Case Study: เรียนรู้วิธีจาก ‘WOODY SHOW’ ใช้ประโยชน์จาก Top Fans(Facebook) เปลี่ยนคนดูจาก Online สู่ ‘On-Air’ อย่างไร?

  • 511
  •  
  •  
  •  
  •  

 

ใครๆ คงรู้จักเจ้าพ่อตัวท็อปรายการทอล์กโชว์ในไทยอย่าง ‘วู้ดดี้’ (วุฒิธร มิลินทจินดา) หลังจากที่หายหน้าไปจากวงการโทรทัศน์อยู่พักใหญ่ จนตัดสินใจหวนคืนจออีกครั้ง พร้อมรายการใหม่ที่ทุ่มทุนซื้อลิขสิทธิ์มาจากอเมริกา อย่าง ‘The Ellen Show’ และได้ฉายบนจอโทรทัศน์เป็นครั้งแรกทางช่อง 7 ตั้งแต่ปลายปี 2020 ชื่อรายการว่า ‘WOODY SHOW’

แต่ความน่าสนใจไม่ได้มีแค่วู้ดดี้คัมแบ็ค! แต่ขั้นตอนหลายๆ อย่างกว่าที่จะมาเป็น WOODY SHOW ได้อย่างทุกวันนี้ มีดีเทลที่น่าสนใจกว่า และอยากมาเล่าให้ฟังเป็น case study สำหรับคนอื่นให้ได้เห็นว่า มุมมองความคิดของวู้ดดี้มันเจ๋งยังไง

ด้วยความที่ วู้ดดี้ ขึ้นชื่อว่าเป็น ครีเอเตอร์คนไทยคนหนึ่งที่มีความคิดโดดเด่นและน่าสนใจ มีความครีเอทเรื่องคอนเทนต์หลายๆ อย่าง ดังนั้น การกลับมาของวู้ดดี้มันต้องไม่ธรรมดา! เพราะเขาตั้งใจใช้โซเชียลมีเดียอย่าง Facebook เพื่อทำความเข้าใจคนดูจริงๆ และใช้เป็นเครื่องมือในการกระตุ้นผู้ชม On-Air ให้มีส่วนร่วมในรายการใหม่นี้ จนทำให้เรตติ้งรายการดีตั้งแต่ที่เปิดตัวแรกๆ

 

ใช้กลุ่ม ‘Top Fans’ ใน Facebook ให้เป็นประโยชน์

จากความสำเร็จทั้งหมดที่ผ่านมาของวู้ดดี้ รวมถึงยังเป็นนักพูดที่สร้างแรงบันดาลใจที่ดีซึ่งเป็นอีกหนึ่งพาร์ทของวู้ดดี้ ทำให้ยอดผู้ติดตามใน Facebook Page มีมากกว่า 7.8 ล้านคน

ขณะที่เป้าหมายเริ่มต้นของวู้ดดี้ก่อนเปิดตัวรายการ ก็คือ เปลี่ยนผู้ชมในรายการให้มีส่วนร่วมมากที่สุด ไม่ใช่แค่มาเพื่อเป็น observers เท่านั้น! เพราะถ้าเราเคยติดตามรายการ The Ellen Show เราจะเห็นเลยว่าผู้ชมในรายการค่อนข้างคึกคัก และแอคทีฟมาก ดังนั้น สิ่งที่วู้ดดี้ทำก็คือ คัดเลือกผู้ชมในรายการจากฟีเจอร์ ‘Top Fans’ ในเพจ Facebook เปลี่ยนให้ผู้ชมในโลกออนไลน์เข้ามาสู่ชีวิตจริง กลายมาเป็นแฟนรายการที่ On-Air อยู่จริงๆ

 

โดยกลยุทธ์นี้แบ่งเป็น 3 ขั้นตอน มีอะไรบ้าง
ขั้นตอนที่ 1: สร้างกลุ่ม Facebook เฉพาะ Top Fans

เริ่มจากคัดคนที่ได้สัญลักษณ์ Top Fan จาก Woody’s Page ประมาณ 5,000 คน แล้วเชิญให้เข้าร่วมกลุ่ม private สำหรับคนที่เป็น Top Fans เฉพาะ V.I.P เท่านั้น เพื่อร่วมกิจกรรมหลายๆ อย่างด้วยกันซึ่งจะเกิดขึ้นในกลุ่มนี้ เช่น LIVE พูดคุยกับวู้ดดี้โดยตรง, มีการประกาศแจ้งให้ทราบก่อนล่วงหน้าว่า วู้ดดี้กำลังจะมีรายการใหม่ หรือมีผลงานอะไรบ้างโดยตรง

โดยคนที่ได้อยู่ในกลุ่มปิดนี้จริงๆ คือคนที่ได้สัญลักษณ์ว่าเป็น Top Fans และได้รับคำเชิญให้เข้าร่วมกลุ่ม พร้อม ‘รหัสผ่าน’ คล้ายๆ กับเป็นการเปิดพื้นที่เพื่อแสดงความขอบคุณที่ติดตามผลงาน และมีกิจกรรมสนุกๆ ด้วยกัน ได้ใช้เวลาด้วยกัน เป็นต้น

 

ขั้นตอนที่ 2: จัดกิจกรรม meeting-up กับแฟนๆ ตัวยง

วู้ดดี้ได้จัดกิจกรรมเล็กๆ ที่ออฟฟิศของวู้ดดี้ ด้วยการพา Top Fans ทุกคนจากใน Facebook ให้มาเจอกัน ใช้เวลาด้วยกัน และได้พูดคุยกับแบบส่วนตัวกับวู้ดดี้ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมอื่นๆ เล่นเกม จับรางวัล meeting กับคนอื่นๆ ที่เป็นแฟนตัวยงเหมือนกัน

 

ขั้นตอนที่ 3: เปิดออดิชั่น Top Fans และสมาชิกในเพจ Woody เพื่อเป็นผู้ชมในสตูดิโอ

อย่างที่เล่าไปข้างบนว่า รายการ The Ellen Show ผู้ชมในสตูดิโอค่อนข้างแอคทีฟ มีส่วนร่วม และรับความสุขไปแบบเต็มๆ เป็นอีกหนึ่งสีสันของรายการที่ทำให้ผู้ชมทางบ้านรู้สึกสนุกไปด้วย ดังนั้น วู้ดดี้ จึงเปิดให้ออดิชั่นทั้ง Top Fans (ประกาศรับสมัครก่อน) และสมาชิกในเพจ เพื่อคัดเลือกเป็นผู้ชมในสตูดิโอแบบออนกราวด์

โดยวู้ดดี้ ได้ลงมือคัดเลือกด้วยตัวเองในวันที่ออดิชั่นผ่านการโทรแบบ Video Call ซึ่งถ้าดูจาก EPISODE ที่ผ่านมาทั้งหมดทุกสัปดาห์ กระบวนการคัดเลือกผู้ชมแบบนี้พูดได้ว่า ค่อนข้างมีความสำคัญทีเดียวและจำเป็นสำหรับเรตติ้งของรายการด้วย

 

ทั้งนี้ นับตั้งแต่ที่เปิดตัวรายการวันที่ 1 พ.ย. 2020 WOODY SHOW เปิดตัวรายการด้วยเรตติ้ง 1.7 ในกลุ่มผู้ชมในกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นเรตติ้งสูงสุดอันดับ 2 ในบรรดารายการโทรทัศน์ที่ออกอากาศฟรี จากทั้งหมด 21 รายการในช่วงเวลาเดียวกัน (จากข้อมูลของ Nielsen Media)

นี่คือมุมเล็กๆ อีกมุมหนึ่งจากตัวอย่างของรายการ WOODY SHOW และความคิดที่ครีเอทของวู้ดดี้ ว่าบางทีขั้นตอนเล็กๆ บางขั้นตอนอย่างเช่น การคัดเลือกผู้ชมในสตูดิโอ หรือ การใช้ประโยชน์จากโซเชียลมีเดีย และนำมาต่อยอดกับรายการแบบออฟไลน์บางทีก็เป็นปัจจัยใหญ่ที่ทำให้ประสบความสำเร็จได้เร็วขึ้นเหมือนกัน ขึ้นอยู่กับความสร้างสรรค์และพลิกมุมมองของคนๆ นั้นจริงๆ

 

 

ที่มา: facebook


  • 511
  •  
  •  
  •  
  •  
prakai
'ชีวิต' ต้องมีสีสันหลากหลาย เหมือนกับความรู้ที่มีหลายมิติ ทั้งไลฟ์สไตล์, การตลาด, ดิจิทัล, ประเพณี-วัฒนธรรม