เจาะลึก “ตลาดสินค้ามือสอง” มาแรงในยุควิกฤตสิ่งแวดล้อม-ค่าครองชีพสูง “Gen Y – Z” นักช้อปหลัก ตอบโจทย์ความคุ้มค่า-รักษ์โลก

  • 284
  •  
  •  
  •  
  •  

secondhand-market

ที่ผ่านมาบรรดาผู้ผลิต และแบรนด์ต่างๆ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมแฟชั่นที่เน้นผลิตแบบ Mass Production ใช้กลยุทธ์เร่งการผลิตสินค้าเร็ว จำนวนมาก ในราคาเข้าถึงง่าย เพื่อป้อนเข้าสู่ตลาด คว้ากลุ่มลูกค้าให้ได้มากที่สุด และเน้นการใช้งานสั้น ทำให้เกิดการสร้างพฤติกรรมการซื้อที่เปลี่ยนเร็ว ซื้อบ่อย

ผลที่ตามมาคือ ปริมาณขยะพุ่งสูงขึ้น อย่างในอุตสาหกรรมแฟชั่น ทั้งแบรนด์ Fast Fashion รวมถึงแบรนด์ดังต่างๆ อีกมากมาย สร้างผลกระทบทั้งการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ใช้ทรัพยากรพลังงานสูง ไปจนถึงก่อขยะสิ่งทอ หรือ ขยะแฟชั่น

แม้ปัจจุบันอุตสาหกรรมแฟชั่นเริ่มมาในทิศทาง Sustainable Fashion ก็ตาม แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าขยะสิ่งทอยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

ปัจจุบันผู้บริโภคตระหนักถึงการใช้ชีวิตบนวิถีความยั่งยืน ประกอบกับภาวะค่าครองชีพสูงขึ้น ทำให้ผู้คนต่างมองหาสินค้าคุณภาพดี ในราคาเข้าถึงง่าย หรือย่อมเยาลง นี่จึงเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ “ตลาดมือสอง” ทั่วโลกเติบโต โดยเฉพาะ “ตลาดแฟชั่นมือสอง” หรือ Resale fashion มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องทุกปี

fashion

 

24% ของผู้บริโภคทั่วโลกใช้สินค้ามือสอง – Gen Y และ Gen Z นักช้อปกลุ่มหลัก

ในรายงาน Sustainability Survey 2023  จัดทำโดย Euromonitor International ระบุว่าจากสถานการณ์ค่าครองชีพสูงขึ้น และผู้บริโภคต้องการมีวิถีชีวิตแบบยั่งยืน ทำให้ผู้คนหันมาซื้อสินค้ามือสองมากขึ้น ขณะเดียวกันหากสิ่งที่เขาใช้ เกิดชำรุด พัง หรือเสียหาย ผู้บริโภคก็เลือกที่จะซ่อมแซม เพื่อยืดอายุการใช้งานสิ่งของนั้นๆ ให้นานขึ้น โดยผลวิจัยพบว่า

– 24% ของผู้บริโภคทั่วโลก เลือกซื้อสินค้ามือสอง เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยด้านสิ่งแวดล้อม และต้องการมี Sustainable Lifestyle

– 41% ของผู้บริโภค เลือกที่จะซ่อมแซมสิ่งของที่ชำรุด แทนการซื้อใหม่

“ค่าครองชีพสูงขึ้นผลักดันพฤติกรรมผู้บริโภคไปสู่การใช้ชีวิตบนแนวทางความยั่งยืนมากขึ้น ซึ่งเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ความคุ้มค่า เช่น การปิดเครื่องทำความร้อน, ลดขยะอาหาร, เลือกใช้รถยนต์ที่ช่วยประหยัดพลังงาน, ลดใช้เครื่องใช้ไฟฟ้า, ทำอาหารจากที่บ้านมารับประทานที่ทำงาน รวมทั้งเลือกซื้อสินค้ามือสอง ซึ่งการใช้ชีวิตด้วยแนวทางเหล่านี้ ไม่เพียงแต่ช่วยลดค่าครองชีพ และหลีกเลี่ยงการซื้อที่ไม่จำเป็นเท่านั้น แต่ยังช่วยสร้างพฤติกรรมที่ยั่งยืนให้ผู้บริโภค” Jorge Zuniga ที่ปรึกษาอาวุโสด้านความยั่งยืน, Euromonitor International กล่าวถึงปัจจัยผลักดันให้เกิด Sustainable Lifestyle

secondhand market

นอกจากนี้ ยังพบข้อมูลที่น่าสนใจว่า ฐานกลุ่มผู้บริโภคหลักของตลาดมือสองทั่วโลก คือ Gen Y และ Gen Z โดยพบว่า 40% ของผู้บริโภค Gen Y และ Gen Z จะซื้อสินค้ามือสองทุกๆ 2 – 3 เดือน

“คนรุ่นใหม่หันมาซ่อมแซมสิ่งของ และซื้อสินค้ามือสองมากขึ้น เนื่องจากปัจจัยด้านค่าครองชีพที่สูงขึ้น โดยเฉพาะ Gen Z เป็นกลุ่มที่ได้รับแรงกดดันทางการเงินมากที่สุด ดังนั้นสินค้ามือสองจึงเป็นตัวเลือกที่ดีในการช่วยให้ผู้บริโภคสามารถซื้อเสื้อผ้าแฟชั่นที่มีดีไซน์ มีสไตล์ ในราคาสมเหตุสมผล”

ขณะที่เมื่อเจาะลึก Demand การใช้จ่ายสินค้ามือสองทั่วโลกพบว่า แม้ตลาดสินค้ามือสองในยุโรป และอเมริกาเหนือจะพัฒนา และมีร้านค้าให้บริการมากมายอย่างแพร่หลาย แต่กลับพบว่าผู้บริโภคในเอเชียแปซิฟิค, ตะวันออกกลาง และแอฟริกา มีการช้อปสินค้ามือสองเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ โดยเฉพาะผู้บริโภคในประเทศอินเดีย (42%), จีน (34%) และซาอุดิอาระเบีย (30%) ตั้งใจจะเพิ่มการซื้อสินค้ามือสองเพิ่มขึ้นในอีก 12 เดือนข้างหน้า

โดยหนึ่งในตลาดสินค้ามือสองที่ได้รับความนิยมทั่วโลกคือ “สินค้าแฟชั่นมือสอง” เนื่องจากเป็นสิ่งที่อยู่ในชีวิตประจำวัน อีกทั้งยังตอบโจทย์ด้านความคุ้มค่า ลดขยะแฟชั่น และมีส่วนช่วยลดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม

secondhand market

จับตาตลาดแฟชั่นมือสองทั่วโลก ปี 2027 แตะ 3.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ไทยโตรับเทรนด์ตลาดโลก

SCB EIC เปิดรายงานแฟชั่นมือสอง…เชื่อมต่อระหว่างสไตล์กับความยั่งยืน ฉายภาพตลาดแฟชั่นมือสองทั่วโลก มีบทบทบาทมากขึ้นในวงการแฟชั่น แบรนด์แฟชั่นต่าง ๆ ให้ความสนใจและเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขายสินค้ามือสองในอุตสาหกรรมแฟชั่น

โดยคาดว่าในช่วงปี 2027 มูลค่าตลาดเสื้อผ้ามือสองของโลกจะเติบโตเร็วกว่าตลาดเสื้อผ้าทั่วไปถึง 3 เท่า ในยุคที่โลกกำลังเผชิญหน้ากับความท้าทาย ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม รวมไปถึงประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความตระหนักรู้ในการบริโภคที่ยั่งยืนกลายเป็นเรื่องที่ผู้บริโภคให้ความสนใจมากขึ้น

ภายใต้ความท้าทายเหล่านี้ ธุรกิจแฟชั่นมือสอง หรือ Resale fashion ได้เข้ามามีบทบาทที่น่าสนใจและได้รับการตอบรับอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่การซื้อขายเสื้อผ้ามือสองจะช่วยผู้บริโภคประหยัดค่าใช้จ่าย แต่ยังช่วยให้เกิดการลดการใช้ทรัพยากรและปริมาณขยะ

เว็บไซต์ Marketplace ของสินค้าแฟชั่นมือสองสัญชาติอเมริกันอย่าง ThredUp ได้ประมาณการเติบโตของมูลค่าตลาดแฟชั่นมือสองของโลกในปี 2024 – 2027 เติบโตเฉลี่ยปีละ 12% ส่งผลให้ในปี 2027 มูลค่าตลาดสินค้าแฟชั่นมือสอง จะมีมูลค่าราว 3.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีภูมิภาคเอเชียเป็นตลาดใหญ่สำหรับสินค้าแฟชั่นมือสอง ที่มีส่วนแบ่งการตลาดถึง 41%

fashion

นอกจากนี้ Boston Consulting Group (BCG) ชี้ว่าในปี 2022 ยอดขายของสินค้าแฟชั่นมือสองในโลกมีสัดส่วนราว 3-5% ของมูลค่าตลาดแฟชั่น และคาดว่าตลาดนี้มีศักยภาพเติบโตได้อีกมาก โดยคาดว่าจะมีสัดส่วนสูงถึง 40% ของมูลค่าตลาดแฟชั่นทั้งหมดในอนาคต

ขณะที่ตลาดแฟชั่นมืองสองในไทย มีแนวโน้มเติบโตดีต่อเนื่อง ซึ่งในปัจจุบันการซื้อสินค้าแฟชั่นมือสองอย่าง เสื้อผ้า เครื่องประดับ เป็นที่พูดถึงและนิยมมากขึ้นในไทย สะท้อนได้จากการวางจำหน่ายสินค้าแฟชั่นมือสองเพิ่มมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้

สาเหตุสำคัญอาจมาจากการที่ตลาดสินค้าแฟชั่นมือสองได้รับการยอมรับมากขึ้นจากผู้บริโภคไทย นอกจากนี้ ผู้บริโภคบางส่วนอาจมีความตื่นรู้ด้านสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยตระหนักถึงกระบวนการผลิตสินค้าแฟชั่นที่ใช้ทรัพยากรจำนวนมากและส่งผลกระทบโดยตรงกับสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะสินค้า Fast fashion ที่มีการปรับเปลี่ยนคอลเล็กชันอย่างรวดเร็ว เพื่อให้เข้ากับสมัยนิยม ส่งผลให้การผลิตสินค้าประเภทนี้เหมาะกับการใช้ในระยะสั้น ๆ และกลายเป็นขยะหลังจากการใช้เพียงไม่กี่ครั้ง สินค้าแฟชั่นมือสองจึงมีศักยภาพในการเติบโตมากขึ้นในประเทศไทย

SCB EIC คาดว่า ในปี 2023 มูลค่าตลาดแฟชั่นมือสองของไทยจะเติบโตราว 20% ที่มูลค่าประมาณ 1,800 ล้านบาท และคาดว่าจะมีอัตราเติบโตต่อเนื่องเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ราว 15% ในช่วงปี 2024-2027

secondhand-market

“คุ้มค่า เข้าถึงง่าย หลากหลาย ความยั่งยืน” 3 ปัจจัยหลักที่ดึงคนซื้อแฟชั่นมือสอง

ในรายงาน SCB EIC ได้ระบุถึงเหตุผลที่ผู้บริโภคซื้อสินค้าแฟชั่นสอง มีการตัดสินใจซื้อจากหลายปัจจัย คือ

– 50% ของผู้บริโภคมองว่าสินค้าแฟชั่นมือสอง ตอบโจทย์ด้านความคุ้มค่า และการเข้าถึงง่าย

– 40% บอกว่าความหลากหลาย และเอกลักษณ์ของสินค้า

– 40% บอกว่าสินค้าแฟชั่นมือสองตอบโจทย์ด้านความยั่งยืน

– 35% บอกว่าการช้อปแฟชั่นมือสอง ช่วยสร้างความตื่นเต้นในการค้นหา และการต่อรองราคา

นอกจากนี้ผลสำรวจจาก BCG เกี่ยวกับประเภทสินค้าแฟชั่นมือสอง พบว่าผู้บริโภคที่ซื้อสินค้ามือสองในจำนวนน้อยชิ้นต่อปีมักจะเลือกซื้อสินค้าในกลุ่มกระเป๋าและรองเท้าเป็นหลัก โดยคาดว่าสินค้าประเภทนี้ส่วนใหญ่น่าจะเป็นสินค้า Luxury ที่มีคุณภาพดีและมีราคาที่สูงกว่าสินค้าประเภทอื่น

ในทางกลับกัน กลุ่มผู้บริโภคที่ซื้อสินค้าแฟชั่นมือสองในจำนวนมากขึ้น มักจะมุ่งเน้นที่การซื้อเสื้อผ้าที่มีราคาที่ไม่สูงนัก ซึ่งทำให้ผู้บริโภคสามารถซื้อสินค้าประเภทนี้ได้บ่อยครั้งกว่า

secondhand market

 

ตลาดแฟชั่นมือสอง เปิดโอกาสให้ทั้งผู้ผลิต ผู้บริโภค และส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อม

SCB EIC ยังได้วิเคราะห์เพิ่มเติมว่าตลาดสินค้าแฟชั่น เป็นโอกาสสำคัญให้กับผู้ค้าปลีกในการเพิ่มรายได้และเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ได้ รวมทั้งโอกาสสำหรับแบรนด์สินค้าแฟชั่น ในขณะที่ผู้บริโภคก็สามารถเข้าถึงสินค้าได้มากขึ้นและตอบโจทย์การบริโภคอย่างยั่งยืน

โอกาสสำหรับผู้ค้าปลีก

การเพิ่มช่องทางในการสร้างรายได้: การเพิ่มตัวเลือกสินค้าแฟชั่นมือสองเข้าไปในช่องทางการขาย
ของร้านค้าปลีกจะช่วยเพิ่มความหลากหลายของสินค้า และเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้มากขึ้น

การสร้าง Brand loyalty และ Engagement: หากร้านขายสินค้าแฟชั่นมือหนึ่งมีการเพิ่มบริการเสริมให้ลูกค้าสามารถซื้อขายและแลกเปลี่ยนสินค้าแฟชั่นมือสองได้ จะเพิ่มความไว้วางใจต่อแบรนด์ และเพิ่มการกลับมาซื้อซ้ำของสินค้าแฟชั่นมือหนึ่ง

การเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่มากขึ้น: สินค้าแฟชั่นบางอย่างมีราคาที่ค่อนข้างสูง ทำให้ผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อจำกัดไม่สามารถเข้าถึงได้ หากร้านค้าเพิ่มสินค้ามือสองเป็นทางเลือกให้ลูกค้า ก็จะสามารถเข้าถึงลูกค้าที่มีกำลังซื้อจำกัดกลุ่มนี้ได้

เพิ่มข้อมูล Market insights: ร้านค้าที่นำเสนอขายสินค้าแฟชั่นมือสองมีโอกาสที่จะเก็บข้อมูลจากผู้บริโภคและสินค้า เกี่ยวกับอายุการใช้งานของสินค้า ความชอบและกระแสนิยมในกลุ่มผู้บริโภค ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการออกแบบและพัฒนาสินค้าให้ตอบโจทย์ลูกค้ามากขึ้นต่อไป

secondhand market

โอกาสสำหรับแบรนด์สินค้าแฟชั่น เข้ามาเป็นผู้เล่นในตลาดสินค้าแฟชั่นมือสองมากขึ้น

ตลาดสินค้าแฟชั่นมือสองมีศักยภาพที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้แบรนด์สินค้าแฟชั่นต่าง ๆ เริ่มเข้ามาเป็นผู้เล่นในตลาดสินค้าแฟชั่นมือสองมากขึ้น โดยทั่วไปสามารถพบการ Resale ของแบรนด์สินค้าอยู่ 2 รูปแบบที่เป็นที่นิยมคือ

1. แบรนด์หรือผู้ค้าปลีกเก็บรวบรวมสินค้าแฟชั่นมือสองของแบรนด์ตัวเองจากลูกค้าและเสนอตัวเลือกการขายสินค้ามือสองโดยตรงภายในร้านค้าหรือแพลตฟอร์มออนไลน์ของร้านค้า

2. แบรนด์หรือผู้ค้าปลีกร่วมมือกับแพลตฟอร์มออนไลน์ที่มีศักยภาพสูงเพื่อขายสินค้าแฟชั่นมือสองที่ได้รับการรับรองจากทางแบรนด์

โอกาสสำหรับผู้บริโภค 

ความคุ้มค่าที่เพิ่มขึ้น: สินค้าแฟชั่นมือสอง ทำให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงสินค้าแบรนด์ดังที่มีคุณภาพสูง
ในราคาที่ถูกกว่าและตอบโจทย์ในสถานการณ์กำลังซื้อที่ยังมีความเปราะบาง

การบริโภคที่ยั่งยืน: สินค้าแฟชั่นใช้ทรัพยากรในกระบวนการผลิตอย่างฟุ่มเฟือยและปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เข้าสู่ชั้นบรรยากาศจำนวนมาก การลดการซื้อสินค้าแฟชั่นใหม่ ๆ จะช่วยลดกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

สินค้าที่มีเอกลักษณ์: ตลาดสินค้าแฟชั่นมือสองเป็นแหล่งที่ผู้บริโภคสามารถค้นหาสินค้าที่มีเอกลักษณ์ และสินค้าที่หายาก เช่น สินค้าวินเทจ ซึ่งผู้บริโภคสามารถออกแบบแฟชั่นของตัวเองได้อย่างแตกต่าง

secondhand market

นอกจากนี้ สินค้าแฟชั่นมือสองยังเป็นหนึ่งในทางเลือกสำหรับกลุ่มผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมและลดการใช้ทรัพยากร

เนื่องจากอุตสาหกรรมสินค้าแฟชั่นเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่กำลังประสบปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างมาก ท่ามกลางกระแสที่ทั้งผู้บริโภค ภาคธุรกิจ และภาครัฐให้ความสนใจด้านความยั่งยืนมากขึ้น

Earth.org องค์กรที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน กล่าวว่า อุตสาหกรรมสินค้าแฟชั่นผลิตขยะสิ่งทอให้กับโลกมากถึง 92 ล้านตันต่อปี และมีโอกาสที่ขยะสิ่งทอจะเพิ่มขึ้นเป็น 134 ล้านตันภายในปี 2030 นอกจากนี้ ไม่เพียงแต่ปริมาณขยะที่เพิ่มมากขึ้น ขยะเหล่านี้ยังส่งผลให้เกิดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มขึ้น และหากอุตสาหกรรมสินค้าแฟชั่นยังไม่มีการปรับตัว จะเพิ่มขึ้นถึง 50% ภายในปี 2030

ดังนั้นการสนับสนุนการใช้เสื้อผ้าซ้ำ แฟชั่นมือสอง มีประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมหลายประการและเป็นวิธีช่วยสร้างพฤติกรรมที่ยั่งยืน

1. ลดขยะจากสิ่งทอ: การซื้อเสื้อผ้ามือสองช่วยลดปริมาณเสื้อผ้าที่จะกลายเป็นขยะฝังกลบ ทั้งนี้ผ้าหลายชนิดไม่สามารถย่อยสลายได้อย่างรวดเร็วและอาจปล่อยสารเคมีที่เป็นพิษสู่สิ่งแวดล้อม

2. ลดมลพิษที่ปนเปื้อนกับน้ำ: การผลิตเสื้อผ้าใหม่มักปล่อยสารเคมีที่เป็นพิษซึ่งปนเปื้อนไปกับน้ำเข้าสู่สิ่งแวดล้อม การใช้เสื้อผ้ามือสองช่วยลดการก่อมลพิษเพิ่มเติม

3. ประหยัดน้ำ: การผลิตเสื้อผ้าใหม่ โดยเฉพาะสินค้าที่ต้องใช้ผ้าฝ้ายผ้าฝ้าย ต้องการน้ำจำนวนมากในกระบวนการผลิต หากผู้บริโภคลดการซื้อเสื้อผ้าใหม่ 1 ตัว แล้วหันมาซื้อเสื้อผ้ามือสอง จะช่วยประหยัดทรัพยากรน้ำได้ราว 336 ลิตรต่อตัว

4. ลดมลพิษทางอากาศ: อุตสาหกรรมแฟชั่นมีส่วนทำให้เกิดมลพิษอากาศผ่านการผลิตและการกระจายสินค้า การไม่ซื้อเสื้อผ้าใหม่ช่วยลดความต้องการการผลิต ซึ่งจะช่วยลดมลพิษทางอากาศ หากผู้บริโภคลดการซื้อเสื้อผ้าใหม่ 1 ตัว และหันมาซื้อเสื้อผ้ามือสองแทนจะสามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ไปได้เกือบ 4 กิโลกรัมต่อตัว

5. ประหยัดพลังงาน: การช็อปปิ้งเสื้อผ้ามือสองช่วยลดต้นทุนพลังงานที่เกี่ยวข้องกับการผลิตเสื้อผ้าใหม่ ถ้าหากผู้บริโภคลดการซื้อเสื้อผ้าใหม่และหันมาซื้อเสื้อผ้ามือสอง จะสามารถช่วยประหยัดพลังงานไปได้ประมาณ 16 กิโลวัตต์ต่อตัว ซึ่งสามารถช่วยลดมลพิษและอนุรักษ์ทรัพยากรของโลกได้อย่างมาก

SCB EIC-resale fashion

แม้ตลาดสินค้ามือสองมีมายาวนานแล้ว แต่คาดว่าต่อไปจะเห็นความนิยมสินค้ามือสองเพิ่มอย่างต่อเนื่อง เพราะจากปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม ทั่วโลกหันมาให้ความสำคัญกับความยั่งยืนมากขึ้น ผนวกกับปัจจัยด้านเศรษฐกิจ ทำให้ทั้งฝั่งผู้ผลิต หรือเจ้าของแบรนด์ ผู้ประกอบการค้าปลีก และผู้บริโภคให้การตอบรับตลาดสินค้ามือสอง ดังเช่นที่ปรากฏชัดเจนในตลาดสินค้าแฟชั่นมือสอง ตอบโจทย์ทั้งความคุ้มค่า ความหลากหลายของสินค้า ขณะเดียวกันยังช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย


  • 284
  •  
  •  
  •  
  •  
WP
อยู่ในแวดวงนิตยสารธุรกิจการตลาดกว่าสิบปี สนุกและชอบติตตามเทรนด์ ไลฟ์สไตล์ใหม่ๆ และอยากเรียนรู้เพิ่มเติมในแพลตฟอร์มดิจิทัล มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์การตลาดและดิจิทัลร่วมกันนะคะ