ภาพนิ้วโป้งเปื้อนหมึกดำหลังออกมาจากโรงรับจำนำน แล้วต้องหลบๆ ซ่อนๆ กลัวคนเห็น ภาพแบบนั้นกำลังจะหายไป เพราะโลกของการเงินในปัจจุบันที่มีการใช้เทคโนดลยีเข้ามาเกี่ยวช้องอย่าง FinTech กำลังพลิกโฉม “โรงรับจำนำ” ให้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะเมื่อผู้เล่นรายใหญ่อย่าง “Easy Money” ย้ำภาพลักษณ์ธุรกิจโรงรับจำนำว่าว่าเป็น “Asset Back Financing” หรือสถาบันสินเชื่อที่มีทรัพย์สินค้ำประกัน

เปลี่ยน Pain Point ให้กลายเป็นโอกาส

ถ้าภาพลักษณ์เดิมของลูกค้าโรงรับจำนำคือคนที่ไม่มีเงิน นั่นกำลังเป็นเรื่องที่เข้าใจผิด เพราะในปัจจุบันลูกค้าที่ใช้บริการของ Easy Money กำลังให้บริการลูกค้ากลุ่มใหม่ที่มี Financial Literacy สูงมาก ซึ่งคนกลุ่มนี้ไม่ได้เดินเข้ามาเพราะไม่มีเงิน แต่เลือกใช้บริการเพราะต้องการ “ความเร็ว” (Speed) และสภาพคล่อง

ในอดีตการจะเพิ่มสภาพคล่องมักจะตรงไปที่ธนาคารเพื่อขอเปิดสินเชื่อ แต่ด้วยปัญหาหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้น ทำให้มีข้อจำกัดในการปล่อยสินเชื่อสูงและการอนุมัติก็ไม่สามารถทำได้ง่ายๆ แม้จะมีเทคโนโลยีเข้ามาช่วยก็ตาม ยิ่งถ้าต้องเปลี่ยนสินทรัพย์ให้เป็นทุนผ่านโรงรับจำนำ ยิ่งแล้วเข้าไปใหญ่เพราะด้วยบรรยากาศร้านที่ดูเก่าและน่ากลัว แถมด้วยบริการที่อาจเรียกว่า “กดลูกค้า”

ทำให้ไม่มีใครกล้าเข้าโรงรับจำนำ ยิ่งเมื่อภาพลักษณ์ของโรงรับจำนำคือผู้ใช้บริการไม่มีเงิน ทำให้ลืมไปได้เลยเรื่องการใช้บริการโรงรับจำนำ รวมไปถึงการบริหารจัดการสินทรัพย์ที่ในอดีตจะวางรวมๆ กัน จนบางครั้งทำให้ทรัพย์สินเสียหายเป็นรอยจากการเสียดสีกัน ทำให้ไม่ค่อยมีคนกล้าจำนำเครื่องเพชรเพราะกลัวเสียหาย และมาตรฐานในกระประเมินทรัพย์สินที่อาจไม่ตรงใจผู้ใช้บริการ

เมื่อ Easy Money เห็น Pain Point เหล่านี้ จึงได้ปรับแก้ทีละจุดเริ่มจากการปรับภาพลักษณ์ให้ Easy Money เป็นพื้นที่โปร่งใสมองทะลุผ่านกระจกได้ ไม่ดูลึกลับน่ากลัว พร้อมด้วยการออกแบบเคาน์เตอร์ที่ให้บริการคล้ายกับธนาคาร ทำให้ผู้ที่เข้ามาใช้บริการไม่ดูเป็นคนไม่มีเงิน นอกจากนี้ยังมีผู้เชี่ยวชาญด้านการตรวจสินค้าเพื่อดูว่าเป็นของแท้หรือของเทียม พร้อมทั้งราคากลางที่จถูกนำมาใช้ประเมินมูลค่าทรัพย์สินนั้นๆ

พร้อมด้วยบริการจากทีมงานได้รับการอบรมมาเพื่อสร้างความพึงพอใจกับผู้มาใช้บริการ และการบริหารจัดการทรัพย์สินที่มีการแยกประเภททรัพย์สินเป้นสัดเป็นส่วนไม่ปะปน พร้อมด้วยรหัสติดตามที่ช่วยให้ทราบว่าสินค้าอยู่ที่ไหน

กรณีศึกษากลุ่มผู้ใช้บริการ

โดย คุณสิทธิวิชญ์ ตั้งธนาเกียรติ ประธานกรรมการบริหาร Easy Money Group ได้เล่ากรณีศึกษาลูกค้าที่มาใช้บริการว่า ผู้ใช้บริการส่วนใหญ่ไม่ใช่คนไม่มีเงิน แต่เป็นคนที่มีเงินในระดับหนึ่งถึงมีทรัพย์สินมาจำนำได้ แต่เพราะผู้ใช้บริการเหล่านั้นมีเรื่องด่วนที่ต้องรีบใช้เงิน หรือเพื่อนำไปต่อยอดไอเดียที่อาจจะขอกู้เงินแล้วแต่ยังไม่ผ่าน การจำนำทรัพย์สินจึงเป็นทางออกด้านการเงินทางหนึ่งที่เลือกใช้

อย่างกลุ่มช่างภาพ Freelance ที่อาจจะมีกล้อง Leica ราคาแพงหลายตัว ซึ่งอาจได้โปรเจกต์ใหญ่และต้องสำรองจ่ายค่าทีมงานก่อน แทนที่จะวิ่งหาเงินเพื่อมาหมุนก็เลือกนำกล้องที่ไม่ได้ใช้มาวางเพื่อแลกเงินสดไปหมุนเวียนเพียงไม่กี่วัน หรือกลุ่มนักลงทุนที่มีการนำทองหรือนาฬิกามาจำนำ เพื่อนำเงินสดไป “ช้อนซื้อหุ้น” หรือนำไปลงทุนใน Cryptocurrency และ Startups หรือกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าที่นำสร้อยคอทองคำมาเปลี่ยนเป็นเงินทุนเพื่อสต็อกสินค้า รองรับการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากโครงการ “คนละครึ่งพลัส”

พฤติกรรมส่วนใหญ่ของคนกลุ่มนี้มองว่า ดอกเบี้ยในอัตรา 1.25% ต่อเดือน คือ “ต้นทุนโอกาส” ที่คุ้มค่า หากสามารถนำเงินก้อนนั้นไปสร้างผลตอบแทนได้มากกว่า 1.25% ภายในระยะเวลาสั้นๆ ที่สำคัญหากใช้เงินคืนได้เร็วกว่ากำหนดอาจมีการคิดดอกเบี้ยในอัตราที่ลดลงอีกด้วย

เศรษฐกิจโต โรงรับจำนำยิ่งโตตาม

หนึ่งความคิดที่ผิดอีกอย่างของนักการตลาดที่มองว่า โรงรับจำนำจะมีรายได้เพิ่มขึ้นในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ เพราะคนต้องนำทรัพย์สินมาเปลี่ยนเป็นเงินเพื่อประทังชีวิต แต่จากข้อมูลเชิงลึกของ Easy Money กลับชี้ให้เห็นว่า ธุรกิจโรงรับจำนำจะสามารถสร้างกำไรได้อย่างมหาศาล ช่วงจังหวะที่เศรษฐกิจกำลังจะกลับมาดี

นั่นเพราะในช่วงที่เศรษฐกิจกำลังตกต่ำ ผู้คนจะเกิดความกลัวและจะพยายามลดภาระหนี้สินและจะคงค่าใช้จ่ายเท่าที่จำเป็น ขณะที่คนที่มีการจำนำทรัพย์สินอยู่จะรีบมาไถ่ถอนเพราะไม่อยากแบกรับภาระดอกเบี้ย แต่ในทางกลับกัน เมื่อสัญญาณเศรษฐกิจเริ่มกลับมาเป็นบวก เช่น ช่วงเปิดประเทศหลังโควิด-19 ยอดธุรกรรมของ Easy Money กลับดีดตัวสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ผู้คนเริ่มมองเห็น “โอกาส”

ผู้ประกอบการรายย่อย ร้านอาหาร โรงแรม หรือแม้แต่พ่อค้าแม่ค้า เมื่อเห็นโอกาสก็จะมีความต้องการเงินทุนหมุนเวียนเพื่อนำไปปรับปรุงและตกแต่งร้านค้าใหม่ ซื้อวัตถุดิบเข้ามาเตรียม หรือเตรียมสต็อกสินค้าเพิ่มขึ้น ถือเป็นจังหวะที่ทรัพย์สินต่างๆ ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นสินทรัพย์และเปลี่ยนเป็นเงิน เพื่อนำพาธุรกิจข้ามผ่านช่วงเวลาที่ต้องรีบคว้าโอกาส ก่อนที่รายได้จำนวนมากตามที่คาดการณ์จะไหลเข้ามา

ผสานการทำงาน “คน” และ “เทคโนโลยี”

ในโลกที่ AI เข้ามามีบทบาทอย่างมาก มาจนถึงขึ้นเข้ามาแทนที่คน จนทำให้เกิดแนวคิดการทำงานร่วมกันระหว่างคนกับ AI ซึ่งโลกการเงินกำลังสนุกกับการใช้ AI และ Algorithm ในการจัดการด้านการเงิน แต่ในฝั่งของ Easy Money กลับให้ความสำคัญทั้งคนและ AI ที่จะทำงานสอดรับประสานกัน จนทำให้ธุรกิจโรงรับจำนำเปลี่ยนสภาพไปเป็น “Asset Back Financing”

โดยที่ “คน” จะยังคงทำหน้าที่เป็นผู้ประเมินราคาทรัพย์สิน โดยฌแพาะการแยกแยะของแท้หรือของเทียมเลียนแบบมา โดยเฉพาะทรัพย์สินที่มีมูลค่าค่อนข้างสูงและมีความหลากหลายและซับซ้อน ตั้งแต่ทองคำ เพชร นาฬิกาหรู ไปจนถึงพระเครื่อง และสินค้าแบรนด์เนมต่างๆ รวมถึงการสร้างระบบ “โรงเรียนจำนำ” โดยมีผู้เชี่ยวชาญคอยอบรมสอนพนักงานให้มีมาตรฐานเดียวกัน

นอกจากนี้ยังมีการใช้เทคโนโลยีเข้ามาผสานการให้บริการ 4 ด้านหลัก ทั้งในด้าน

• เทคโนโลยีสำหรับลูกค้า (Customer-Facing Technology) ด้วยการพัฒนา Mobile Application เพื่ออำนวยความสะดวกและลดขั้นตอนการเดินทางมาที่สาขา ทั้งการส่งดอกเบี้ยออนไลน์, ปรับเพิ่มหรือลดเงินต้นผ่านแอปฯ, ประเมินราคาท รัพย์สินออนไลน์, ระบบแจ้งเตือนใกล้ครบสัญญา และ Shopping ทรัพย์สินหลุดจำนำผ่านแอปฯ
• เทคโนโลยีด้านข้อมูลและการตีราคา (Data-Driven Valuation) ผ่านการใช้ Big Data & Centralized Database ช่วยให้เกิดฐานข้อมูลราคากลางมาตรฐานราคาเดียวกัน, ระบบกวาดข้อมูลราคาตลาด (Market Price) จากแหล่งต่างๆ เพื่ออัปเดตราคาที่ผันผวนแบบ Real-time, ระบบที่ช่วยให้พนักงานสามารถส่งข้อมูลเพื่อขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญส่วนกลาง หากเจอทรัพย์สินที่ดูยากหรือไม่มั่นใจ
• เทคโนโลยีด้านความปลอดภัยและการยืนยันตัวตน (Security & KYC) เพื่อป้องกันการรับของโจรและการฟอกเงิน ด้วยระบบเชื่อมต่อกับฐานข้อมูลกรมการปกครองสามารถตรวจสอบประวัติอาชญากรรมและบุคคลเฝ้าระวังทันที, ระบบตรวจสอบ Serial Number ของทรัพย์สิน เพื่อตรวจสอบรายการแจ้งหายหรือของโจร, ระบบบันทึกรายละเอียดทรัพย์สิน เพื่อยืนยันความถูกต้อง
• เทคโนโลยีการจัดเก็บและบริหารทรัพย์สิน (Inventory & Logistics) ช่วยให้การดูแลทรัพย์สินสะดวกมากขึ้น ทั้ง Smart Warehouse System ระบบบริหารจัดการคลังสินค้าที่สามารถระบุตำแหน่งของทรัพย์สินได้, Asset Tracking ระบบติดตามทรัพย์สินว่าปัจจุบันอยู่ที่สาขาไหน, Packaging Tech ด้วยนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ เช่น ซองพลาสติกทนความร้อนป้องกันรอยขีดข่วน

ปลุก Hidden Asset ขุมทรัพย์แสนล้าน

สำหรับมุมมองของคุณสิทธิวิชญ์ ที่เชื่อว่าธุรกิจโรงรับจำนำยังสามารถเติบโตต่อไปได้ เป็นเพราะตัวเลขการนำเข้าทองคำของไทย หากดูสถิติย้อนหลัง 4-5 ปี ไทยนำเข้าทองคำสุทธิปีละเกือบ 100 ตัน คิดเป็นมูลค่าหลายแสนล้านบาท ยังไม่นับรวมนาฬิกาหรูที่คนไทยซื้อสะสมปีละเกือบหมื่นล้านบาท

ส่งผลให้ทรัพย์สินเหล่านี้คือ “Hidden Assets” ที่นอนนิ่งอยู่ในตู้เซฟที่บ้าน เป็นความมั่งคั่งที่ไม่มีการหมุนเวียนทำให้ไม่เกิดสภาพคล่อง ทำให้ Easy Money วางตัวแหน่งตัวเองเป็น “กุญแจ” ที่จะไขตู้เซฟเหล่านี้แล้วเปลี่ยนของสะสม (Hidden Assets) ให้เป็นเงินทุนหมุนเวียนโดยที่เจ้าของไม่ต้อง “ขายขาด” เป็นการบุกตลาด Blue Ocean ที่สถาบันการเงินทั่วไปยังเข้าไม่ถึง เพราะธนาคารเน้นตรวจสอบข้อมูลเครดิตบูโรและ Statement เป็นหลัก แต่ Easy Money จะดูมูลค่าที่ตัว “ทรัพย์สิน”

และเพื่อให้ทรัพย์สินเหล่านั้นกลายเป็นสินทรัพย์ Easy Money จึงเพื่อความยืดหยุ่นในการให้บริการ ทั้งการยืดหยุ่นด้านวงเงินที่ให้ผู้ใช้บริการสามารถบริหารจัดการเงินต้นได้อย่างอิสระ สามารถทยอยจ่ายลดต้นเพื่อให้ดอกเบี้ยลดลง หรือสามารถขอเพิ่มวงเงินจากทรัพย์สินชิ้นเดิมได้หากวงเงินยังเหลือ แถมยังสามารถ​เลือกวงเงินเองได้ไม่จำเป็นต้องรับเงินเต็มมูลค่าประเมินช่วยประหยัดดอกเบี้ยลงได้

นอกจากนี้ตามกฎหมายระยะเวลาไถ่ถอนคือ 5 เดือน แต่สามารถ​ไถ่ถอนก่อนกำหนดได้สามารถเลือกจำนำเพียงแค่ 1 วัน หรือ 1 สัปดาห์ได้ รวมถึงไม่มีค่าธรรมเนียมการปิดยอด และสามารถขยายระยะเวลาหากไม่สะดวกมาไถ่ถอนในวันที่ครบกำหนด ที่สำคัญดอกเบี้ยยังคิดตามจำนวนเงินต้นที่เบิกและคิดตามระยะเวลาที่ใช้งานจริง ด้วย​อัตราดอกเบี้ยคงที่ 1.25% ต่อเดือนช่วยให้สามารถคำนวณต้นทุนชัดเจน

ผู้ใช้บริการยังสามารถทำธุรกรรมได้ทั้งที่สาขาและผ่านแอปพลิเคชัน โดยเฉพาะฟีเจอร์ “ส่งดอกเบี้ย” หรือ “เพิ่ม-ลดเงินต้น” สามารถดำเนินการผ่านแอปฯ ได้ โดยที่ Easy Money สามารถรับจำนำทรัพย์สินหลากหลายประเภท ตั้งแต่ทองคำ เพชร นาฬิกา ไปจนถึงสินค้าไอที แบรนด์เนม หรือแม้แต่พระเครื่อง ช่วยให้สามารถเปลี่ยนสินทรัพย์ที่มีอยู่รอบตัวให้เปลี่ยนเป็นสภาพคล่องได้ง่าย

ธุรกิจ Easy Money ในวันนี้จึงไม่ใช่สถานที่แลกเงิน แต่ปรับสภาพตัวเองสู่ผู้สนับสนุนที่ช่วยปลดล็อกศักยภาพของคนตัวเล็กๆ และธุรกิจ SME ให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้โดยไม่ต้องรอการอนุมัติหรือต้องลุ้นว่าธนาคารจะอนุมัติสินเชื่อหรือไม่ การมี “สินทรัพย์” เพื่อใช้เป็นหลักประกัน อาจเป็นทางรอดที่สำคัญที่สุดของคนทำธุรกิจในยุคนี้