แบรนด์ “ช้าง” กลับมาสร้างความคึกคักให้ตลาดอีกครั้ง เน้นกลยุทธ์ Premiumization สร้างความต่าง

  • 24
  •  
  •  
  •  
  •  

 

การผ่อนคลายจากมาตรการล็อคดาวน์ ทำให้หลายตลาดกลับมารีบาวน์อีกครั้ง แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นคือด้านการท่องเที่ยว เพราะมีผู้คนมากมากโหยการใช้ชีวิตด้านนอก

แบรนด์อย่าง “ช้าง” จึงต้องขยับขยายตาม โดยล่าสุดปล่อยสินค้าตัวใหม่ ตอบโจทย์กลยุทธ์ Premiumization ที่ได้ทำมาสักพักใหญ่ ๆ แล้ว ทั้งนี้ ไม่ได้หมาความว่าทางแบรนด์ต้องเจาะลึกไปถึง “ความหรูหรา” หรือสินค้าที่ราคาแพง

แต่ในที่นี้ หมายถึงการยกระดับด้านการบริโภค ที่เน้นเรื่องของความทันสมัย สะดวกสบาย มีนวัตกรรม ไม่ว่าจะเป็นด้านฟังก์ชั่นหรือดีไซน์ ที่อาจมีราคาขยับออกจากความแมส แต่ก็ไม่มากเกินจนถึงกับเข้าไม่ถึง

 

สินค้าใหม่ เรียกความคึกคัก พร้อมเจาะกลุ่มใหม่ ๆ

ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ทางแบรนด์ช้างได้คิดค้นสินค้าตัวใหม่ โดยใช้นวัตกรรมรูปแบบทันสมัย แสดงถึง 3 กระบวนการหลัก ได้แก่

  1. ผลิตกระบวนการไม่ผ่านความร้อน (Unpasteurized) เพื่อความสดใหม่ของสินค้า
  2. ใช้นวัตกรรมที่ผลิตด้วยไนโตรจิเนชัน (Nitrogenation) เพื่อให้รสสัมผัสมีความละเอียด
  3. ระบบการขนส่งพิเศษแบบโคลด์เชน (Cold Chain) ควบคุมอุณหภูมิให้ไม่เกิน 4 องศาเซลเซียส และขนส่งตรงจากโรงงานกำแพงเพชร ถึงร้านอาหารและโรงแรมในจังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย ภายในเวลา 4 – 6 ชั่วโมง

คุณเลสเตอร์ ตัน ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุดสายธุรกิจเบียร์ประเทศไทย บริษัท ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่าสินค้าตัวใหม่นี้ “…เป็นการผลิตโดยไม่ผ่านความร้อน ได้การรับรองระบบบริหารคุณภาพมาตรฐาน ISO 9001 : 2015 และระบบมาตรฐานการรับรองความปลอดภัยในการผลิตอาหารและเครื่องดื่ม FSSC 22000 ทั้งการผลิตแบบปลอดเชื้อ ซึ่งทุกกระบวนการได้รับการดูแลผ่านบรูว์มาสเตอร์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์มากกว่า 25 ปี”

ทั้งนี้ ข้อมูลจาก นีลเส็นไอคิว ในประเทศไทยตั้งแต่เดือนมกราคม-เดือนตุลาคม 2565 พบว่าตลาดเบียร์ในประเทศไทย มีมูลค่า 110,000 ล้านบาท และมีอัตราการเติบโต 8% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ด้วยปัจจัยการสนับสนุนจากการเปิดประเทศ ทำให้กลับมาครึกครื้นอย่างเห็นได้ชัด หลังจากสถานการณ์ Covid-19 ทำให้ตลาดเบียร์ตกไปมากพอควร  

สินค้าตัวใหม่นี้ จึงเป็นสินค้าที่กระตุ้นให้ผู้บริโภคได้ตื่นตาตื่นใจกัน เพราะตลาดดั้งเดิมมีตัวเลือกที่มากจนเกินไป ทำให้ต้องลองหากลุ่มเป้าหมายหรืออะไรที่เป็นสิ่งใหม่ ๆ พรอมกับการมอบ new experience ให้กับทางกลุ่มเป้าหมายอีกด้วย

 

สินค้าเริ่มวางจำหน่ายเฉพาะที่จังหวัดเชียงใหม่และเชียงรายเท่านั้น

เชียงใหม่ขึ้นชื่อว่าเป็น “บ้านของช้าง” มีความเชื่อมโยงที่ดีต่อผู้บริโภคโดยเฉพาะภาคเหนือ ซึ่งสองจังหวัดนี้ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสุดป็อปในหมู่ทั้งไทยและต่างชาติมาก จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมทางแบรนด์ถึงประสบความสำเร็จกับกลุ่มรุ่นใหม่ในเขตนี้ และที่สำคัญ โรงงานผลิตอยู่ที่กำแพงเพชร จึงไม่ไกลมากนัก เข้ากับทางกลยุทธ์ที่แบรนด์วางไว้อย่างเหมาะสมที่จะเพิ่มความ Premium


  • 24
  •  
  •  
  •  
  •  
sailwithme
Postera crescam laude