อุตสาหกรรมเพลงใกล้ถึงจุดระเบิดเต็มที่แล้วหรือยัง?
เพราะความสามารถของเทคโนโลยีอย่าง “บล็อกเชน” (Blockchain) อาจไม่ทำให้ศิลปินเพลงผิดหวัง เมื่อบล็อกเชนจะเป็นแหล่งทำรายได้ใหม่ให้กับศิลปิน ทีนี้นักดนตรีสามารถฝังเพลงของตัวเองได้ในบล็อกเชนตรงๆได้เลยและได้เงินทันทีที่มีคนเลือกซื้อเสียที
ว่าแต่บล็อกเชนคืออะไรล่ะ?
บล็อกเชนคือเทคโนโลยีใหม่ๆที่ให้ทุกคนที่เข้าถึงและจัดการข้อมูลอย่าง Ledger มีซอฟท์แวร์ระบบเปิดที่ยืนยันและลงทะเบียนการทำธุรกรรมต่างๆโดยไม่ต้องพึ่งอำนาจส่วนกลางเลย บันทึกของบล็อกเชนทุกอย่างจะถูกเก็บในระบบ Peer-to-Peer Network เทคโนโลยีตัวนี้ทำให้การเข้ารหัสลับสามารถรับรอบความถูกต้องของข้อมูลธุรกรรมที่อยู่บล็อกเชนได้ ส่วนข้อมูลเมื่อเข้าไปใน “บล็อก” แล้วแก้ไม่ได้ด้วย
บล็อกเชนจึงเป็นเทคโนโลยีที่กระจายอำนาจ เปิดกว้างขึ้น เป็นส่วนตัวมากขึ้น เท่าเทียมกันมากขึ้น และเข้าถึงได้มากขึ้น
แล้วทำไมบล็อกเชนต้องเข้ามาในอุตสาหกรรมเพลง?
เพราะปัญหาใหญ่ในอุตสาหกรรมบันทึกเสียงคือ “ความโปร่งใสของรายได้”
ในปี 2015 อุตสาหกรรมบันทึกเสียงได้กวาดรายได้ไปว่า 15 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งถือว่ามากที่สุดในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา เพลงในระบบดิจิตอลได้เป็นแหล่งรายได้แรกๆเมื่อรายได้จากระบบดิจิตอลได้แซงหน้าระบบทางกายภาพไป
แต่ในอีกด้านหนึ่งก็เป็นจุดด้อยของอุตสาหกรรมดนตรีในเรื่องของความโปร่งใสเช่นเดียวกัน
เพราะศิลปินหลายๆคนก็ต้องควักเงินออกไปไม่น้อย ระบบกรรมสิทธิ์ที่ซับซ้อนกลายเป็นหนึ่งในระบบที่แย่ที่สุดเท่าที่จะจินตนาการได้ในวงการเพลง ทำให้นักดนตรีไม่สามารถพึ่งพาระบบการรับรายได้จากเพลงของตัวเองได้อย่างยุติธรรมเลย
บริการสตรีมมิ่งอย่าง Spotify จึงเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังล้มเหลวที่ทำให้นักดนตรีได้ส่วนแบ่งกำไรในอัตราที่สมเหตุสมผลอยู่ดี ทั้งๆที่การเสพย์เพลงในปัจจุบันนับวันยิ่งโตทั่วโลก ทำให้ศิลปินชักจะอยู่ยากขึ้นทุกทีแล้ว
แม้แต่ค่ายเพลงอย่าง Rethink Music ออกมายอมรับว่า “ทุนใหญ่ๆมักเทไปกับกลุ่มคนที่ไม่ใช่ เงินค่าลิขสิทธิ์ก็ตกไปอยู่กันคนที่ไม่ใช่ศิลปิน เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าศิลปินคนไหนควรจะได้ค่าลิขสิทธิ์ ซึ่งเป็นผลมาจากความไม่โปร่งใสของระบบที่ผูกกรรมสิทธิ์ไว้”
แล้วบล็อกเชนมาเปลี่ยนอุตสาหกรรมเพลงอย่างไร?
การให้ยืมเงินและการระดมทุนได้เปลี่ยนหลายอุตสาหกรรม และตอนนี้มีหลายๆทางที่จะเข้าถึงโครงการสนับสนุนทุนต่างๆและซื้อขายสินค้าด้วยการเข้ารหัสในบล็อกเชน และมีเครื่องมือที่จำเป็นไว้หมดสำหรับผู้จัดการโครงการไว้แล้ว
ทำให้ศิลปิน ผู้จัดการ หรือแม้แต่ผู้ระดมทุนจากแฟนเพลงก็สามารถติดสินใจในเรื่องที่สำคัญได้ ไม่ต้องมีส่วนกลาง ไม่ต้องมีมือที่สาม ทำได้ยิ่งกว่าอัพโหลด ทำการตลาดและขายเพลงของตัวเองบนอินเตอร์เน็ต
แล้วบล็อกเชนทำประโยชน์อะไรบ้างกับอุตสาหกรรมเพลง?
1. นักดนตรีสามารถฝังเพลงในบล็อกเชนและได้เงินทันที
โดยบล็อกเชนจะบันทึกข้อมูลธุรกรรมสาธารณะที่เกิดขึ้นในสกุลเงินอย่างบิทคอยท์ได้ นักดนตรีสามารถฝังเพลงในบล็อกเชนและได้เงินเลยทันทีตามสกุลเงินที่เลือกรับจ่ายได้ด้วย
Phil Barry แห่ง Ujo Music ก็ออกมาเสริมว่า “ถ้ามีเทคโนโลยีแบบนี้นะ ผมไม่ต้องใช้คน 50 คนในแต่ละ 50 ประเทศเพื่อเก็บเงินให้ผมหรอก และนี่คือข้อดีของบล็อกเชน”
การลงทุนโดยตรงกับศิลปินที่เราชอบกลายเป็นจริงสำหรับนักลงทุนตัวจริงและแฟนเพลง เครือข่ายค่ายเพลงก็ยึดสัญญาที่เก็บในบล็อกเชนเป็นหลัก รวมถึงความคิดสร้างสรรค์ องค์ความรู้ ทักษาะและความร่วมมือ ที่มีรหัสสกุลเงินรองรับ
และจะกลายเป็นกระแสหลักของวงการเพลงในไม่ช้า
2. รายได้จะกระจายไปอย่างเท่าเทียมและยุติธรรม
Edith Suarez แห่ง CNN อธิบายได้ดีถึงการปฏิวัติวงการเพลงว่า “เพลงจะไม่ได้เข้าไปอยู่ในเซอร์เวอร์เดียวอีกแล้ว แต่ละเพลงจะถูกฝังด้วยส่วนของโค้ตต่างๆเพื่อบันทึกข้อมูล เมื่อมีคนมาดาวน์โหลด เงินก็ถูกส่งไปให้แต่ละคนที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นคนแต่งเพลง ผู้ผลิตเพลง นักร้อง และคนอื่นๆอีกมากมาย”
บางรายก็ทำเทียมเลียนแบบเทคโนโลยีบล็อกเชนเพื่อใช้กับอุตสาหกรรมเพลงมาแล้ว เช่นแพลตฟอร์มอย่าง Revedor ที่ได้ติดตามไฟล์ดิจิตอลและได้ค่าลิขสิทธิ์จากมันอย่างรวดเร็วที่สุด ไม่ว่าไฟล์จะใหญ่แค่ไหนก็ตาม
และถ้าเราซื้อไฟล์เพลงจาก iTune ของ Apple บล็อกเชนที่มีสัญญาซื้อขายเพลงกำกับก็จะทำงานเช่นกัน รายได้ก็จะถูกแบ่งไปให้คนที่เกี่ยวข้องกับไฟล์นั้นทันทีผ่านการเข้ารหัสเช่นเดียวกัน
3. ดูแลรักษากรรมสิทธิ์ได้มากขึ้น
เทคโนโลยีการเข้ารหัสและบล็อกเชนสามารถทำรายได้ให้นักดนตรีจากบริการสตรีมมิ่งได้โปรงใสมากขึ้น หากใช้บล็อกเชน หรือแม้แต่สร้างรหัสสกุลเงินของตัวเองบนบิทคอยท์ของบล็อกเชนอีกที บวกกับความรู้เทคนิคหน่อย ก็แก้ปัญหากรรมสิทธิ์ได้
โดยฝังกรรมสิทธิ์ในตัวเนื้อเพลงและทำนองเพลงในบล็อกเชนไปเลย
อีกทั้งสามารถสร้างความสัมพันธ์กับแฟนเพลง มีอภิสิทธิ์ต่างๆมากมาย และให้ลูกค้าและพาร์ทเนอร์ในอนาคตสามารถตรวจสอบความโปร่งใสได้ด้วย
ทีมผลิตเพลง รูปแบบความร่วมมือต่างๆและการค้นหาที่มีพื้นฐานมาจากรหัสสกุลเงินต่างๆทำให้เราลงมือทำและบริหารจัดการได้ง่ายขึ้นเยอะ บล็อกเชนในวงการเพลงจะแพร่กระจายไม่ต่างจากเพลงฮิตที่ไวรัล ทำให้ศิลปินและแฟนเพลงโต้ตอบกันไปมาอย่างสนุกสนาน
ก็เหมือนกับอุตสาหกรรมอื่นๆที่มีตัวกลาง ทำให้การดำเนินการต่างๆไม่มีประสิทธิภาพ อุตสาหกรรมเพลงก็เช่นกัน ฉะนั้นการเข้ามาของเทคโนโลยีและธรรมถิบาลจะทำให้อุตสาหกรรมนี้เปลี่ยนแปลงเช่นกัน
แหล่งที่มา
https://www.techinasia.com/talk/blockchain-technology-bring-musical-revolution