ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจยุคปัจจุบันที่มีเทคโนโลยีและหลายปัจจัยเข้ามาเป็นตัวแปรสำคัญ เชื่อว่า โจทย์หินที่หลายองค์กรต้องเผชิญหนีไม่พ้นเรื่องการพาองค์กรฝ่ากระแสดิจิทัล ดิสรัปชั่น และจะพลิกฟื้นหรือเดินหน้าธุรกิจต่อ เมื่อ ‘ฟ้าเปิด’ หลังโควิด-19 คลี่คลายได้อย่างไร
จึงเป็นที่มาของโครงการ ‘Mission X’ The Boot Camp of Advanced Corporate Transformation ซึ่งเกิดจากความร่วมมือกันระหว่าง ‘ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด(มหาชน)’ (SCB) และ ‘สถาบันวิทยสิริเมธี’ (VISTEC) ในการจัดหลักสูตรด้าน Digital transformation เพื่อสนับสนุนให้องค์กรชั้นนำของไทยสามารถปลดล็อคตัวเองจากรูปแบบธุรกิจเดิม ๆ มาสู่ธุรกิจที่ใช้เทคโนโลยีมาขับเคลื่อนองค์กรให้แข็งแกร่งมีการเติบโตแบบยกกำลัง และเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันในเวทีระดับโลก
วาง 3 แกนหลักช่วยลูกค้าฝ่าวิกฤติ
แม้ตอนนี้ผู้ประกอบการต่างตื่นตัวและตระหนักถึงความสำคัญของดิจิทัลที่มีต่อธุรกิจ แต่ยังมีหลายรายที่ไม่เข้าใจและไม่รู้จะเริ่มต้นทรานฟอร์มตัวเองอย่างไรไม่ให้ตกเทรนด์ดังกล่าว ทำให้ SCB ในฐานะธนาคารชั้นนำที่ต้องการเติบโตเคียงข้างไปกับลูกค้าที่ได้ดำเนินการในเรื่อง Digital transformation มานาน บวกกับมีพาร์ทเนอร์ชั้นนำในด้านนี้หลายราย จึงอยากร่วมแบ่งปันและถ่ายทอดองค์ความรู้ในเรื่องเทคโนโลยีให้กับลูกค้าผ่านโครงการ Mission X ด้วยการเชิญลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่ของ SCB เพื่อเข้าร่วมหลักสูตรจากโครงการนี้ โดยวางเป้าหมายไว้ 3 แกนหลัก ได้แก่
แกนแรก Exponential Traits คือ การปรับ Mindset ของผู้บริหาร ให้สามารถมองธุรกิจของตนด้วยมุมมองใหม่ๆ เน้นการแสวงหา New Growth Area เพื่อต่อยอดความสำเร็จในภาวะที่โลกเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ ด้วยเนื้อหาเกี่ยวกับ Design Thinking , Data Analytics และ Mindset is Everything
แกนที่ 2 Exponential Tech เมื่อผู้นำองค์กรค้นพบแนวทางธุรกิจใหม่ที่มีศักยภาพแล้ว ก็จะได้ทำความรู้จักกับเทคโนโลยีขั้นสูงที่เหมาะสมกับแต่ละอุตสาหกรรม พร้อมทั้งแนวทางและความเป็นไปได้ในการนำมาปรับใช้ในธุรกิจ ด้วยเนื้อหา Digital transformation/Automation, Tech Benefits for Business และ 4 Key Technologies to Transformation ซึ่งมีด้วยกัน 4 ด้านได้แก่ ด้านการประหยัดพลังงาน ด้านการเพิ่มกำลังการผลิต ด้านคลังสินค้าและโลจิสติกส์ และด้านการบำรุงรักษา
แกนที่ 3 Exponential Blueprint คือ การจัดทำแผน Digital Transformation ให้เป็น Action Plan ที่สามารถนำออกไปใช้จริงกับแต่ละองค์กรได้ ซึ่งข้อนี้คือจุดเด่นที่แตกต่างจากคอร์สผู้บริหารอื่นๆ เนื่องจากระหว่างการพัฒนาแผนธุรกิจของผู้เข้าอบรมแต่ละบริษัทนั้น จะมีผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ ครอบคลุมทั้งเทคโนโลยี และธุรกิจ จะมาเป็นที่ปรึกษา (Mentor/Coach) ให้แบบตัวต่อตัว โดยสามารถทำการนัดประชุมส่วนตัวเพื่อเข้าปรึกษาอย่างเป็นทางการได้ จึงมั่นใจว่าแต่ละองค์กรจะสามารถดำเนินโครงการให้สำเร็จได้จริงอย่างเป็นรูปธรรม จนสามารถนำไปใช้เพื่อต่อยอดและพัฒนาธุรกิจให้เติบโตแบบก้าวกระโดดได้จริง
นำร่องที่ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ก่อนต่อยอดสู่ธุรกิจการก่อสร้าง และโรงแรม
นอกจากนี้ ด้วยเชื่อว่า ในแต่ละอุตสาหกรรม และแต่ละองค์กรย่อมมีปัญหาแตกต่างกัน นอกจากมี Private Consultation การให้คำปรึกษาแบบตัวต่อตัวแล้ว โครงการ Mission X จะโฟกัสการจัดหลักสูตรเจาะเป็นรายอุตสาหกรรม
เริ่มต้นนำร่องรุ่นที่ 1 กับผู้ประกอบการธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม อุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มฟื้นตัวได้เร็ว เพราะได้รับผลกระทบโควิด-19 น้อย ดังนั้นเมื่อได้องค์ความรู้และติดอาวุธในเรื่องเทคโนโลยีนำไปใช้พัฒนาและสร้างรายได้ให้ธุรกิจของตัวเอง จึงน่าจะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเร่งสปีดให้เศรษฐกิจไทยกลับมาฟื้นตัวได้เร็วยิ่งขึ้น ซึ่งรุ่นแรกของหลักสูตร มีผู้เข้าร่วมอบรมจำนวน 50 คนจาก 26 บริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม เช่น อำพลฟู้ดส์, คาราบาวแดง, ไทยยูเนี่ยนฟู้ดส์, เทพพดุงพรมะพร้าว และผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่ล้วนเป็นเจ้าของหรือทายาทธุรกิจ ไปจนถึงผู้บริหารระดับสูง
โดยตลอดระยะเวลา 8 สัปดาห์ของหลักสูตร จะอัดแน่นไปด้วยองค์ความรู้ระดับ Top Technology ที่เหมาะกับยุคสมัยและมีความเข้มข้นจากทีมกูรูด้าน Digital transformation และผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม
ไม่ว่าจะเป็น ‘ดร. ไพรินทร์ ชูโชติถาวร’ นายกสภาสถาบันวิทยสิริเมธี มาร่วมกล่าวเปิดหลักสูตร, ‘จรีพร จารุกรสกุล’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ในฐานะประธานหลักสูตร Mission X มาให้ความรู้และคำปรึกษาในเรื่องของ warehouse, ‘รศ.ดร.นันทวัน เทอดไทย’ หัวหน้าภาควิชาพัฒนาผลิตภัณฑ์ คณะอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มาให้ความรู้ในเรื่อง เทคโนโลยีด้านอุตสาหกรรมอาหาร Process Technology Design and Optimization ฯลฯ
นอกจากนี้ยังมี CEO Talk ที่ซีอีโอจากองค์กรชั้นนำจะมาร่วมแชร์มุมมอง ประสบการณ์ พร้อมให้คำแนะนำและเผยเทคนิคในการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ เช่น ‘ธีรพงศ์ จันศิริ’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด(มหาชน), ‘วรรณิภา ภักดีบุตร’ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โอสถสภา จำกัด(มหาชน) เป็นต้น
และอย่างที่บอกไว้อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม เป็นเพียงการเริ่มต้นของโครงการ Mission X เนื่องจาก SCB ไม่เพียงต้องการให้โครงการนี้เป็นการเตรียมความพร้อมและพัฒนาธุรกิจของไทยให้แข็งแกร่งสามารถเติบโตได้แบบก้าวกระโดดในยุค Digital transformation แล้ว ยังเป็นอีกแนวทางในการช่วยเหลือลูกค้าในช่วงโควิด-19 จึงมีแผนจะจัดหลักสูตรต่อไปในอีกหลายอุตสาหกรรม ซึ่งหนึ่งในนั้น ได้แก่อุตสาหกรรมการก่อสร้าง โดยคอร์สใหม่จะเริ่มในช่วงเดือนพฤษภาคม 2564
เพราะนอกเหนือจากมาตราการช่วยเหลือทางการเงินที่ได้ออกมาแล้วก่อนหน้านี้ ทาง SCB มองว่า เรื่ององค์ความรู้มีความสำคัญที่สามารถช่วยให้ธุรกิจฝ่าวิกฤติต่าง ๆ ได้ โดยเฉพาะในสถานการณ์ปัจจุบันที่ต้องยอมรับว่า เป็นยุคยากลำบากและสุดท้าทายของการทำธุรกิจเลยก็ว่าได้