#DAAT2023 คาดเม็ดเงินโฆษณาดิจิทัล โตทะลุ 2.8 หมื่นล้าน เติบโตเพิ่มขึ้น 13% จับตาเทรนด์ LIVE, Affiliated Marketing มาแรง

  • 1
  •  
  •  
  •  
  •  

อีกปีที่บรรจบครบมาอีกรับกับงานสำคัญของคนวงการโฆษณา #DAATDay2023 ซึ่งนอกจากจะมีการอัปเดทเทรนด์ใหม่ๆ แล้วก็ยัง มีการเปิดเผยงบประมาณโฆษณาผ่านสื่อดิจิทัลเป็นประจำทุกปี

 

จากการจับมือของ สมาคมโฆษณาดิจิทัล (ประเทศไทย) หรือ The Digital Advertising Association of Thailand (DAAT) กับ คันทาร์ (ประเทศไทย) จำกัด ในการสำรวจ 59 ประเภทอุตสาหกรรม และ 17 ประเภทสื่อดิจิทัล เพื่อประเมินมูลค่างบโฆษณาผ่านสื่อดิจิทัลของประเทศไทยประจำปี 2566 ที่ดูเหมือนว่าแม้ครึ่งปีแรกเศรษฐกิจไทยจะยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่แต่รวม ๆ แล้วคาดว่าเม็ดเงินจะเติบโตถึง 13% สูงกว่าที่เคยคาดไว้ช่วงต้นปีเกือบครึ่ง

 

แม้ว่าเศรษฐกิจของไทยครึ่งปีแรกจะยังเติบโตได้ไม่เต็ม เนื่องจากเป็นช่วง Post-Covid โดยในช่วงครึ่งปีแรกมีมูลค่าที่ 13,210 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม คาดว่าช่วงครึ่งปีหลังจะมีมูลค่ามากกว่าครึ่งปีแรกที่ 15,789 ล้านบาท เนื่องจากการเมืองที่มีเสถียรภาพมากขึ้น ส่งผลให้นักลงทุนมีความมั่นใจมากขึ้น ดังนั้น คาดว่าทั้งปีเม็ดเงินโฆษณาดิจิทัลจะอยู่ที่ 28,999 ล้านบาท เติบโต 13% ซึ่งมากกว่าที่คาดการณ์ไว้เมื่อต้นปีว่าจะเติบโตเพียง 7% เท่านั้น

 

เม็ดเงินโตกว่าที่คิด ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการท่องเที่ยวที่กลับมา เราเห็นจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 500% ในช่วงครึ่งปีแรก และในครึ่งปีหลังยังมีอีเวนต์ใหญ่ๆ อย่างพวกแคมเปญเลขคู่ต่างๆ ที่ใกล้จะถึงนี้ การเมืองที่นิ่ง ทำให้แบรนด์เข้ามาลงเงินกับดิจิทัลมากขึ้น

 

ครั้งแรก “รีเทลล์” ติด Top 5ธุรกิจเครื่องดื่ม Non-Alcohol ลงลด

สำหรับ 5 กลุ่มอุตสาหกรรมที่ใช้จ่ายเงินโฆษณาสูงสุดในปีนี้ ได้แก่

  1. ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพรรณหรือสกินแคร์ 3,268 ล้านบาท คิดเป็น 11% (ขึ้นจากอันดับ 2)
  2. อุตสาหกรรมยานยนต์ 2,520 ล้านบาท คิดเป็น 9% (ขึ้นจากอันดับ 3)
  3. เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ 2,228 ล้านบาท คิดเป็น 8% (ลดลงจากอันดับ 2)
  4. การสื่อสารและโทรคมนาคม 2,190 ล้านบาท คิดเป็น 8% (อันดับ 4 เท่าเดิม)
  5. ห้างสรรพสินค้า, ค้าปลีกต่าง ๆ 1,682 ล้านบาท คิดเป็น 6% (ขึ้นมาติด Top 5 ครั้งแรก)

กลุ่มสกินแคร์ ขึ้นมาเป็นอันดับ 1 สาเหตุที่การลงเม็ดเงินให้กับโฆษณาสูง เพราะการแข่งขันในช่วงหลังสูงมากทีเดียว ขณะเดียวกัน ความต้องการก็สูงขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคออกนอกบ้านและใช้ชีวิตเป็นปกติแล้ว นอกจากนี้ สกินแคร์ยังเป็นสินค้าที่ชาวต่างชาติมักซื้อ โดยมีมูลค่าการส่งออกถึง 18,000 ล้านบาท ทำให้ธุรกิจสกินแคร์เป็นกลุ่มที่ใช้เงินมากที่สุด

 

น่าสนใจกับ “กลุ่มรีเทลล์” ที่ก้าวขึ้นมาเป็นอันดับ 5 ครั้งแรก ที่พบว่ามีการใช้จ่ายก้าวขึ้นมาติดอันดับที่ 5 เลย ซึ่งสืบเนื่องการเปิดประเทศที่ทำให้นักท่องเที่ยวหลั่งไหลกันเข้ามามากขึ้น รวมถึงการที่คนไทยเริ่มกลับไปใช้ชีวิตนอกบ้านมากขึ้น ซึ่งทำให้กลุ่มธุรกิจรีเทลล์ลงเม็ดเงินไปกับงบฯโฆษณษเพิ่มขึ้นทั้งออฟไลน์และออนไลน์ ซึ่งก็คือ Omnichannel เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้านอกจากนี้ ยังนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้ เช่น AR,VR เพื่อทำให้เกิด Metaverse Shopping ซึ่งเป็นการแข่งกันในเรื่องการสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้ลูกค้า

 

ธุรกิจเครื่องดื่ม Non-Alcohol ถือเป็น ธุรกิจเดียวที่เม็ดเงินลดลงถึง -12% แต่ที่เม็ดเงินในดิจิทัลลดลงเป็นเพราะถูกโยกไปใช้กับ ออนกราวด์อีเวนต์ เพื่อเจาะ Gen Z อีกส่วนคือ ใช้เงินกับการใช้พรีเซ็นเตอร์เซเลบริตี้เบอร์ใหญ่จำนวนมาก รวทไปถึงใช้ อินฟลูอินเซอร์ โดยตรง ทำให้ไม่สามารถเก็บข้อมูลได้

Meta ยังครองแชมป์เม็ดเงินโฆษณาวิ่งเข้ามากที่สุด

ยังคงเป็นแชมป์หลายปีที่ยังไม่เปลี่ยนมือให้ใคร กับสื่อในเครือ Meta ซึ่งหมายถึง Facebook และ Instagram คิดเป็นสัดส่วนถึง 28% หรือประมาณ 8,183 ล้านบาท ตามด้วย YouTube (16%) คิดเป็นมูลค่า 4,751 ล้านบาท แต่ที่น่าจับตาคือ TikTok แม้มีสัดส่วนเพียง 7% ครองเม็ดเงิน 2,048 ล้านบาท แต่ขยับเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีสัดส่วนเพียง 4% เท่านั้น

 

“Meta แม้จะยังเป็นแชมป์แต่สัดส่วนก็ลดลงจาก 32% ส่วน YouTube และ TikTok เติบโตชัดเจน แส้งให้เห็นว่าเทรนด์ของวิดีโอยังคงมาแรง”

 

อย่างไรก็ตาม ปฏิเสธไม่ได้ถึงความร้อนแรงของคอนเทนต์ในรูปแบบ “วิดีโอ” ที่มาทั้งลองฟอร์ม ช็อตฟอร์ม แนวตั้งและแนวนอน ซึ่งผันแปรไปกับพฤติกรรมผู้บริโภค โดยปัจจุบันกลุ่มผู้ชมหลักไม่ใช่กลุ่มอายุ 18-24 ปี แต่เพิ่มเป็น 18-50 ปีขึ้นไป แสดงให้เห็นว่า ผู้สูงอายุดูวิดีโอมากขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะคอนเทนต์ที่มีความหลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะคอนเทนต์เกี่ยวกับความรู้ How To ต่าง ๆ ไม่ได้มีแค่คอนเทนต์บันเทิง ขณะที่คอนเทนต์ รีวิว ถือเป็นคอนเทนต์ที่กระตุ้นให้เกิด การซื้อ ได้มากขึ้นด้วย ซึ่งจากการเติบโตดังกล่าวทำให้แบรนด์ โยกเงินจากทีวีมาลงในแพลตฟอร์มวิดีโอแทน

 

 

และนอกจากนี้อีกหนึ่งความน่าสนใจ และควรจับตา คือการกลับมาของ Affiliate Marketing ซึ่งกำลังเติบโตอย่างมากในแพลตฟอร์ม จากที่แบรนด์จ่ายค่าโฆษณาให้ Influencers ทำคอนเทนต์ แต่ตอนนี้เปลี่ยนเป็น ส่วนแบ่งยอดขาย โดยข้อดีคือ แทร็กได้ว่า Influencers ที่ใช้สามารถทำยอดขายได้เท่าไหร่ แบรนด์เองก็จะสามารถเลือกใช้งาน Influencers ได้ตรงจุดมากขึ้น

 

รวมไปถึง การ LIVE  กลายเป็นส่วนหนึ่งของผู้บริโภคไปแล้ว เพราะสามารถใช้ฟรี ทำให้การขายของเยอะขึ้น แพลตฟอร์มก็สนับสนุนการ LIVE เพราะอยากจะเพิ่มทราฟฟิกผู้ใช้ในแพลตฟอร์มมากขึ้น ส่งผลให้ทุกแพลตฟอร์มสามารถไลฟ์ขายของได้หมด อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันการไลฟ์ขายของของไทยยังอยู่กลาง ๆ ยังไม่แอดวานซ์เท่าจีน ที่ใช้ AI ขายของ 24 ชั่วโมง ดังนั้น เทรนด์นี้ยังเติบโตได้อีก

 

นักการตลาดต้องเป็นมนุษย์มัลติฟังก์ชั่นมากขึ้น เพราะคนใช้งานแพลตฟอร์มหลากหลายมากขึ้น ใช้ดีไวซ์มากขึ้น ทำให้การใช้สื่อมีความแฟลกเมนต์มากขึ้น การหา ROI ทำได้ยากขึ้น การเรียนรู้ก็ยากขึ้น ดังนั้น นักการตลาดในปัจจุบันนอกจากขายของเป็น เรียนรู้เรื่องการตลาด แต่ตอนนี้ต้องทำไลฟ์เป็น ต้องหาช่องทางใหม่ ๆ เพื่อเข้าถึงผู้บริโภค และ ต้องสื่อสารแบบพอดี เพราะคนสมัยนี้มีอคติกับโฆษณา

 

5 Trends Technology ที่น่าจับตา

  1. AI (Artificial Intelligence) ที่มาแรงอย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งมาช่วยประหยัดงบฯและประหยัดเวลาในการทำงาน
  2. LIVE นอกจากจะมาช่วยขับเคลื่อน Ecommerce แล้ว ดังนั้นทำให้พบว่าทุกแพล็ตฟอร์มก็ผลักดันให้ตัวเองมี LIVE แต่สิ่งที่น่าสนใจคือเมื่อความนิยม LIVE เพิ่มขึ้นทำให้เกิดการสร้างงานของคนทำไลฟ์ด้วย เป็นอีกหนึ่งสายอาชีพที่ถูกรีเควสเพิ่มมากขึ้น
  3. Chat bot เป็นผลมาจาก Social Commerce เติบโต
  4. AR / Metaverse อาจจะหย่อนบ้างในปีนี้
  5. Geo location targeting มาแรงจากการผลักดันในการสร้างธุรกิจออนไลน์

 

ทั้งนี้ สมาคมโฆษณาดิจิทัล ได้คาดการณ์ว่าภาพการใช้งบเพื่อการโฆษณาบนสื่อดิจิทัลของประเทศไทยสำหรับปี 2566 จะเพิ่มสูงขึ้นอีกที่ 7% คิดเป็นมูลค่า 27,481 ล้านบาท

 

ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อซื้อรายงานมูลค่างบโฆษณาผ่านสื่อดิจิทัลได้ที่ คันทาร์ (ประเทศไทย) ผ่านเว็บไซต์ https://kantarthailand.dpdcart.com/ ได้ตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน 2566 เป็นต้นไป


  • 1
  •  
  •  
  •  
  •  
Tukko Nathida
ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ MarketingOops.com กับความตั้งใจในการนำเสนอเนื้อหาที่ทันเหตุการณ์ และเกิดประโยชน์ ให้สามารถนำเนื้อหาความรู้ และ Insight ไปต่อยอดกับอนาคตของธุรกิจ และการทำงานที่เกี่ยวข้องกับ เทคโนโลยี ครีเอทีฟ การตลาด โฆษณา และสตาร์ทอัพ