สปา-ฮาคูโฮโด เปิดตัวหน่วยงานใหม่ “Human Lab” (ฮิวแมน แล็บ) เพื่อวิเคราะห์และวางกลยุทธ์เชิงลึกภายใต้แนวคิด “Human-Centric Marketing” หรือการตลาดที่เริ่มต้นจากความเข้าใจมนุษย์แบบเจาะลึกทั้งข้อมูลทางสถิติและความต้องการเบื้องลึกที่ซ่อนอยู่ในจิตใจ สอคดล้องกับปรัชญา “Sei-Katsu-Sha” (Life Living Person) ของฮาคูโฮโดทั่วโลกที่มองผู้บริโภคในทุกมิติของชีวิต
โดย คุณจิรภัทร์ กาญจะโนสถ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สปา-ฮาคูโฮโด จำกัด พร้อมด้วย คุณนัฐกาญจน์ วัฒนมงคลศิลป์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัย Human Lab และ หัวหน้าแผนก วางแผนกลยุทธ์แห่งสปา-ฮาคูโฮโด และ คุณพิมพิศา จุฬาเทิดทูลทวีเดช ผู้อำนวยการวางแผนโซลูชั่นทางธุรกิจ หน่วยงานแพลนท์ (Plant) ภายใต้ บริษัท สปา-ฮาคูโฮโด จำกัด ได้เปิดผลงานวิจัยล่าสุด “Daring Palette” หรือเฉดความกล้าของผู้คนใน 4 Generation ได้แก่ Gen B (Baby Boomer), Gen X, Gen Y และ Gen Z
5 ปัจจัยส่งผลต่อ “Subconscious” ของมนุษย์
ปัจจุบันปัจจัยที่ส่งผลต่อ Subconscious หรือจิตใต้สำนึกที่ส่งผลต่อความคิดและพฤติกรรมของมนุษย์ ประกอบด้วย 5 ปัจจัยหลักคือ
1. สถานการณ์เศรษฐกิจไม่แน่นอน
2. สถานการณ์การเมืองที่ไม่แน่นอน
3. ภัยธรรมชาติรุนแรงขึ้น ส่งผลกับวิถีชีวิต การวางแผน และการตัดสินใจต่างๆ
4. โรคภัยต่างๆ
5. การพัฒนาของเทคโนโลยี AI
ทั้ง 5 ปัจจัยนี้มีผลต่อการขับเคลื่อนสังคมและผู้คน อย่างไรก็ตามคนไทยสามารถปรับเปลี่ยนสิ่งที่เป็นปัจจัยเชิงลบ มาเป็นปัจจัยเชิงบวกได้ จะเห็นได้ว่าเมื่อมีปัจจัยที่สร้างความวิตกกังวล หรือความหวาดกลัว สิ่งที่คนไทยจะแสดงออกคือ ความกล้า
ดังนั้นงานวิจัย “Daring Palette” นำเสนอถึงมุมมองความคิด ตัวตน เป้าหมาย ปัญหาและอุปสรรคที่อยู่ในระดับ Subconscious ของคน 4 Generation ประกอบด้วย Gen B, Gen X, Gen Y, Gen Z โดยสะท้อนผ่านเฉดสีความกล้าที่แตกต่างกันในแต่ละ Gen พร้อมกลยุทธ์แบรนด์
Baby Boomer: The Timeless Experimenters – ชีวิตเริ่มแซ่บหลังอายุ 60
หากเปรียบเทียบระหว่าง Gen Baby Boomer หรือ Gen B ในยุคก่อน กับยุคใหม่ จะพบความแตกต่างในหลายมิติ
– Gen B ยุคก่อน: รู้สึกโรยราแล้ว ใช้ชีวิตอยู่กับบ้าน ไม่ตามหาความฝันแล้ว เน้นการลงทุนแบบดั้งเดิม เช่น พันธบัตรรัฐบาล หุ้น, ให้ความสำคัญกับ Health & Wellness
– Gen B ยุคใหม่: ผู้สูงวัยยุคใหม่ไม่ยอมจำกัดชีวิตไว้แค่ตัวเลขอายุ, กล้าลอง เช่น ลองกิจกรรมใหม่ๆ ลองเล่นกีฬาแนว Extreme Sport, พร้อมเติมเต็มความฝันที่เคยหล่นหายไป, นอกจากลงทุนแบบดั้งเดิมแล้ว ยังลงทุนรูปแบบใหม่ เช่น คริปโต หรือแม้แต่อาร์ตทอย, ให้ความสำคัญกับการสะสมประสบการณ์ใหม่ๆ ในชีวิต
ข้อมูลเชิงพฤติกรรมจาก Yougov:
– 50% ของผู้สูงวัยยุคใหม่เชื่อว่าชีวิตเพิ่งเริ่มต้นหลังอายุ 60 ปี และเป็นช่วงวัยที่ได้เริ่มลองทำสิ่งใหม่ๆ
– 64% ของผู้สูงวัยยุคใหม่คิดว่าตัวเองเด็กกว่าวัย
– 75% ของผู้สูงวัยยุคใหม่ ต้องการเรียนรู้สิ่งใหม่
ผลการวิจัยเชิงลึก พบว่า
– คติในการใช้ชีวิต: อายุไม่ใช่ข้อจำกัดในการเริ่มต้นสิ่งใหม่
– โปรไฟล์จิตวิทยา: รักการเรียนรู้ กระตือรือร้น สนุกกับกาค้นหาสิ่งใหม่แม้ในวัย 60+
– เป้าหมาย: ใช้ชีวิตให้เต็มที่ เติมเต็มความมฝัน และดูแลสุขภาพใจ
– บุคลิกภาพ: นักผจญภัย, มองโลกในแง่ดี, ผู้เรียนรู้ตลอดเวลา
– ปัญหา/อุปสรรค: กลัวถูกมองว่าล้าสมัย, ปัญหาสุขภาพ, อยากทิ้ง Legacy ที่มีความหมายให้กับรุ่นลูกรุ่นหลาน
– เฉดสี 🟢 Experimenting Green: สะท้อนถึงการเป็นผู้สูงวัยยุคใหม่ ที่ Young at heart กล้าลอง กล้าเปลี่ยน
จากอินไซต์ดังกล่าวนำมาสู่เทรนด์สำคัญในกลุ่ม Gen B ประกอบด้วย
1. Ageless Possibility: อายุเป็นเพียงตัวเลข
2. Greyfluencers: คนสูงวัยยุคใหม่ผันตัวเองมาเป็น Influencer / Content Creator มากขึ้น
– ข้อมูลจาก Tellscore พบว่าประเทศไทยมี Greyfluencers ประมาณ 85,000 คน
3. Dream Surfers: ใช้ชีวิตตามความฝันของตัวเอง
4. Fearless Investment: กล้าลงทุนและกล้าเสี่ยง พบว่าผู้บริโภคกลุ่มนี้ใช้จ่ายเงินไปกับ 3 ส่วนหลักคือ
– สุขภาพ (41%)
– งานอดิเรก (37%)
– พัฒนาทักษะใหม่ (24%)
5. Stay in the workforce: ไม่มีแผนเกษียณการทำงาน พบว่า
– 40% ของคนสูงวัยยุคใหม่วางแผนที่จะทำงานต่อไปจนกว่าองค์กรจะให้เกษียณ
6. Digital Investors: ลงทุนผ่านแพลตฟอร์ม กล้าที่จะ High Risk, High Return เช่น ลงทุนคริปโต
7. Experience Collectors: ลงทุนซื้อประสบการณ์ เช่น เดินทางท่องเที่ยว
กลยุทธ์การตลาด “Greypathy Marketing”
การเปลี่ยนมุมมองต่อ Gen B ที่เป็น Timeless experimenters ผ่านเลนส์ใหม่ที่แตกต่างจากกรอบความเข้าใจเดิมถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการทำการตลาด “Greypathy Marketing” การทำการตลาดที่ยังตอบโจทย์อายุที่เพิ่มมากขึ้นในด้านกายภาพ แต่ในขณะเดียวกัน เพิ่มเติมการตอบโจทย์ด้านจิตใจด้วย insights ของ Gen B ที่กลับไปเป็นเด็กยิ่งขึ้น เพราะวันนี้การที่ร่างกาย มีอายุมากขึ้นไม่ได้หมายความว่าจิตใจเป็นแบบนั้นเช่นเดียวกันอีกต่อไป
โอกาสทางการตลาดสำหรับ Gen B ที่วิถีชีวิตเป็น Active retirement มีมุมมองของการทดลองและความท้าทาย จิตวิญญาณของความกล้า (adventurous spirit) เช่น
– ธุรกิจการท่องเที่ยว ที่มีความเป็นเอกลักษณ์ รวมถึงกิจกรรมความผาดโผนในรูปแบบใหม่ ๆ แต่แน่นอนต้องเต็มไปด้วยความสะดวกสบาย
– ธุรกิจอาหารสุขภาพ และการออกกำลังกายที่ถูกออกแบบมาเฉพาะ เช่น กลุ่ม personal trainer หรืองานอดิเรกที่เน้นประสบการณ์มากกว่าผลิตภัณฑ์ มีโอกาสสูงในวันที่ Baby Boomer เปิดรับความเชื่อในรูปแบบใหม่ ๆ มากขึ้น
– การมี Financial Security Advisor ที่สามารถแนะนำการลงทุนในรูปแบบใหม่ เป็นอีกธุรกิจที่น่าสนใจกับกลุ่มที่มีเวลาศึกษาและมีเงินเก็บพร้อมลงทุน
– ในขณะที่แพลตฟอร์มการเรียนรู้ใหม่ๆรวมถึงการสอน connectivity ผ่าน Digital platforms ต่าง ๆ ที่เหมาะกับอุปนิสัย Gen B จะสามารถทำให้นักการตลาดเข้าถึงคนกลุ่มนี้ได้ดียิ่งขึ้น
– ที่สำคัญที่สุด “Premiumization” เป็นไปได้เสมอสำหรับทุกธุรกิจที่จะมาตอบโจทย์ Gen B ที่พร้อมจะจ่ายเพื่อสิ่งที่ดีกว่าในบั้นปลาย
Gen X: The Daring Leapers – เดอะแบกที่ออกจากกรอบเดิมๆ
– Gen X ยุคก่อน: เป็นลูกจ้าง, ครอบครัวต้องมาก่อน, แต่งงานเมื่อถึงช่วงวัยที่เหมาะสม, เที่ยวกับครอบครัว, มีทักษะหรือความเชี่ยวชาญแบบเดิมๆ
– Gen X ปัจจุบัน: เป็นนายตัวเอง, ความสุขของตัวเองมาก่อน, ไม่ได้ตั้งกฎเกณฑ์ว่าต้องแต่งงานอายุเท่าไร แต่ดูตามช่วงเวลาที่เหมาะสมของตัวเองมากกว่า อย่างบางคนอายุ 40 – 50 ปี ถึงแต่งงาน, มุ่งพัฒนาตัวเอง และไม่หยุด Reskill & Upskill
ข้อมูลเชิงพฤติกรรมจาก Yougov:
– 61.4% ให้ความสำคัญกับการใช้ชีวิตอย่างสนุก
– 50.7% ไม่ชอบการวางแผนระยะยาว
– 60% ของ Gen X ใช้วันหยุดเพื่อหนีจากความเครียด
ผลการวิจัยเชิงลึก พบว่า
– คติในการใช้ชีวิต: ชีวิตกลางคนคือจุดเริ่มต้นใหม่ ไม่ใช่จุดสิ้นสุด
– โปรไฟล์เชิงจิตวิทยา: โหยหาอิสระ ไม่ยึดติดแพลนชีวิต พร้อมกระโจนออกจากคอมฟอร์ตโซน
– เป้าหมาย: ค้นหาความหมายใหม่ในช่วงกลางชีวิต ใช้ชีวิตเพื่อพัฒนาตัวเอง
– บุคลิกภาพ: รู้จักตนเอง, ยืดหยุ่น, กล้าท้าทาย
– ปัญหา/อุปสรรค: ความรับผิดชอบมาก, เวลาจำกัด, ถูกตัดสินจากคนรอบข้าง
– เฉดสี 🟡 Fearless Yellow: สะท้อนถึงการเป็นเดอะแบกที่แกร่งทะลุกรอบ กล้ากระโจนออกจากกรอบชีวิตเดิมๆ เพื่อค้นหาอิสระ ความสุข และจุดหมายใหม่
เทรนด์สำคัญในกลุ่ม Gen X ประกอบด้วย
1. The Late Love Birds: แต่งงานตอนช่วงอายุ 40 – 50 ปี
2. Quadragenarian Mother: เริ่มเป็นคุณแม่วัยหลัก 40+ ขึ้นไป สะท้อนได้จากความนิยมในการทำ IVF เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ตลาดธุรกิจบริการรักษาภาวะมีบุตรยากในไทยเติบโตอย่างต่อเนื่อง
3. BFF Travelers: แนวโน้มผู้หญิงหรือผู้ชายอายุ 40 – 50 ปีขึ้นไป เลือกที่จะเดินทางกับเพื่อนสนิท หรือท่องเที่ยวคนเดียวมากขึ้น ในขณะที่แนวโน้มเดินทางไปกับลูกอายุต่ำกว่า 18 ปีลดลง โดยในปี 2024 พบว่า Gen X ที่มีครอบครัว เดินทางไปกับลูกอายุต่ำกว่า 18 ปี อยู่ที่ 17% ลดลงจากปี 2021 ซึ่งอยู่ที่ 21%
4. Progressive Thriving: ไม่หยุดอัปเกรดตัวเอง หมั่นพัฒนาตัวเอง เช่น
– Golden Body กลับมามีร่างทองอีกครั้งในวัย 40 – 50+ ด้วยการดูแลสุขภาพ
– Confidence Builder สร้างความมั่นใจและเป็นตัวของตัวเอง ไม่ต้องแคร์สายตาใคร
ผลวิจัยพบว่า 67.5% ของ Gen X บอกว่ายินดีจ่ายเงินซื้อผลิตภัณฑ์ที่ช่วยทำให้ชีวิตเขาดีขึ้น และ 71.6% บอกว่ายินดีจ่ายเงินให้กับใช้ผลิตภัณฑ์และบริการด้านความงาม เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับตัวเอง
– Reskill & Upskill พัฒนาทักษะเพิ่มขึ้น
กลยุทธ์การตลาด “Sandwich Marketing”
สำหรับกลุ่ม Gen X ที่กลับมาเริ่ม prioritize ตัวเองมากขึ้น แต่ท้ายที่สุดแล้วความอยู่กึ่งกลางของชีวิต ที่ต้องแบกรับทั้งสองโลกของรุ่นพ่อแม่รวมทั้งลูกของตัวเองอาจจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ กลยุทธ์ที่จะใช้ในการเข้าหากลุ่มนี้คือ “Sandwich marketing” โดยเฉพาะการเข้ามาช่วยตอบความเป็น multigeneration care provider ที่สามารถสนับสนุนให้ Gen X สามารถใช้ชีวิตได้ worry-less มากยิ่งขึ้น
โอกาสทางธุรกิจที่ตอบโจทย์ Gen X เช่น
– Home hybrid security หรือ Parenting resources จะช่วยให้แบรนด์เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตกลุ่ม Gen X ได้ง่ายขึ้น
– Preventive care ในรูปแบบ subscription model ที่สามารถทำให้คน Gen X กลับมาดูแลตัวเองได้ในรูปแบบง่ายๆ เสมือนมีคนมาช่วยวางแผนให้ก็สามารถทำให้เข้าถึงกลุ่มนี้ได้ดีเช่นกัน
– กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวกับการวางแผนครอบครัว เช่น กลุ่มวางแผนการมีบุตรและการเจริญพันธุ์ (Fertility clinic) เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่สามารถเป็นที่ปรึกษาที่ดีให้กับ Gen X ที่เป็น “Daring leapers” ที่อยากสร้างครอบครัวในวันที่พร้อม โดยไม่มีอายุเป็นกฎเกณฑ์
– ด้วยความที่ Gen X ไม่หยุดการพัฒนาตัวเอง เพราะยังต้องการเติบโต ดังนั้น Workshops และ Platforms ต่างๆ สามารถเข้ามามีส่วน กับการเรียนรู้ใหม่ ๆ ได้ เสริมสร้างทักษะและองค์ความรู้ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
Gen Y: The Architect of Now – ออกแบบชีวิตด้วยตัวเอง และ เดี๋ยวนี้ (Now) สำคัญที่สุด!
– Gen Y ยุคก่อน: เมื่อถึงช่วงวัยที่เหมาะสม สร้างครอบครัวของตัวเอง, ผู้ชายต้องมีลักษณะผู้นำ ประสบความสำเร็จ มั่นใจในตัวเอง, ครอบครัวมาก่อน, การพูดคุยเรื่อง sex เป็นเรื่องส่วนตัว
– Gen Y ปัจจุบัน: มีมุมมองว่าไม่จำเป็นต้องแต่งงาน, นิยามความสัมพันธ์ใหม่ เช่น ไม่จำกัดเพศ, ข้ามอายุ, ความงามในแบบฉบับตัวเอง, ผู้หญิงเป็นผู้นำ หรือผู้บริหารได้, ตัวฉันเองสำคัญที่สุด, การคุยเรื่อง sex ในที่สาธารณะเริ่มเป็นที่ยอมรับ
ข้อมูลเชิงพฤติกรรมจาก Yougov:
– 54.4% ตัดสินใจแบบฉับพลัน เชื่อสัญชาตญาณ
– 37.9% มองว่าการมีหนี้ตอนวัยรุ่นเป็นเรื่องปกติ
– 66.9% ชอบสินค้าที่สะท้อนไลฟ์สไตล์
ผลการวิจัยเชิงลึก พบว่า
– คติในการใช้ชีวิต: ความสุขคือ ‘ตอนนี้’ ไม่ใช่อนาคต
– โปรไฟล์เชิงจิตวิทยา: เน้นความสุขในปัจจุบัน ปรนเปรอตามใจตัวเอง เน้น self-expression
– เป้าหมาย: ใช้ชีวิตแบบที่เป็นตัวเอง ทำงาน เที่ยว ใช้เงินอย่างมีอิสระ
– บุคลิกภาพ: แสดงออกในแบบของตัวเอง, ตามใจตัวเอง, รักอิสระ
– ปัญหา/อุปสรรค: กดดันจากสังคม, กลัวความล้มเหลว, FOMO
– เฉดสี 🔴 Now Red: สะท้อนถึงเป็น Gen เดี๋ยวนี้นิยม ที่ออกแบบชีวิตด้วยตัวเอง กล้าฉีกกรอบสังคม ใช้ชีวิตในแบบที่เป็นตัวเอง และ “เดี๋ยวนี้” (Now) สำคัญที่สุด
เทรนด์สำคัญในกลุ่ม Gen Y ประกอบด้วย
1. Furmily: เป็น Pet Parent ดูแลสัตว์เลี้ยงเหมือนลูก พบว่า
– ปัจจุบัน 69% ของครอบครัวไทยยินดีจ่ายรายเดือนให้กับบริการดูแลสัตว์เลี้ยง
– 80% ของ Pet Parent เป็นคนโสด
– ค่าใช้จ่ายโดยเฉลี่ยที่ Pet Parent จ่ายให้กับลูกของตัวเอง อยู่ที่ 41,100 บาท
2. Freelationship: ความสัมพันธ์ของคน Gen Y ซับซ้อน และเปิดเผย เช่น บางคู่ตกลงกันให้อีกฝ่ายมีโลกสองใบ หรือหลายใบ
3. Grooming Warrior: ผู้ชาย Gen Y ให้ความสำคัญกับการดูแลตัวเอง
– 59.1% ของชายไทย Gen Y ใส่เสื้อผ้าผู้หญิงตามปกติ
– 44.5% มีผลิตภัณฑ์พิเศษที่ออกแบบมาให้สามารถใช้ได้ทั้งผู้หญิง และผู้ชาย โดยไม่ระบุเพศ เช่น เสื้อผ้า แฟชั่น ผลิตภัณฑ์ความงาม
4.. Maie Beauty Empowerment: ที่ผ่านมามิติความงามส่วนใหญ่มาจากผู้หญิง แต่ปัจจุบันมาจากผู้ชายมากขึ้น เนื่องจากผู้ชายดูแลตัวเองและความงามมากขึ้น
5. Fierce & Fabulous: ผู้หญิงมีบทบาทในสังคมไทยมากขึ้น
– 41% ของผู้บริหารระดับ Top Menagement เป็นผู้หญิง
– 52% ของผู้หญิงประสบความสำเร็จด้านความมั่นคั่งทางการเงิน
6. Perfessional (Personal + Professional): เทรนด์การทำงานของคน Gen Y ใน 1 คนมีหลายมิติ แม้บางมิติดูแตกต่างกันสุดขั้ว แต่ก็กล้าเปิดตัวตนในหลายมิติ เพราะเขารู้สึกว่าทำเต็มที่ในทุกมิติ
7. Asgard Patroness: ยินดีจ่ายเงินเป็นครั้งคราว เพื่อมีคนมาช่วยบำบัด หรือสร้างความบันเทิงให้
8. Sexducation: เป็นเรื่องที่ Gen Y ยุคนี้เปิดเผยมากขึ้น
กลยุทธ์การตลาด “Indulgence Marketing”
สำหรับกลุ่ม Gen Y ที่มีความเป็น Me-first generation และแคร์ความสุขของตนเองเป็นที่ตั้ง การเข้าถึงกลุ่มนี้ด้วย “Indulgence marketing” การตลาดแบบปรนเปรอความสุขเดี๋ยวนี้ จะเป็นจุดที่เข้าหา Gen Y ได้ดี
โอกาสทางธุรกิจที่ตอบโจทย์คน Gen Y เช่น
– ธุรกิจที่เข้าใจ ในการที่ทำให้ Gen Y สามารถรู้สึกถึงความสุขได้อย่างทันที ไม่ว่าจะผ่านการทำ FOMO marketing ที่ทำให้ Gen Y ไม่รู้สึกตกกระแส และทำให้รู้สึกดีได้เดี๋ยวนี้ก่อนใคร จะสามารถ connect กับ Gen Y ได้ง่ายขึ้น
– ธุรกิจที่เข้าใจการเปลี่ยนแปลงของรูปแบบความคิดของ Gen Y ในเชิงการสร้างครอบครัว ที่มีสัตว์เลี้ยงเป็นลูก หรือโลกที่เปลี่ยนไปของทั้งผู้หญิงและผู้ชายที่เปิดกว้างขึ้น เช่น การที่ผู้หญิงเริ่มมีบทบาทสำคัญมากขึ้นทางสังคม หรือผู้ชายที่หันมาดูแลความสวยงามของตัวเอง ยังเป็นโอกาสที่ทำให้นักการตลาดสร้างโอกาสที่จะทำให้แบรนด์เข้าไปยืนในใจกลุ่มนี้ได้ดี สำหรับกลุ่ม Gen Y ที่อารมณ์และความรู้สึกอยู่เหนือเหตุผล
Gen Z: The Change Makers – โลกใบใหม่ในมือเรา
– Gen Z ยุคก่อน: เรื่องเรียนมาก่อน, เรียนจบ สมัครงาน, ความสำเร็จรอได้, มีความเป็น Self-centered, วัยแห่งความหวัง
– Gen Z ปัจจุบัน: หาเงินมาก่อน, เป็นเจ้าของกิจการ โดยไม่รอเรียนจบ, ยิ่งสำเร็จเร็ว ยิ่งดี, สนใจการดูแลโลก, เป็นผู้สร้างการเปลี่ยนแปลง และคิดแล้วลงมือทำเลย
ข้อมูลเชิงพฤติกรรมจาก Yougov:
– 71.6% ปฏิเสธทำงานกับองค์กรที่ขัดกับค่านิยมของตัวเอง
– 70% มองหาโอกาสลงทุนที่คุ้มค่า
– 81% แสดงความกังวลต่อปัญหาสภาพภูมิอากาศ
ผลการวิจัยเชิงลึก พบว่า
– คติในการใช้ชีวิต: ฉันไม่ได้มาเพื่อเดินตาม ฉันมาเพื่อเปลี่ยนแปลง
– โปรไฟล์เชิงจิตวิทยา: มองไกลกว่าตัวเอง คิดเพื่อโลกและความยั่งยืน กล้าท้าทายระบบ
– เป้าหมาย: สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อโลก มีอิสระทางการเงิน และความเป็นตัวของตัวเอง
– บุคลิกภาพ: ขับเคลื่อนด้วย passion, ใส่ใจสิ่งแวดล้อม, นักเปลี่ยนแปลง
– ปัญหา/อุปสรรค: ความกดดันจากโลกที่หมุนเร็ว, คาดหวังความสำเร็จเร็ว, สมดุลคุณค่ากับความจริง
– เฉดสี 🟣 Activist Purple: คนรุ่นใหม่ไฟแรงที่ไม่เดินตามใคร พร้อมท้าทายระบบ คิดต่าง เพื่อสร้างโลกใหม่ที่ยั่งยืน และเท่าเทียมมากขึ้น
เทรนด์สำคัญในกลุ่ม Gen Z ประกอบด้วย
1. Building The Now: ไม่ต้องรอความสำเร็จ ให้ลงมือทำเลย
– จะเห็นได้ว่า Gen Z ลาออกจากบริษัทภายใน 2 ปีแรกของการทำงาน และหลายคนออกไปสร้างธุรกิจของตัวเอง
– Now Achiever คิดและลงมือทำ ปัจจุบันหลายธุรกิจในไทยมีเจ้าของเป็น Gen Z
– Authenticity as our superpower: แสดงความเป็นตัวตนได้ชัดเจน โดยไม่ยอมเปลี่ยนตัวเองเพื่อคนอื่น
2. Change Activist: เป็นผู้สร้างและผลักดันให้โลกใบนี้ดีขึ้น
– 81% ของ Gen Z แสดงออกถึงกังวลต่อปัญหาสิ่งแวดล้อมและสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป
– 90% ของ Gen Z ยินดีจ่ายเงินเพิ่มขึ้น เพื่อซื้อผลิตภัณฑ์เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
3. Social Entrepreneurs: คนรุ่นใหม่ให้ความสนใจสร้างธุรกิจที่มี purpose-driven ด้านสังคม
กลยุทธ์การตลาด “Tribal Marketing”
Gen Z เป็นกลุ่มที่มองหาการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น สำหรับโลกของตนเองและส่วนรวม การเข้าหา Gen Z ควรทำผ่าน “Tribal Marketing” การทำการตลาดที่มี community ภาษา และความคิดรับผิดชอบต่อตนเอง และสังคมในมิติเดียวกัน เพื่อให้ Gen Z รู้สึกว่าแบรนด์เป็นกลุ่มเดียวกับเขา
โอกาสทางธุรกิจที่ตอบโจทย์คน Gen Z
– แบรนด์ที่มีความเชื่อแก่นแท้ตรงกันกับ Generation นี้ และเข้าไปอยู่ใน Community เดียวกัน จะสามารถสร้างความสัมพันธ์ได้ในระยะยาว จะเห็นได้จากการเติบโตของ Influencer platform และ Affiliation Tactic ที่นำเสนอผลิตภัณฑ์หรือการบริการที่ authentic
– แบรนด์มีความจริงใจในการทำการตลาด
– แบรนด์/ธุรกิจที่สนับสนุนให้ Gen Z ไปสู่ความสำเร็จได้เร็วตามเส้นทางที่เขาเลือกเอง เพราะกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่อยากได้ความสำเร็จแบบก้าวกระโดด การรอเดินตามเส้นทาง ความสำเร็จในชีวิตตามมาตรฐานของสังคม ไม่ใช่สิ่งที่เขาเชื่อ
