กระแสแชร์รูปไอศรีมใส่ลงในราเมนฮิตไวรัลเมื่อสัปดาห์ก่อน เชื่อว่าหลายคนคงจะเห็นกันมาเยอะแล้ว โดยมีหลายแบรนด์ไทยเลยทีเดียว ที่คว้าโอกาสนี้ทำ Real-time Marketing น่าสนใจที่ว่าแม้จะเป็นไวรัลจากญี่ปุ่น แต่จู่ๆ ในเวลาไม่นานสิ่งนี้ก็มีผลกระทบกับโลกออนไลน์ของไทยด้วย โดยการเก็บข้อมูลผ่านเครื่องมือ ZOCIAL EYE ระหว่างวันที่ 1 – 15 มกราคม 2565 โดย WISESIGHT บริษัทผู้ให้บริการด้านวิเคราะห์โซเชียลมีเดียอันดับ 1 ของไทย
ในช่วงที่ผ่านมา เราเห็นปรากฏการณ์การกินเมนูแปลกใหม่อย่าง “ไอศกรีมใส่ราเมน” หรือที่ทุกคนเรียกกันง่ายๆ ว่า “ไอติมราเมน” ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีคนพูดถึงและเริ่มสร้างสรรค์เมนูตามกันเป็นจำนวนมากบนโลกโซเชียล จึงได้ทำการรวบรวมข้อมูลจากแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย 7 ช่องทาง ได้แก่ Facebook, Twitter, Instagram, YouTube, Pantip.com, เว็บข่าว และเว็บบล็อก โดยเก็บข้อมูลที่มีคนพูดถึงไอติมราเมน แล้วนำมาวิเคราะห์ผ่านมุมมองต่างๆ
ในช่วงเวลาดังกล่าว มีการพูดถึง เมนูนี้ 816 ข้อความ อยู่บนช่องทาง Facebook และ Twitter เป็นหลัก แม้ว่าข้อความทั้งหมดรวมกันไม่ถึง 1,000 ข้อความ แต่เอ็นเกจเมนต์สูงกว่า 3 แสนครั้งเลยทีเดียว
เมื่อกางไทม์ไลน์ออกมา พบว่าเริ่มมีการพูดถึงเมนูนี้บน Twitter ของชาวญี่ปุ่นในวันที่ 5 ม.ค. จากนั้น ในวันที่ 6 ม.ค. มีเพจ Facebook และแอคเคาท์ Twitter ของคนไทย ที่เน้นเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่น เช่น “Tonari ญี่ปุ่น”, “อัพเดทญี่ปุ่น โดย ต้มยำวาซาบิ” ได้นำภาพของเมนูนี้มาแชร์ต่อ ทำให้เริ่มมีคนสนใจ ดูได้จาก เอ็นเกจเมนต์ที่เกิดขึ้นกับโพสต์อยู่ที่ 15,000 เอ็นเกจเมนต์
ต่อมา ในวันที่ 7 ม.ค. เพจ “Tonari ญี่ปุ่น” ที่ได้แชร์โพสต์เรื่องราวเมนูนี้ที่ญี่ปุ่น ได้ลองทำเมนู DIY โดยซื้อไอศกรีมและนำไปใส่ในก๋วยเตี๋ยวต้มยำ เพราะมีคนถามเข้ามาเรื่องรสชาติเป็นจำนวนมาก
จนกระทั่งในวันที่ 8 ม.ค. โพสต์ไฮไลท์ที่ทำให้เมนูเป็นที่รู้จักในวงกว้างคือโพสต์จากเพจ “รีวิวของดี Shopee & Lazada” ที่ทางเพจได้ลองซื้อ ไอศกรีมจาก KFC และนำไปผสมกับราเมนของ ฮะจิบัง ราเมน คอนเทนต์นี้ถูกแชร์ออกไปและมีคนเข้ามากด Reaction และคอมเมนต์เป็นจำนวนมาก มีทั้งกลุ่มที่สนใจอยากลองชิม และกลุ่มที่มองว่าเป็นเมนูที่แปลกเกินไป กินแล้วน่าจะท้องเสีย กินแยกกันก็อร่อยอยู่แล้ว ที่น่าสนใจคือ แอดมินเพจ KFC เข้ามาตอบเจ้าของเพจภายในวันเดียวกันด้วย
หลังจากนั้น อินฟลูเอ็นเซอร์และแบรนด์สายอาหารต่างเข้ามาจับกระแสและนำไปต่อยอดสร้างเป็นคอนเทนต์ต่างๆ ในฝั่งของแบรนด์ จะเห็นว่าจริงๆ แล้ว แบรนด์ที่จับกระแสและทำคอนเทนต์ออกมาไวที่สุด คือ Dairy Queen โพสต์ตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค. วันเดียวกันกับที่มีการรีวิวครั้งแรกจากเพจ รีวิวของดี Shopee & Lazada อย่างไรก็ตาม ผลตอบรับยังไม่สูงมากนัก จนกระทั่ง Burger King ทำคอนเทนต์โพสต์ในวันที่ 11 ม.ค. ได้รับการตอบรับล้นหลาม เกิดเอ็นเกจเมนต์สูงกว่า 9,000 ครั้ง มาจาก 5,500 Reactions, 951 คอมเมนต์ และ 3,300 แชร์ อีกทั้งยังมีเพจด้านการตลาดนำคอนเทนต์นี้มาเผยแพร่ต่อด้วย แน่นอนว่าแบรนด์ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าแห่งเรียลไทม์คอนเทนต์อย่าง Tops ก็เข้ามาเล่นกับเขาด้วย โดยยังคงคอนเซปต์เดิมคือนำสินค้าที่มีขายใน Tops ที่เกี่ยวข้องมาสร้างเป็น Tie-in คอนเทนต์
ในฝั่งของอินฟลูเอ็นเซอร์สายรีวิวอาหาร ส่วนมากเน้นทำคอนเทนต์ลองกินเมนูนี้ดูและรีวิว ในขณะที่ฝั่ง YouTuber ก็มีการทำคอนเทนต์แนว Reaction ต่อเมนูนี้ออกมาด้วย
เรียกว่าการดึงเอาไวรัลมาทำ Real-time Marketing Content ยังคงได้รับความนิยมจากอินเตอร์เน็ตไทย และสามารถสร้าง engagement ได้ค่อนข้างดีทีเดียว ดังนั้น เชื่อว่า กระแสของการสร้าง Real-time Marketing เกาะไปกับไวรัลต่างๆ ในบ้านเรายังคงเป็นเทรนด์การทำคอนเทนต์ที่ได้รับความนิยมอยู่ต่อไป.