“แอมเวย์” กับการยกระดับธุรกิจขายตรง สู่ Next Generation of E-Commerce พร้อมบุกเปิดตลาดใหม่ Health and Wellness มูลค่า 70,000 ล้าน

  • 379
  •  
  •  
  •  
  •  

ในวันที่โลกธุรกิจไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ดิจิทัลกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผู้คน ส่งผลให้ทุกธุรกิจต้องปรับทัพขนานใหญ่​ “แอมเวย์” (Amway) ธุรกิจกับประเทศไทยมานานกว่า 35 ปี เพื่อให้มั่นใจว่าจะสามารถครองใจผู้บริโภคในทุกยุคสมัย พร้อมเท่าทันเทคโนโลยี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เพื่อให้สามารถยืนได้บนการแข่งขันในตลาด E-Commerce ที่รุนแรง แอมเวย์จึงก้าวไปสู่การทรานส์ฟอร์เมชั่นใหม่ที่เรียกว่า Next Generation of E-Commerce ซึ่งมีรูปแบบของการดำเนินธุรกิจที่ปรับตัวในหลายมิติ พร้อมกับกับลงทุนสูงถึง 1,000 ล้านบาท “แอมเวย์” ทำอะไรบ้าง ที่ทำให้ยังครองความเป็นผู้นำตลาดขายตรงอันดับ 1 ในไทย ชวนมาฟังกลยุทธ์ต่างๆ จากซีอีโอคนล่าสุด “คุณทศพร นิษฐานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด”

 

ทุ่มงบฯ 1,000 ล้านบาท เพื่อก้าวสู่มิติใหม่ของ E-Commerce

คุณทศพร เริ่มต้นเล่าว่า ในช่วงโควิดที่ผ่านมาแม้จะมีหลายธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ แต่ปรากฏว่า แอมเวย์ไม่ได้รับผลกระทบเลย และยังลุยลงทุนอย่างต่อเนื่องอีกด้วย โดยยอดขายในปี 2022 เรามีการเติบโตเพิ่มขึ้น 20% โดยในปีนี้ (2023) เดือนกรกฎาคม มียอดขายออนไลน์ ในส่วนการขายตรงซื้อบนแพล็ตฟรอ์มอยู่ที่ 53% ซึ่งเป็นผลมาจากความทุ่มเท ในการที่เราดำเนินการ Transformation ในมิติต่างๆ

ที่สำคัญยัง ทุ่มงบประมาณสูงถึง 1,000 ล้านบาท เพื่อก้าวไปสู่สิ่งที่เราเรียกว่า Next Generation of E-Commerce ตั้งแต่การลงทุนเรื่องพัฒนาแพล็ตฟอร์มออนไลน์ในทุกช่องทาง การพัฒนาปรับปรุงแวร์เฮาส์ รวมไปถึงการยกระดับนักธุรกิจให้ก้าวไปมากกว่าการขายตรงอย่างที่เราเคยรู้จัก

 

ยกระดับพัฒนาแพล็ตฟอร์มออนไลน์

ในด้านการลงทุนเพื่อพัฒนาแพล็ตฟอร์มออนไลน์ เนื่องจากปัจจุบันผู้คนเริ่มคุ้นชินกับการทำธุรกิจบนช่องทางนี้เพิ่มมากขึ้น ดังนั้น การพัฒนาให้แพล็ตฟอร์มนี้เกิดความเสถียรและใช้งานง่ายจึงเป็นเรื่องสำคัญของธุรกิจ คุณทศพร ระบุว่า เราได้ดำเนินการการแตกการโฮสต์บนคราวด์ ไปในหลายๆ จุด เพราะเมื่อเวลาที่เว็บมีปัญหา จะสร้างแรงกระจายทราฟฟิกออกไป เป็นเทคโนโลยีขั้นแอดวานซ์ ที่จีนทำสำเร็จแล้วและทำให้เว็บของเขาเร็วขึ้น 9 เท่า ทราฟฟิกรับได้เพิ่มขึ้น 9 เท่า ดังนั้น รูปแบบนี้จะเกิดที่ไทยเช่นกัน พร้อมกับการตั้งเป้าหมายให้เพิ่มเป็น 10 เท่าด้วย

ทั้งนี้ ช่องทางออนไลน์ที่แอมเวย์ใช้เป็นช่องทางหลักปัจจุบัน ได้แก่ เว็บไซต์ แอปพลิเคชั่น และ LINE โดยปัจจุบัน มียอดการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์เพิ่มขึ้นจาก 25% เป็น 50% ภายใน 3 ปี และมีทุกกลุ่มอายุตั้งแต่วัยรุ่นจนถึงผู้สูงวัย ก็สามารถใช้งานบนแพล็ตฟอร์มออนไลน์ได้หทดแล้ว ดังนั้น หนึ่งในงบฯ ที่ทุ่มเทไปมาก ก็คืองบฯ การจัดอบรมการอัปสกิลการใช้งานแพล็ตฟอร์มออนไลน์ให้กับนักธุรกิจเพื่อพัฒนาขีดความสามารถให้ทันกับโลกในปัจจุบัน

นอกจากนี้ ในแง่ของการสมัครสมาชิกหรือสมัครเป็นนักธุรกิจ เราก็มีการปรับรูปแบบใหม่ สามารถสมัครกันผ่านทางมือถือได้เลยรวดเร็วและสะดวกสบายมากขึ้น ดังนั้นตอนนี้ นอกจากยอดขายเพิ่มแล้ว ยอดการสมัครสมาชิกก็เพิ่มขึ้นด้วย

 

40 ล้านบาท ปรับปรุงแวร์เฮาส์ใหม่ ลีดนำด้วยเทคโนโลยี

นอกเหนือจากการลงทุนบนแพล็ตฟอร์มออนไลน์แล้ว ในส่วนของแวร์เฮาส์ก็เป็นอีกสิ่งที่แอมเวย์ให้ความสำคัญและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

คุณทศพร ระบุว่าในงบฯ 1,000 ล้านบาท เราได้ ลงทุนในส่วนการปรับปรุงแวร์เฮาส์ประมาณ 40 ล้านบาท โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยีเพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การเช็คสต๊อก ติดต่อซัพพลายเชน การจัดส่ง ฯลฯ อย่างห้องทำความเย็น ของเราเป็นระบบ Hybrid Chiller ที่รักษาสิ่งแวดล้อม และ Sustainability ด้วย เฉพาะตรงนี้คือการลงทุนครึ่งหนึ่งของแวร์เฮาส์ (20 ล้านบาท) ทำให้สินค้านิวทริไลท์ (Nutrilite) จัดเก็บในอุณหภูมิที่พิเศษที่ถูกต้อง ก่อนจัดส่งไปที่บ้านหรือที่ช้อป

“วันนี้ยอดขายผลิตภัณฑ์ Nutrilite และผลิตภัณฑ์สุขภาพ ของ Amway ขึ้นมาเป็น 70% ของพอร์ตฟอลิโอ”

 

เหตุผลสำคัญที่แอมเวย์ให้ความสำคัญในเรื่องแวร์เฮาส์ เนื่องจากว่า ยอดขายผลิตภัณฑ์ประเภทสุขภาพของแบรนด์เติบโตที่สุด ดังนี้

  • 70% คือยอดขายผลิตภัณฑ์ “นิวทริไลท์” และผลิตภัณฑ์สุขภาพอื่นๆ
  • 15% เป็นสินค้าบิวตี้ Artistry (อาร์ทิสทรี)
  • 10% เป็นสินค้าประเภท Durable products (สินค้าคงทน) กรองน้ำ กรองอากาศ
  • 5% เป็นสินค้าอื่นๆ เช่น Personal care หรือพวกสินค้าเกษตร ฯลฯ

 

นอกเหนือจากการทรานส์ฟอร์มตัวเองแล้ว กลยุทธ์สำคัญที่ทำให้แอมเวย์ครองตำแหน่งผู้นำตลาด ก็คือ “สุขภาพนำธุรกิจ” คุณทศพร อธิบายว่า ย้อนกลับไปเมื่อ 9 ปีที่แล้ว ที่ได้เปิดตัว บอดี้คีย์ (Body Key) ครั้งแรก ก็ประสบความสำเร็จมากๆ เลยตอนนั้นยอดขายเป็นอันดับ 5 ของโลก ปัจจุบันขึ้นอันดับ 1 ของโลกแล้ว

สาเหตุเพราะเราไม่ได้ทำการขายตัว “บอดี้คีย์” ตัวเดียวแต่นักธุรกิจของเรานำเอามารวมเป็นสินค้าเซ็ตลดน้ำหนัก ทั้งโปรตีน, น้ำมันปลา ซึ่งทั้งหมดคืออันดับหนึ่ง แล้วก็นำทั้งสามตัวมาขายเป็นเซ็ตลดน้ำหนัก ทำให้ยอดขาย “นิวทริไลท์” เติบโตมากเลย และเราจะไม่หยุดแต่เพียงแค่นี้เราจะนำกลยุทธ์ “สุขภาพนำธุรกิจ” มาต่อยอดใช้กับเซ็ตอื่นๆ ต่อไป

“ดังนั้น วันนี้เราจะบอกว่า แอมเวย์ ไม่ได้ขายสินค้าเป็นตัวๆ เรามี 250 รายการก็จริง แต่เราจะขายเป็นโซลูชั่น”

 

สร้างคอมมูนิตี้ในกลุ่มนักธุรกิจ พร้อมอัปสกิลด้านคอนเทนต์

อีกสิ่งที่สำคัญที่สุด ที่แอมเวย์ลงทุนหนักมากก็คือ People การสร้างเสริมศักยภาพให้นักธุรกิจ ผ่านการสร้างคอมมูนิตนี้ที่เข้มแข็งให้เกิดขึ้น โดยมีทั้งการกิจกรรมเวิร์คช้อป กิจกรรมชาเลนจ์ การนัดพบปะสังสรรค์ร่วมกัน ฯลฯ โดยเรามีการปรับปรุงช้อปที่มีอยู่ 82 สาขา ทยอยปรับให้มีพื้นที่ของการเป็น Center of Community ด้วย คือเดิมเป็นช่องทางในการกระจายสินค้าอย่างเดียว แต่ปัจจุบันเราปรับรูปแบบให้เป็นคาเฟ่ด้วย มีเครื่องดื่มมีอาหารว่างจำหน่าย เพื่อให้กลุ่มนักธุรกิจได้มาพบปะสังสรรค์ทำกิจกรรมร่วมกัน ตรงตามเป้าหมายหลักที่เราวางไว้ ซึ่งปัจจุบันมีรูปแบบนี้มากกว่า 10 แห่งแล้ว

คุณทศพร เล่าว่า ส่วนตัวเซอร์ไพรส์กับโมเดลธุรกิจขายตรงของแอมเวย์มาก เดิมเราคุ้นเคยกับธุรกิจแอมเวย์ในแบบบปากต่อปาก (words of mouth) คือเราเจอเพื่อน เราเจอคนในครอบครัว คนที่ดูแลสุขภาพ เราก็บอกต่อๆ กัน นี่คือโลกแบบออฟไลน์ แต่วันนี้เมื่อโลกเป็นออนไลน์มากขึ้น การทำธุรกิจที่จะมายิงแอดฯ สู้กัน หรือซื้อสื่อโฆษณา จ้างดาราพรีเซ็นเตอร์ ทำไม่ค่อยได้ผลแล้ว เพราะผู้บริโภคไม่ค่อยเชื่อในตัวแบรนด์ แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อเป็นโลกของอินเตอร์เน็ต การนำรูปแบบ words of mouth มาใช้ในช่องทางออนไลน์ก็จะเพิ่มศักยภาพให้มากขึ้น หรือพูดง่ายๆ ว่า มันคือรูปแบบการรีวิวสินค้านั่นเอง

สิ่งที่แอมเวย์ทำก็คือ ใช้วิธีการปากต่อปากโดยที่นักธุรกิจเป็นคนเจเนอเรตคอนเทนต์ขึ้นเอง แต่การจะทำให้คอนเทนต์ได้รับความสนใจและน่าดึงดูด ก็จะจำเป็นต้องมีสกิลในส่วนนี้เช่นกัน นั่นจึงเป็นที่มาของโครงการที่ชื่อว่า “Amway Creator คือการฝึกบทบาทนักธุรกิจเป็น Content Creator โดยการฝึกให้ทำคอนเทนต์บนออนไลน์ สอนเขาว่า โพสต์แบบไหนแล้วเกิดอิมแพค โพสต์แบบไหนแล้วเกิดไลค์หรือเกิดการอินบอกซ์ สร้างครีเอทิวิตี้ สอนการถ่ายภาพหรือทำคลิปโปรดักส์ต่างๆ จากผู้เชี่ยวชาญโดยตรง จะมีการเชิญสปีกเกอร์ที่คอนเทนต์ครีเอเตอร์ในโลกออนไลน์มาให้คำแนะนำ แต่ต้องระมัดระวังหลีกเลี่ยงการกระทำผิดกฎหมาย โดยเฉพาะกฎหมายโฆษณาหรือ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เป็นต้น ซึ่งดำเนินการมาได้ 3 ปีแล้ว ถึงวันนี้ก็มีนักธุรกิจเข้าร่วมโครงการไป 5 หมื่นกว่าคน

 

เป้าหมายก้าวไปสู่ยอดขาย 30,000 ล้าน  

แต่ความสำเร็จเดิมๆ ของการเป็นเบอร์ 1 ตลาดอาหารเสริมยังไม่พอสำหรับแอมเวย์ ดังนั้น ก้าวต่อไปคือการลงไปยังน่านน้ำตลาด Health and wellness ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่โตมากที่สุด

คุณทศพร กล่าวว่า สำหรับตลาด Health and wellness โลกใหญ่โตมหาศาลมาก มีมูลค่าสูงถึง 1.2 Trillian US Dollar โดยที่ Amway Global แคปเจอร์แค่ 2% เท่านั้นเอง สำหรับประเทศไทย ตลาดอาหารเสริมไทยอยู่ที่ 70,000 ล้านบาท และคาดการณ์ว่าในอีก 5 ปีข้างหน้าจะโตขึ้นอีก 7% ดังนั้น ซึ่งถือว่าเป็นเซ็กเมนต์ที่มีการเติบโตในอัตราที่ดีมาก และเรายังเป็นผู้เล่นที่เป็นเบอร์ 1 อยู่ ดังนั้นถ้าถามว่าจะให้เราอยู่ในตลาดนี้ต่อไปได้ไหม คำตอบก็คือได้เราไปต่อได้แน่นอน แต่เราจะไม่หยุดอยู่แค่นี้ แอมเวอร์เราพร้อมที่จะลุยไปยังมหาศาลแห่งใหม่อีก

ก้าวต่อไปของแอมเวย์ที่จะขอปักธงต่อไปก็คือ  ตลาด Health and wellness อย่างที่กล่าวไป ซึ่งมีมูลค่าตลาดนี้ สำหรับประเทศไทยอยู่ที่ 300,000 กว่าล้านบาท ซึ่งใหญ่กว่า 70,000 (ตลาดอาหารเสริม) ถึง 5 เท่า ดังนั้น การวางเป้าหมายที่จะไปแตะที่ตัวเลข 30,000 ล้านบาทของแอมเวย์ เราว่าเราทำได้

“เราไมได้คุยกันแต่พัฒนานิวทริไลท์ แต่เรายังคุยกันถึงเรื่องของสุขภาพและการสร้างความเป็นอยู่ที่ดีซึ่งเรามีผลิตภัณฑ์ในมืออยู่แล้วตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า ไม่ว่าจะเป็นเครื่องกรองน้ำ กรองอากาศ ฯลฯ นอกจากนี้ยังรวมไปถึงพวกสมาร์ทดีไวซ์ในการดูแลสุขภาพต่างๆ อีกด้วย ดังนั้นตลาดมันใหญ่กว่าเดิมมาก และเรามั่นใจว่าเราไปได้อย่างแน่นอน”


  • 379
  •  
  •  
  •  
  •  
pigabyte
การเรียนรู้ไม่มีวันจบสิ้น มาเรียนรู้และสนุกไปกับบทความ จาก MarketingOops! กันนะคะ แล้วเราจะได้ค้นพบว่าโลกของ Marketing นั้น So Sexy and Cool!