เมื่อ ‘แพสชั่น’ กลายเป็น ‘อาชีพ’ และ ‘คอนเทนต์’ กลายเป็น ‘โอกาสทางธุรกิจ’ ในยุคที่เศรษฐกิจครีเอเตอร์ (Creator Economy) กำลังพุ่งทะยาน หนึ่งในตัวอย่างความสำเร็จที่จับต้องได้จาก “น้องเดียร์” ครีเอเตอร์สาวสวย สายไลฟ์สไตล์ จากช่อง Holidear เริ่มต้นจากแพสชั่นเล็กๆ
ในการเล่าเรื่องราวชีวิตประจำวัน แต่สามารถขยับสู่การเป็นนักเล่าเรื่องที่มีพลังทางธุรกิจ ด้วยยอดขายที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะเมื่อเข้าร่วมใน YouTube Shopping Program ที่ร่วมมือกับ Shopee อย่างชาญฉลาด
Marketing Oops! ขอพาคุณไปฟังมุมมองของคุณเดียร์แบบเจาะลึก ว่าเธอสร้างตัวตนให้โดดเด่นในโลกออนไลน์ได้อย่างไร บนความร่วมมือระหว่าง Shopee แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซเบอร์ 1 ที่ครองใจผู้ใช้งานชาวไทย และ YouTube Shopping Program สามารถขับเคลื่อนให้เป็นธุรกิจเติบโตได้อย่างไร และที่สำคัญ เธอทำอย่างไรให้ผู้ชม “เชื่อ” และ “ซื้อ” ไปพร้อมกัน — คำตอบทั้งหมดอยู่ในบทสัมภาษณ์พิเศษครั้งนี้
รู้จัก “เดียร์ – Holider”: แรงบันดาลใจและจุดเริ่มต้น
น้องเดียร์ เล่าถึงแรงบันดาลใจและจุดเริ่มต้นของการเปิดชาแนล “Holidear” คอนเทนต์แนวไลฟ์สไตล์ การช้อปปิ้ง และการใช้ชีวิตประจำวัน และมีเรื่องของการรีวิวสินค้าต่างๆ ที่ใช้จริงด้วย ไม่ว่าจะเป็น ของใช้ในบ้าน, เครื่องสำอาง, สกินแคร์, ผลิตภัณฑ์เสริมความงาม รวมถึงแฟชั่นไอเทมต่างๆ
จุดเริ่มต้นของการเปิดชาแนล เริ่มมาจากช่วงล็อกดาวน์ตอนโควิด ซึ่งตอนนั้นยังทำงานประจำอยู่ แต่รู้สึกว่าสายงานที่ทำมันไม่ค่อยตรงกับตัวเองเท่าไหร่ เพราะเป็นงานที่ค่อนข้างเนิร์ดมากเป็นแนวสายวิทยาศาสตร์ แต่ตัวเองเป็นคนที่ชอบพูดชอบคุย ชอบเล่าเรื่อง เลยตัดสินใจลองทำสิ่งใหม่ๆ ดูบ้าง เลยตัดสินใจเปิดชาแนลใน YouTube เพราะเป็นแพลตฟอร์มที่สามารถสร้างสรรค์ผลงานได้จากที่บ้าน โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางออกนอกสถานที่ ซึ่งก็เริ่มง่ายๆ จากการหยิบจับของที่ซื้อมาใช้เอง เพราะส่วนตัวก็เป็นคนชอบช้อปปิ้งอยู่แล้ว ก็เลยนำสิ่งเหล่านี้มารีวิวเป็นคลิป Unbox
ดังนั้น สไตล์ของตัวเองในการทำคอนเทนต์ ก็คือการบอกเล่าในลักษณะ “เพื่อนสู่เพื่อน” ที่เน้นความเข้าใจง่าย และรีวิวจากประสบการณ์การใช้งานจริง เพื่อให้ผู้ชมสามารถเข้าถึงและตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
ปัจจุบัน เปิดช่องมาได้ประมาณ 4 ปี และมีผู้ติดตามประมาณ 150,000 ราย “แม้จะไม่ได้เป็นจำนวนมากมายนักแต่ก็ภาคภูมิใจมากค่ะ”
การปรับตัวครั้งสำคัญ เพื่อทำงานตอบโจทย์ลูกค้า
แล้วอะไรคือจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้มองว่าการทำคอนเทนต์อาจจะเป็นโอกาสใหม่ในการหารายได้ น้องเดียร์ บอกว่า อันที่จริงไม่ได้ตั้งใจขนาดนั้น แค่เราอยากลองทำอะไรใหม่ๆ เท่านั้น ไม่ได้คาดหวังรายได้แม้แต่น้อย แต่พอทำไปได้แค่เดือนกว่า ๆ ก็เริ่มมีแบรนด์ติดต่อเข้ามา อยากให้เราช่วยรีวิวสินค้า ตอนนั้นเลยคิดว่า “นี่มันโอกาสนี่นา” ที่จะทำให้เรามีรายได้เพิ่มขึ้นจากตรงนี้ได้ เลยเริ่มรับงานจากแบรนด์ต่างๆ ซึ่งช่วงแรกรายได้ก็เข้ามาเรื่อยๆ ประมาณหลักพัน แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีมากเลย ก็ทำให้มีแรงมีกำลังใจทำต่อมาเรื่อยๆ
“แต่ก็ต้องบอกว่า จากคอนเทนต์ทำชิลล์ๆ มาทำคอนเทนต์ที่มีแบรนด์มีลูกค้ามาจ้าง ก็ปรับตัวเยอะพอสมควร เพราะก่อนที่จะมาเป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์แบบเต็มตัว เดียร์นี่คือทำงานประจำสายวิทย์มาเลย ทำงานอยู่ในห้องแล็บ เจอแต่เคมีอะไรแบบนี้เลยค่ะ (หัวเราะ) การเปลี่ยนสายมาทำคอนเทนต์มันเลยเป็นการปรับตัวครั้งใหญ่ แต่โชคดีที่นิสัยส่วนตัวเป็นคนชอบเล่าเรื่อง ชอบพูดคุยอยู่แล้ว เรื่องการสื่อสารเลยไม่ได้ยากมากสำหรับเราค่ะ”
แต่มากไปกว่านั้น สิ่งที่ต้องผลักดันตัวเองแบบก้าวกระโดดเลยก็คือ การใช้ เครื่องมือและการทำการตลาดต่างๆ ซึ่งทั้งหมดเรียนรู้จาก “ศูนย์” อย่างในช่วงแรกๆ ใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายทำและตัดต่อแบบง่ายๆ ไปก่อน แต่พอเริ่มมีแบรนด์เข้ามา รู้สึกว่าใช้โทรศัพท์อย่างเดียวคงไม่ไหวแล้ว ก็เลยลงทุนซื้อโน้ตบุ๊กมาลองตัดต่อผ่านคอมพิวเตอร์ หัดพัฒนาทักษะการพูดให้คล่องขึ้น และเริ่มจัดการเรื่องธุรกิจมากขึ้น เช่น การทำใบเสนอราคา การดู Data หลังบ้าน ค่อยๆ ปรับตัวเรียนรู้ไปเรื่อยๆ เลย
เทคนิคการป้ายยา: รู้เทรนด์ ใช้จริง
แล้วแต่ละไอเดียในการทำคอนเทนต์มาจากไหน น้องเดียร์ เล่าว่า สารตั้งต้นหลัก ๆ ของแต่ละคอนเทนต์จะมาจากความชอบส่วนตัวของตัวเอง ถ้าชอบไอเทมไหนเป็นพิเศษก็จะหยิบมารีวิวทันที แต่เราก็มีการศึกษาเทรนด์นิดหน่อยด้วย อย่างส่วนตัวค่อนข้างเชี่ยวชาญการหาของใน Shopee ก็จะเข้าไปดูเลยว่าสินค้าที่เราอยากได้ เช่น สกินแคร์สำหรับผิวแห้ง ตัวไหนที่เป็นสินค้ายอดฮิต มีรีวิวดี ยอดสั่งซื้อเยอะๆ เราก็จะลองซื้อมาใช้ พอใช้แล้วดีจริงๆ ก็จะเอามาบอกต่อให้กับทุกคน
ส่วนเสน่ห์ลับที่ทำให้คนติดตามและถูกเราป้ายยาได้ง่าย น้องเดียร์ มองว่ามันคือการเล่าเรื่องที่จริงใจและเข้าใจง่าย ที่สำคัญไอเทมต่างๆ เราเลือกจากสิ่งที่เราใช้เองได้
“แต่จริง ๆ เดียร์ไม่กล้าคิดว่ามันเป็น “เสน่ห์” นะคะ! แต่คิดว่าที่คนเข้ามาติดตามเยอะน่าจะเป็นเพราะ ‘ความจริงใจ’ โดยส่วนใหญ่แล้วสินค้าที่รีวิว จะเป็นของที่ใช้แล้วชอบเองจริงๆ ถ้าสินค้าไหนไม่เคยใช้ ก็จะลองใช้เองก่อนเลย ลองทุกอย่างให้รู้จักสินค้านั้นดีก่อน แล้วพอเรารู้จักสินค้าดีแล้ว มันก็จะสามารถถ่ายทอดออกมาได้แบบธรรมชาติมากขึ้น”
และอีกสิ่งที่คิดว่าคนน่าจะชอบและติดตามเรา ก็เพราะเป็นคนพูดในสิ่งที่เข้าใจง่าย และเล่าจากความรู้สึกของเรา ทำให้คนส่วนใหญ่ที่ฟังรู้สึกว่า ‘เข้าถึงได้ง่าย’ หรือ ‘อยากลองซื้อตามบ้าง’ รวมไปถึงส่วนใหญ่เป็นของที่ราคาจับต้องได้ อยู่ในเรตราคาที่ไม่ได้เกินกำลัง ทำให้เขาดูแล้วก็อยากที่จะซื้อตาม หรือซื้อตามได้ไม่ยากด้วย
“ถ้าเดียร์ไม่รู้จักสินค้าหรือไม่เข้าใจจริงๆ ก็จะพูดไม่ออกเลยค่ะ ดังนั้น ก่อนจะรีวิวอะไร เดียร์ต้องรู้จักสินค้าของลูกค้าให้ดีก่อน พอถ่ายทอดออกมาจากความรู้สึกจริงๆ คนดูก็น่าจะสัมผัสได้ถึงความจริงใจของเรา เขาเลยถูกเราป้ายยา น่าจะแบบนี้ค่ะ”
เสน่ห์ลับและทริคการป้ายยาสุดปังฉบับ Holidear
อีกสิ่งที่ น้องเดียร์ เรียนรู้จากการรีวิวได้ว่า ไม่ควรทำคือการรีวิวแบบที่เรียกว่า “ฮาร์ดคอร์” หรือเน้นการขายมากเกินไปมักไม่ดึงดูดความสนใจ แต่ถ้าหากเป็นการรีวิวที่มาจาก การใช้งานจริง ของเธอเอง จะได้รับความสนใจมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด
นอกจากนี้ อีกหนึ่งเทคนิคที่ น้องเดียร์เน้นย้ำว่าเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการกระตุ้นให้ผู้ชมกดคลิกลิงก์หรือตัดสินใจซื้อตาม คือ ‘การใส่ภาพประกอบ’ โดยเธออธิบายว่า
เราจะไม่นั่งรีวิวสินค้าเฉย ๆ เพราะรู้สึกว่าการเห็นหน้าเธอเพียงอย่างเดียวอาจไม่ดึงดูดให้คนดูได้ตลอดเวลา ดังนั้น เธอจึงอาศัยการใส่ภาพประกอบเข้าไปด้วย เพื่อช่วยให้ผู้ชมตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ยกตัวอย่างเช่น หากรีวิวผลิตภัณฑ์สกินแคร์ก็จะใส่ภาพเปรียบเทียบ “ก่อนและหลัง” (before & after) ให้เห็นชัดเจน ซึ่งเมื่อผู้ชมเห็นภาพเหล่านี้ก็จะเกิดความรู้สึกว่า “น่าใช้ตามจังเลย” และนั่นจะกระตุ้นให้พวกเขาตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น
กระแสฮือฮาของ Youtube Shopping จนต้องลองใช้บ้าง
ล่าสุด กับกระแสฮือฮาของ ฟีเจอร์ Youtube Shopping ซึ่งเกิดจากการผนึกกำลังกับ Shopee ซึ่งหลายคนมองว่าจะเป็นโอกาสสำคัญในยุคทองของ เศรษฐกิจครีเอเตอร์ (Creator Economy) เช่นเดียวกับครีเอเตรอ์รุ่นใหม่ทุกคน น้องเดียร์เองก็ว้าวกับสิ่งนี้มาก
“ก่อนหน้านี้มีคนถามเดียร์เยอะมาก ๆ เรียกว่าถามทุกวันเลยก็ว่าได้ ว่าถ้าอยากซื้อสินค้าที่เดียร์รีวิวแล้วจะหาซื้อได้จากที่ไหน จะซื้อตามได้จากช่องทางไหนบ้าง พอมี YouTube Shopping เข้ามาปุ๊บ มันเลยทำให้ผู้ชมเข้าถึงสินค้าที่อยากซื้อตามได้ง่ายขึ้นเยอะเลย และนี่แหละค่ะคือโอกาสดี ๆ ที่จะช่วย สร้างรายได้เพิ่มเติม ให้กับช่องของเดียร์ได้”
YouTube Shopping ตัวเร่งใหม่ สร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดด
และหลังจากการใช้งาน YouTube Shopping น้องเดียร์ ยอมรับเลยว่า สร้างการเปลี่ยนแปลงของรายได้หลังจากที่เริ่มใช้ เป็นการเติบโตที่ก้าวกระโดดอย่างชัดเจน
ก่อนหน้าที่จะมี YouTube Shopping เคยทำ Shopee Affiliate ในรูปแบบของการแปะลิงก์อยู่แล้ว ซึ่งในช่วงโควิด-19 นั้นสร้างรายได้ให้พอสมควร โดยรายได้ต่อเดือนจะขึ้นอยู่กับความขยันในการปล่อยคลิป ซึ่งตอนนั้นเฉลี่ยแล้วในช่วงที่ทำ Shopee Affiliate Link รายได้ก็ถือว่าค่อนข้างโอเค แต่พอมาลองใช้งาน YouTube Shopping ที่ร่วมกับ Shopee รายได้ก็พุ่งสูงขึ้นอย่างน่าตกใจ ตั้งแต่เดือนแรกที่เริ่มใช้ ก็ได้ยอดขายรวมต่อเดือนสูงถึง หลัก ล้านบาท และได้รับค่าคอมมิชชันกลับมาที่ หลักแสนบาท ซึ่งถือเป็นการเติบโตแบบก้าวกระโดดอย่างมาก เมื่อเทียบกับรายได้ในวิธีการรูปแบบเดิม
“เคยได้รายได้สูงสุดที่เคยได้รับเป็นค่าคอมมิชชันส่วนตัวอยู่ที่ประมาณ 150,000 บาท ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงเดือนมกราคม”
มากไปกว่านั้น น้องเดียร์ยังบอกว่า ยิ่งถ้าช่วงที่มีแคมเปญดีๆ หรือช่วงที่มีการจัดคูปองส่วนลด อย่างล่าสุดโค้ดส่วนลดจากความร่วมมือระหว่าง Shopee และ Youtube ที่ผ่านมา ช่วยเพิ่มยอดขายได้อย่างเหลือเชื่อเลย ยอดพุ่งสูงขึ้นถึงประมาณ 3 ล้านบาท ถึงขนาดที่ว่ามีฟีดแบ็กจากผู้ติดตามที่เคยซื้อสินค้าในช่วงแคมเปญเข้ามาสอบถามว่า “เมื่อไหร่จะมีโค้ดส่วนลดมาอีก” ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคให้ความสนใจและมองว่าโค้ดส่วนลดส่วนลดเหล่านี้คุ้มค่าและรอคอยให้มีอีก ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่ได้ประโยชน์สำหรับครีเอเตอร์และผู้ซื้อด้วย
3 ประโยชน์สำคัญของความร่วมมือระหว่าง Shopee และ YouTube Shopping
น้องเดียร์ มองความร่วมมือระหว่างแพลตฟอร์ม Shopee และ YouTube Shopping ว่า มันคือการผสานรวมจุดแข็งของทั้งสองแพลตฟอร์มเข้าด้วยกันได้อย่างลงตัว โดยปกติแล้ว หากเราต้องการชมคลิปวิดีโอหรือดูรีวิว เราจะนึกถึง YouTube เป็นอันดับแรก อีกทางหนึ่ง หากต้องการซื้อสินค้าหรือช้อปปิ้ง เราก็จะเข้าแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซเบอร์1 อย่าง Shopee ดังนั้น การที่ 2 แพลตฟอร์มนี้มารวมกัน จึงก่อให้เกิดประโยชน์ในหลายมิติ ได้แก่
- ประโยชน์สำหรับ Content Creator – ความร่วมมือนี้เป็นผลดีต่อผู้สร้างคอนเทนต์อย่างมาก เพราะช่วยให้พวกเขาสามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้นได้
- ประโยชน์สำหรับผู้ชม – ผู้ชมสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ที่สนใจได้ง่ายขึ้นมาก เพราะสามารถดูรีวิวและกดสั่งซื้อได้ทันทีภายในแพลตฟอร์มเดียว ไม่ต้องสลับแอปพลิเคชันไปมา
- เพิ่มความน่าเชื่อถือและความปลอดภัย – เพราะสินค้าที่ถูกแท็กในคลิปวิดีโอบน YouTube จะเชื่อมโยงโดยตรงกับร้านค้าบน Shopee สิ่งนี้เป็นการสร้างความมั่นใจและความปลอดภัยให้กับผู้ซื้อว่าสินค้าที่พวกเขากำลังดูรีวิวอยู่นั้นมาจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ
ดังนั้น การผนึกกำลังกันระหว่าง Shopee และ YouTubeเป็นการยกระดับประสบการณ์ทั้งสำหรับผู้สร้างคอนเทนต์และผู้บริโภค ทำให้กระบวนการซื้อขายง่ายขึ้น สะดวกขึ้น และน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น
มองบทบาทในอนาคตของ Content Creator
น้องเดียร์ยังได้แบ่งปันมุมมองส่วนตัวเกี่ยวกับอนาคตของวงการคอนเทนต์ครีเอเตอร์ รวมถึงคำแนะนำสำหรับผู้ที่ต้องการก้าวเข้ามาในสายงานนี้ โดยเธอเชื่อว่า ในอนาคตสายงานคอนเทนต์ครีเอเตอร์จะมีอิทธิพลสูงมากต่อการตัดสินใจของผู้คนเพิ่มมากขึ้น เพราะในปัจจุบันเราปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ไม่ว่าจะเป็นการเดินทาง การซื้อของ หรือการเลือกทานอาหาร ผู้คนมักจะค้นหาข้อมูลและดูรีวิวก่อนตัดสินใจเสมอทำให้มองว่าคอนเทนต์ครีเอเตอร์จะไม่ใช่แค่ผู้ที่สร้างหรือเผยแพร่สื่อเท่านั้น แต่จะเป็นผู้ที่มีอิทธิผลต่อการตัดสินใจของผู้คน ในหลากหลายมิติในชีวิตประจำวัน ดังนั้น การทำงานการผลิตคอนเทนต์ต่างๆ ของครีเอเตอร์จึงต้องให้ความสำคัญ และใส่ใจเป็นพิเศษ เพราะมีผลต่อผู้บริโภคเป็นจำนวนมาก
ในขณะเดียวกัน เรื่องของเทคโนโลยีก็เข้ามามีบทบาทสำคัญต่อการทำงานของครีเอเตอร์อย่างมากด้วย โดยเฉพาะ AI ครีเอเตอร์ก็ต้องปรับตัวโอบรับเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน เช่น คิดไอเดียไม่ออก ก็ลอง ใช้ ChatGPT ค้นหาไอเดีย หรือใช้ AI ช่วยด้านภาพ ในฐานะคอนเทนต์ครีเอเตอร์ เราไม่ควรปฏิเสธ แต่ควรที่จะปรับตัวเข้าหา AI อยู่ตลอดเวลา เพื่อใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีนี้ในการสร้างสรรค์ผลงาน
หัวใจสำคัญของการ Content Creator ให้อยู่ในใจผู้คนอย่างยั่งยืน
น้องเดียร์ ให้คำแนะนำสำหรับผู้ที่เริ่มต้นเป็น Content Creator ซึ่งจะประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน ว่า นอกเหนือจากการปรับตัวให้ทันกับโลกและเทคโนโลยีแล้ว อีกสิ่งที่ถือว่าเป็นหัวใจสำคัญสำหรับการเป็น Content Creator อย่างยั่งยืนคือ การที่เราต้อง สร้างตัวตนของเราบนสื่อออนไลน์ให้คนจดจำได้และเชื่อถือได้ เมื่อผู้คนจดจำเราได้ พวกเขาก็จะนึกถึงเราเมื่อต้องการข้อมูลในเรื่องนั้น ๆ เช่น หากต้องการดูคลิปรีวิวอาจนึกถึงช่อง “Holidear” ที่ YouTube หากต้องการช้อปปิ้งก็จะเข้า Shopee หรือหากต้องการอ่านสื่อเกี่ยวกับการตลาดก็จะนึกถึง Marketing Oops!
“หากคุณอยากเป็น Content Creator สิ่งแรกที่ควรทำคือการสร้างเอกลักษณ์และความน่าเชื่อถือ เพื่อให้ผู้ชมจดจำคุณได้ในสิ่งที่เชี่ยวชาญ และกลับมาหาคุณเมื่อต้องการข้อมูลในเรื่องนั้น ๆ”
ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่า ความร่วมมือระหว่าง Shopee และ YouTube Shopping ได้สร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในวงการ Creator Economy ผ่านคำยืนยันที่ชัดเจนมากจาก ‘น้องเดียร์ Holidear’ เป็นการช่วยยกระดับทั้ง ecosystem ของวงการอีคอมเมิร์ซ ควบคู่ไปกับการเติบโตของ Creator Economy ในบ้านเราให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
การผสานรวมกันของสองแพลตฟอร์มนี้ตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ที่มักดูรีวิวก่อนตัดสินใจซื้อ ทำให้กระบวนการ “ดู-ตัดสินใจ-ซื้อ” เป็นไปอย่างราบรื่นและสะดวกสบาย ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงสินค้าและกดสั่งซื้อได้ทันทีภายในแพลตฟอร์มเดียว อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มความน่าเชื่อถือและความมั่นใจในการซื้อ เนื่องจากสินค้าที่ถูกแท็กในคลิปจะเชื่อมโยงโดยตรงกับ Shopee ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่น่าเชื่อถือ ความร่วมมือนี้จึงไม่เพียงแต่เปิดโอกาสใหม่ๆ ให้กับ Content Creator เท่านั้น แต่ยังช่วยยกระดับประสบการณ์การช้อปปิ้งออนไลน์ให้ดียิ่งขึ้นไปอีกขั้นในภาพรวมของ Creator Economy อีกด้วยเช่นกัน