โดยเฉพาะหากนักลงทุนคนนั้นประสบความสำเร็จในการลงทุนมาโดยตลอดทุกครั้ง และช่วยให้คุณรู้จักคนที่พอจะช่วยเหลือสตาร์ทอัพของคุณได้อย่างไม่ยากเย็น
4) มีเงินมากพอสำหรับอนาคต
แต่แค่มีเงินอย่างเดียวไม่พอหรอก นักลงทุนพวกนี้ต้องใช้สมองด้วย เพราะเงินที่นักลงทุนมีก็ไม่ได้ทุ่มให้กับสตาร์ทอัพของคุณเพียงเจ้าเดียว ต้องมีเงินมากพอที่จะกระจายความเสี่ยงในการลงทุน ต้องมั่นใจว่าเงินที่คุณได้รับนั้นจะไม่เสียเปล่า พูดอีกอย่างคือนักลงทุนคำนวนดีแล้วว่าสตาร์ทอัพของคุณน่าเสี่ยงพอที่จะทำผลตอบแทนได้ ฉะนั้นจงเลือกนักลงทุนที่มีเงินมากพอที่จะให้เงินทุนสตาร์ทอัพเจ้าอื่นด้วย
5) ทำงานกับคนอื่นได้ดี
นักลงทุนต้องเป็นมืออาชีพเวลาทำงานกับคุณ ทีมงาน และพาร์ทเนอร์ของคุณในสตาร์ทอัพ อย่าได้เลือกนักลงทุนที่ดีแต่สั่งและชอบควบคุมคน พวกนี้จะเป็นภัยมากกว่าเป็นแรงสนับสนุนเสียอีก
6) กล้าเผชิญความท้าทาย
แม้แต่ความเป็นปฏิปักษ์ไม่ว่าจะในบริษัทที่เคยทำงานด้วยกันหรือบริษัทที่เคยให้ทุน เพราะนักลงทุนจะรู้จักใช้ทักษะแก้ไขปัญหาและอยู่รอดได้ในสนามธุรกิจ ช่วยพาสตาร์ทอัพประสบความสำเร็จ ฉะนั้นอย่าได้แต่หานักลงทุนที่ให้เงิน จงถามหาคำแนะนำดี เรียนรู้จากพวกเขาว่าทำอย่างไรถึงจะพัฒนาความ “ถึก” ความ “อดทน” ต่อปัญหาและอุปสรรคที่ผ่านมา ที่สำคัญถามตรงๆไปเลยว่าจะช่วยคุณอย่างไรได้บ้าง
7) มีความคาดหวังตามความเป็นจริง
เพราะอย่างที่รู้กันดีว่า การทำสตาร์ทอัพในช่วย 2-3 ปีแรกนั้นเอาแน่เอานอนไม่ค่อยได้ ฉะนั้นหากต้องการหานักลงทุน ต้องมองหาคนที่ประเมินสถานการณ์ของสตาร์ทอัพของคุณตามความเป็นจริงได้ มีเหตุผลรองรับ มองเหตุการณ์หลายๆรูปแบบให้ยืดหยุ่น จะได้วางแผนการและคาดหวังผลลัพธ์ได้ตามความเป็นจริง
8) ให้ความรู้คุณได้
เพราะผู้ประกอบการก็ไม่ได้รู้ดีทุกเรื่องในการทำธุรกิจและอุตสาหกรรมที่สตาร์ทอัพกำลังแข่งขันอยู่ นักลงทุนนี่แหละที่จะมาเติมเติมความรู้ความเข้าใจและให้คุณได้เห็นมุมมองใหม่ๆจากประสบการณ์ตรง อย่างเช่นการหาผู้จัดจำหน่ายสินค้าและลูกค้าให้คุณได้
9) ประสบความสำเร็จในต่างประเทศ
ถ้าคุณเพิ่งเริ่มทำสตาร์ทอัพไม่กี่ปี จะขยายกิจการในตลาดที่แข่งขันสูงก็ยากพอควร นักลงทุนที่มีประสบการณ์ในการลงทุนในต่างประเทศก็พอที่จะช่วยชี้โอกาสในต่างประเทศให้คุณเริ่มลงทุนและทำผลตอบแทนได้ในต่างประเทศ
10) ล้มแล้วลุกขึ้นสู้ทุกครั้ง
เพราะไม่มีสตาร์ทอัพเจ้าไหนทำงานแล้วไม่เจออุปสรรคหรอก ดังนั้นการตั้งเป้าหมายเล็กๆน้อยๆระหว่างทางไปสู่เป้าหมายใหญ่จึงเป็นเรื่องสำคัญสำหรับตัวสตาร์ทอัพเองและนักลงทุน ฉะนั้นมองหานักลงทุนที่ใส่ใจความสำเร็จเล็กๆน้อยๆที่เกิดขึ้นในสตาร์ทอัพของคุณเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้ทำงานได้ดีขึ้นต่อไป
และนี่คือ 10 ข้อที่คุณควรจำไว้ให้ขึ้นใจเวลาเฟ้นหานักลงทุน Angel Investor ที่ใช่ อย่าได้เอาคนที่คอยบงการให้คุณทำนุ่นทำนี่ แทนที่จะคอบสนับสนุนคุณเมื่อคุณมีปัญหา อย่าได้เอาคนที่ไม่มีประสบการณ์ในการลงทุนและมีแต่ชื่อ “เสีย” ในวงการที่คนๆนั้นเคยลงทุน ที่สำคัญคือไม่ใส่ใจเป้าหมายของสตาร์ทอัพของคุณเลยแม้แต่น้อย
ไม่งั้นจะพาแบรนด์สินค้าและบริการของคุณแย่ไปด้วย
แหล่งที่มา
http://www.blog.capitalpitch.com/choose-the-best-angel-investor-for-startup