สำรวจตลาด “อีเวนต์ 2025” โตด้วย 3 แรงขับเคลื่อนหลัก – รับมือความท้าทาย “ทุนจีน” ขนแรงงาน-อุปกรณ์เข้ามาจัดอีเวนต์ไนไทย

  • 13
  •  
  •  
  •  
  •  

Event Industry 2025

จะเห็นได้ว่าหลัง COVID-19 ผ่านพ้นไป “อุตสาหกรรมอีเวนต์” ในประเทศไทยค่อยๆ ฟื้นตัวต่อเนื่อง และแม้ในปี 2025 ยังคงมีความท้าทายรอบด้าน ทั้งด้านเศรษฐกิจที่เปราะบาง การค้าโลก กำลังซื้อผู้บริโภคที่ชะลอตัว รวมไปถึงภัยพิบัติ อย่างเหตุการณ์แผ่นดินไหวล่าสุดที่คาดว่าส่งผลกระทบในระยะสั้น แต่ “อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ” (Index Creative Village) มองว่าภาพรวม “อุตสาหกรรมอีเวนต์” ปีนี้กลับเข้าสู่สภาวะปกติอย่างเต็มรูปแบบ ด้วย 3 ปัจจัยขับเคลื่อนหลักที่เกื้อหนุนกัน ประกอบด้วยการท่องเที่ยว, คอนเสิร์ต-มิวสิคเฟสติวัล, ตลาด Luxury Brand ที่รุกตลาดไทยมากขึ้น 

 

1. การท่องเที่ยวหนุน “อีเวนต์”

แม้นักท่องเที่ยวจีน ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ของไทยจะลดลง และยังเจอกับเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่มีผลต่อภาคการท่องเที่ยว ตามรายงานศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้ปรับลดคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยในปี 2025 ลงมาที่ 35.9 ล้านคน จากเดิมคาดว่าอยู่ที่ 37.5 ล้านคน

อย่างไรก็ตามมีการประเมินว่าจะเป็นผลกระทบในระยะสั้น และอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวยังคงเป็นแรงส่งสำคัญของเศรษฐกิจไทย รวมทั้งเป็นหนึ่งในปัจจัยสร้างการเติบโตให้กับ “อุตสาหกรรมอีเวนต์” มูลค่ากว่า 14,000 ล้านบาท

“ธุรกิจอีเวนต์เพิ่งกลับเข้าสู่สภาวะปกติอย่างเต็มรูปแบบในปี 2025 โดยแรงขับเคลื่อนหลักมาจาก “การท่องเที่ยว” เนื่องจากกลยุทธ์ของรัฐบาลต้องการผลักดันให้ประเทศไทยเป็น Festive Country ด้วยการจัด 7 Month 7 Wonders โดยในช่วง 7 เดือนนี้จะมี Festival ใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในไทยต่อเนื่อง เป็นอานิสงค์ทำให้อีเวนต์ในไทยกลับมาบูม

ในอดีตการโปรโมทการท่องเที่ยว รัฐบาลไม่ได้ทำเป็นรูปแบบซีรีส์ แต่ครั้งนี้ผลักดันโดยใช้อีเวนต์เป็นตัวขับเคลื่อนการท่องเที่ยว และเทศกาลสงกรานต์ปีนี้จะเป็น tool หนึ่งในการสื่อสารว่าประเทศไทยกลับมาเหมือนเดิมแล้ว” คุณเกรียงไกร กาญจนะโภคิน ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) ฉายภาพศักยภาพของการท่องเที่ยวไทยที่เป็นแรงขับเคลื่อนมาสู่อุตสาหกรรมอีเวนต์

Index Creative Village
คุณเกรียงไกร กาญจนะโภคิน ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน)

 

2. “คอนเสิร์ต มิวสิคเฟสติวัล” โตทั้งจำนวนและขนาด

อีกปัจจัยผลักดันอีเวนต์เติบโต คือ ตลาดคอนเสิร์ตและมิวสิคเฟสติวัล ซึ่งเพิ่มขึ้นทั้งจำนวนและขนาด โดยคาดว่ามีมูลค่ารวมกว่า 5,000 ล้านบาทในปีนี้

“ประเทศไทยน่าจะมีจำนวนการจัดคอนเสิร์ตและมิวสิคเฟสติวัลอันดับต้นๆ ของโลก โดยคาดว่าเป็นหลักร้อยงาน เนื่องจากประเทศไทยมีความอิสระมากที่สุดในภูมิภาคนี้ และยิ่งรัฐบาลปลดล็อกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และสถานที่จัดงาน น่าจะเป็นอีกปัจจัยที่ผลักดันให้ตลาดคอนเสิร์ต และมิวสิคเฟสติวัลโต”

TEN X FIREWORK_MNY

 

3. ไทยหมุดหมายของ Luxury Brand

แม้เศรษฐกิจจะผันผวน แต่ตลาด Luxury Brand ในไทยยังมีศักยภาพเติบโตได้อีกมาก เนื่องจากรองรับทั้งนักช้อปในประเทศ และนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เดินทางมาไทย และช้อปสินค้าแบรนด์หรูเช่นกัน สะท้อนได้จากการเปิดช้อปแบรนด์หรู ทั้งในกรุงเทพฯ และเมืองท่องเที่ยวใหญ่ เช่น ภูเก็ต สิ่งที่ตามมาคือ อีเวนต์ของ Fashion Luxury Brand ที่จัดขึ้นในไทย โดยเฉพาะหลังผ่านพ้น COVID-19 เป็นต้นมา จะเห็นอีเวนต์ของเหล่าแบรนด์หรูที่จัดขึ้นหลายรูปแบบ เช่น อีเวนต์เปิด Pop-up store, อีเวนต์เปิดตัวสินค้าคอลเลคชันใหม่ เป็นต้น

Bvlgari

 

“ทุนจีน” ยกแรงงานอุปกรณ์จากจีนเข้ามาจัดอีเวนต์ในไทย

อย่างไรก็ตามในโอกาสการเติบโต เวลานี้อุตสาหกรรมอีเวนต์ต้องเผชิญกับอีกหนึ่งความท้าทาย นั่นคือ การเข้ามาของ “ทุนจีน”  หรือ “บริษัทจีน” เมื่อมีการจัดอีเวนต์ในไทยได้นำแรงงานจีนและอุปกรณ์ต่างๆ สำหรับใช้ในการจัดอีเวนต์จากประเทศตนเองเข้ามาเองทั้งหมด ในลักษณะเหมือนทัวร์ศูนย์เหรียญ

“บริษัทต่างชาติเข้ามาจัดอีเวนต์ในไทยมีมานานแล้ว แต่เมื่อก่อนถ้าเป็นบริษัทจากตะวันตกเข้ามา คนไทยยังได้เห็นเทคโนโลยี เห็นวิธีการ ได้เรียนรู้ แต่ในช่วง 2 – 3 ปีมานี้ แบรนด์จีน หรือบริษัทจีนเข้ามาจัดอีเวนต์ในไทย เอาทั้งแรงงานจีน และอุปกรณ์แสงสีเสียงต่างๆ เข้ามาเอง กลายเป็นว่าประเทศไทยไม่ได้อะไรเลย นอกจากค่าเช่าพื้นที่ ซึ่งถ้าปล่อยไว้แบบนี้ต่อไป ต่อไปประเทศไทยจะไม่ได้อะไร เหมือนทัวร์ศูนย์เหรียญ 

เพราะฉะนั้นเวลานี้ในอุตสาหกรรมนี้มีการคุยกันเรื่องนี้ เพื่อปกป้องตลาด โดยคณะกรรมการยุทธศาสตร์ Soft Power ได้ผลักดันและเริ่ม action กันแล้ว ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือร่วมใจ ทั้งเจ้าของงาน สถานที่จัดงาน ขณะที่ภาครัฐต้องมีมาตรการควบคุมที่เข้มข้น บังคับใช้กฎหมาย จะปล่อยให้เข้ามาอิสระอย่างทุกวันนี้ไม่ได้ ต้องมีใบอนุญาต

ขณะเดียวกันต้องกำหนดสัดส่วนการเอาต่างชาติเข้ามาได้เท่าไร เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยและคนทำงานในอุตสาหกรรมอีเวนต์ได้เรียนรู้เทคโนโลยีต่างๆ เช่น สามารถเอาระดับ Supervisor เข้ามาได้ หรือกำหนดว่าต้องเป็นบริษัทจดทะเบียนในไทยเท่านั้น เพราะฉะนั้นตอนนี้อยู่ที่การคุยกัน เพื่อปกป้องตลาด” คุณเกรียงไกร ฉายภาพความท้าทายของอุตสาหกรรมอีเวนต์ในไทยที่กำลังเจอกับทุนจีนเข้ามา

Index Creative Village

 

“อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ” ลุยอีเวนต์เชื่อมโยงเทรนด์ธุรกิจ

เมื่อย้อนกลับไปตั้งแต่ปี 2020 อุตสาหกรรมอีเวนต์ต้องเผชิญกับผลกระทบมหาศาลจากสถานการณ์ COVID-19 แต่ “อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ” (Index Creative Village) ก็สามารถกลับมาฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว

– ปี 2020: รายได้ 372 ล้านบาท / ขาดทุน 171 ล้านบาท

– ปี 2021: รายได้ 598 ล้านบาท / ขาดทุน 78 ล้านบาท

– ปี 2022: รายได้ 913 ล้านบาท / กำไร 136 ล้านบาท

– ปี 2023: รายได้ 952 ล้านบาท / กำไร 122 ล้านบาท

– ปี 2024: รายได้ 1,322 ล้านบาท / กำไร 85 ล้านบาท

ปี 2025: ตั้งเป้ารายได้ 1,500 ล้านบาท / กำไร 125 ล้านบาท

Bangkok Illumination

สำหรับกลยุทธ์และเป้าหมายของอินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ มุ่งสร้างปรากฏการณ์พาไทยไประดับโลก ด้วยการจับกระแสเทรนด์ธุรกิจมาแรงของประเทศไทยในปีนี้ ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั้งขาเข้าและขาออก, ธุรกิจคอนเสิร์ต, อีเวนต์ Luxury Brand และตลาด Trad Fair ในต่างประเทศ

คุณเกรียงไกร เล่าว่า อินเด็กซ์ฯ ตั้งเป้าพาการท่องเที่ยวไทยไปสู่ระดับโลกผ่านการต่อยอดกลยุทธ์ Soft Power ให้เกิดประโยชน์สูงสุด อย่างที่อินเด็กซ์ฯ วางแผนทำมาตลอดปี 2024 ไม่ว่าจะเป็น “หมูเด้ง” ในโปรเจกต์ Bangkok Illumination 2024, “ลิซ่า” ในงาน Bvlgari Tubogas

Bvlgari

หรือ “หมีเนย” ในนิทรรศการ Buttery World ที่ยังคงจัดแสดงอยู่ ซึ่งนิทรรศการดังกล่าวส่งผลให้เกิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจจากการเข้ามาและใช้จ่ายของชาวต่างชาติ โดยเฉพาะฐานแฟนคลับของหมีเนยที่มีกำลังซื้อ อย่างนักท่องเที่ยวชาวจีนที่ได้เดินทางเข้ามาในประเทศไทยจำนวนมาก เพื่อเข้าชมและร่วมกิจกรรมของนิทรรศการ Butttery World โดยเฉพาะ นับว่าเป็นอีกก้าวของอินเด็กซ์ฯ ในการเป็นผู้เปิดประตูสู่เทรนด์การท่องเที่ยวอย่างแท้จริง

Buttery World

ขณะที่ ตลาดคอนเสิร์ตและมิวสิคเฟสติวัล เหล่าผู้จัดต่างมองหาพันธมิตรที่สามารถให้บริการโซลูชันครบวงจร คำนึงถึงมาตรฐานความปลอดภัยระดับสูง และการใช้อุปกรณ์ที่มีมาตรฐานระดับสากล ซึ่งเป็นหัวใจหลักที่อินเด็กซ์ฯ เตรียมพร้อมและให้ความสำคัญเสมอมา จากการที่อินเด็กซ์ฯ ทุ่มงบกว่า 400 ล้านไปกับทุนประกันด้านความปลอดภัยของอีเวนต์ ตั้งแต่กระบวนการขนส่ง ติดตั้ง ตลอดจนการรื้อถอน ครอบคลุมทุกขั้นตอนการสร้างอีเวนต์

เข้าสู่ปี 2025 นับว่าเป็นปีทองที่ธุรกิจอีเวนต์กลับมาเดินหน้าอย่างเต็มรูปแบบ อินเด็กซ์ฯ เอง ก็พร้อมที่จะลุยต่อ ในปีนี้ เรายังมองหาโอกาสใหม่ ๆ ในตลาดที่หลากหลาย ซึ่งตลาดท่องเที่ยวปีนี้น่าสนใจ เราเดินตามเทรนด์ของประเทศไทยที่โฟกัสไปในตลาดนี้ที่เชื่อมโยงทั้งการท่องเที่ยว และอุตสาหกรรม MICE 

อินเด็กซ์ฯ เองเราเป็นผู้นำด้านการจัดอีเวนต์อยู่แล้ว ทั้งในและต่างประเทศ ปีนี้จึงขยายไปในมุมการทำงานให้กับหลาย ๆ จังหวัด เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย อีกทั้งกลยุทธ์ Inbound กับ Outbound เชื่อมต่อประตูสู่การท่องเที่ยวทั้งส่งออกความเป็นไทยไปต่างประเทศในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าและบริการ ความเป็นไทยเชิงวัฒนธรรม ประเพณี โดยการสนับสนุนการท่องเที่ยวขาเข้าอย่างเต็มกำลัง” คุณเกรียงไกร ฉายภาพโอกาสการเติบโตของอินเด็กซ์ฯ ในปี 2025

Event Supply

 

Trade Fair พาสินค้าไทยไปต่างประเทศ เดินหน้ารุกอีเวนต์ Luxury Brand และตลาด Healthcare

ในส่วนของ Trade Fair หลังประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้นกับการบุกตลาดตะวันออกกลาง ด้วยการสร้างโอกาสทางการค้าให้กับผู้ประกอบการไทยไปจัดแสดงสินค้าและบริการ ณ กรุงริยาด ซาอุดีอาระเบีย พบว่าสินค้าไทยเป็นที่นิยมในหมู่ชาวซาอุฯ มาก อาทิ เครื่องหอม ไม้กฤษณา และรองเท้ายางพาราสุขภาพจากจังหวัดสงขลา ที่ทำยอดขายได้กว่า 50 ตู้คอนเทนเนอร์ ตู้ละ 20,000 คู่ รวมรายได้กว่า 150 ล้านบาท

หลังจากเจาะตลาดซาอุฯ 3 ปีซ้อน ปีนี้อินเด็กซ์ฯ ก็ไม่พลาดที่จะปักหมุดความสำเร็จไปกับ Trade Fair ครั้งนี้จัดยิ่งใหญ่ถึง 8 งาน 5 ประเทศ ได้แก่ ซาอุดีอาระเบีย เกาหลี กัมพูชา เมียนมาร์ และเวียดนาม

1. Thailand International Mega Fair 2025 (3rd edition)

2. K-Beauty Expo 2025

3. Cambodia Foodplus Expo 2025 (4th edition)

4. Cambodia Health & Beauty Expo (5th edition)

5. Myanmar Foodbev 2025 (7th edition)

6. Myanmar Retail Sourcing Expo 2025 (5th edition)

7. K-MED Expo Vietnam 2025

8. Saigon Beauty Show 2025 (6th edition)

International Mega Fair

“มหกรรม Trade Fair ระดับนานาชาติเหล่านี้ เป็นบทพิสูจน์ว่า อินเด็กซ์ฯ มีศักยภาพพาอุตสาหกรรมไทยไปไกลกว่าที่เคย เรานับว่าเป็นแพลตฟอร์มสื่อกลางที่พร้อมสนับสนุนผู้ประกอบการไทย ให้ไปเติบโตและขยายธุรกิจในต่างประเทศ เพื่อนำรายได้เข้าประเทศ สนับสนุนเศรษฐกิจไทยที่เรามีทำอยู่แล้ว ทั้งเมียนมาร์ ซาอุดีอาระเบีย กัมพูชา โดยในปีนี้เราขยายไปยังเกาหลีและเวียดนาม ซึ่งก็ยังมีแพลนที่จะขยายไปประเทศอื่น ๆ อีก ในอนาคต” คุณเกรียงไกร ขยายความเพิ่มเติม

นอกจากนี้ อินเด็กซ์ฯ เล็งเห็นศักยภาพของธุรกิจอีเวนต์ที่สามารถกระโดดไปได้ไกลกว่าที่เป็น จากการที่ตลาดสินค้าไลฟ์สไตล์สุดหรู Luxury Brand หันมาเลือกประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางในการจัดงานอีเวนต์ระดับโลกมากมาย อาทิ Cartier, Bvlgari, MIDO, Astan Martin เป็นต้น ล่าสุดอินเด็กซ์ฯ เดินหน้าเข้าสู่ตลาด Healthcare และ Cosmetic Brand หลาย ๆ เจ้าเป็นที่เรียบร้อย พร้อมตั้งเป้าสร้างสรรค์งานอีเวนต์ทุกรูปแบบในทุกวงการ


  • 13
  •  
  •  
  •  
  •  
WP
อยู่ในแวดวงนิตยสารธุรกิจการตลาดกว่าสิบปี สนุกและชอบติตตามเทรนด์ ไลฟ์สไตล์ใหม่ๆ และอยากเรียนรู้เพิ่มเติมในแพลตฟอร์มดิจิทัล มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์การตลาดและดิจิทัลร่วมกันนะคะ