การทำงานอย่างมีประสิทธิภาพในยุคที่งานหลั่งไหลเข้ามาไม่หยุด ไม่ได้หมายถึงการทำงานให้เสร็จมากที่สุดหรือทำงานนานที่สุด แต่คือการรู้จักใช้พลังงาน เวลา และสมาธิให้ตรงจุด Allison Tibbs โค้ชผู้บริหารด้านสุขภาพและซีอีโอของ Nourished Life Coaching & Consulting ได้ให้แนวทางที่จับต้องได้ เพื่อช่วยให้คนทำงานสร้างประสิทธิภาพที่ยั่งยืน ไม่หมดแรงกลางทาง และยังคงรักษาสมดุลของชีวิตได้อย่างลงตัว
1. เริ่มต้นเช้าให้มีพลัง
เช้าของใครหลายคนอาจเป็นการรีบตื่น รีบแต่งตัว แล้วมุ่งหน้าไปทำงานโดยแทบไม่ได้มีเวลาหายใจหายคอ แต่ Tibbs มองว่านั่นคือการ “ทำร้ายตัวเองโดยไม่รู้ตัว” เพราะเช้าคือช่วงเวลาสำคัญที่จะกำหนดพลังงานและอารมณ์ของวันทั้งวัน
กิจวัตรที่ Allison ใช้คือการนั่งสมาธิเพื่อจัดระเบียบความคิด โยคะเบาๆ 15 นาทีเพื่อให้ร่างกายตื่นตัว และการเดินเร็วกลางแจ้งเพื่อกระตุ้นระบบหายใจและการไหลเวียนของเลือด Allison มองว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่กิจวัตรที่ยุ่งยาก แต่เป็นสิ่งที่สามารถทำได้ทุกที่ และสร้างพลังงานที่มั่นคงให้ทั้งกายและใจ
สิ่งสำคัญคือกิจวัตรเหล่านี้ต้อง “เรียบง่ายและต่อเนื่อง” เพราะการทำอย่างสม่ำเสมอจะสร้างรากฐานให้เช้าของทุกวันกลายเป็นจุดเริ่มต้นของ Productivity ที่แท้จริง
2. ปกป้องช่วงเวลาโฟกัสสูงสุด (Power Hours)
ในแต่ละวัน ทุกคนย่อมมีช่วงเวลาที่สมองปลอดโปร่งและมีสมาธิมากที่สุด Tibbs เรียกสิ่งนี้ว่า “power hours” และย้ำว่ามันคือทรัพยากรล้ำค่าที่ควรถูกใช้กับงานที่สำคัญที่สุด
โดยในช่วงเวลา 10.00–12.00 น. คือเวลาที่ความคิดชัดเจนที่สุด ดังนั้นงานที่ต้องใช้สมาธิและการคิดเชิงกลยุทธ์จะถูกจัดให้อยู่ในเวลานี้เสมอ เพื่อให้ได้คุณภาพสูงสุดของงาน
แต่เพื่อให้ power hours ใช้ได้จริง การเตรียมการล่วงหน้ามีความสำคัญ Allison แนะนำให้ปิดการแจ้งเตือน จัดโต๊ะให้โล่ง และเตรียมของที่จำเป็น เช่น น้ำดื่มหรือเครื่องเขียนไว้ให้พร้อม สิ่งเล็กๆ เหล่านี้ช่วยให้สมองไม่ต้องถูกดึงไปสนใจสิ่งอื่น และสามารถจดจ่อกับงานใหญ่ได้เต็มที่
3. จัดลำดับความสำคัญ
คนจำนวนมากคิดว่าตัวเองมีปัญหาด้านการจัดการเวลา แต่ Tibbs ชี้ว่าที่จริงแล้วคือ “ปัญหาด้านการจัดการลำดับความสำคัญ” เพราะเมื่อพยายามทำหลายอย่างพร้อมกัน พลังงานสมองก็จะถูกใช้ไปกับการสลับงาน จนทำให้เหนื่อยล้าและไม่มีงานใดเสร็จสมบูรณ์อย่างมีคุณภาพ
Allison จึงแนะนำเทคนิค “Do, Delegate, Delete”
- Do: งานที่สำคัญจริงๆ และส่งผลต่อเป้าหมายหลัก ต้องใช้ทั้งพลังงานและสมาธิสูงสุด
- Delegate: งานที่ไม่จำเป็นต้องทำเอง สามารถมอบหมายให้คนอื่นรับผิดชอบได้
- Delete: งานที่ไม่สร้างคุณค่า ควรถูกตัดออกจากรายการเพื่อไม่ให้เปลืองพลังงาน
คนที่ประสบความสำเร็จสูงมักมี “ขอบเขตที่ชัดเจน” เพราะจะไม่ลังเลที่จะปฏิเสธงานที่ไม่ใช่ “Do” และไม่รู้สึกผิดในการมอบหมายงานออกไป เพราะรู้ว่าการปกป้องพลังงานและโฟกัสคือสิ่งที่จะทำให้ก้าวหน้าได้ไกลกว่า
Productivity ที่ยั่งยืนไม่ได้หมายถึงการทำงานหนักจนหมดแรง แต่คือการสร้างนิสัยที่ช่วยให้เราพร้อมทั้งกายและใจ ตั้งแต่การเริ่มต้นเช้าที่เติมพลัง การรู้จักใช้ช่วงเวลาที่มีสมาธิสูงสุดให้เต็มประสิทธิภาพ และการเลือกทำงานเฉพาะสิ่งที่สำคัญจริงๆ
Source: CNBC Make it
