แจกวิธีบริหารธุรกิจ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด ด้วย Data สไตล์แบรนด์ “After Yum”

  • 80
  •  
  •  
  •  
  •  

ธุรกิจร้านอาหารส่วนใหญ่มักจะให้ความสำคัญเกี่ยวกับรสชาติเป็นสิ่งแรก เพราะคิดว่าถ้ารสชาติอาหารถูกปากยังไงคนก็เข้าร้าน ซึ่งความคิดนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด และใครที่ชอบกินยำคงจะเคยได้ยินชื่อร้านอาหารแบรนด์ “After Yum” ที่ได้ออกมาเปิดเผยว่าการใส่ใจในรสชาตินั้นเป็นสิ่งที่ทุกแบรนด์ควรมี แต่มีสิ่งสำคัญที่ไม่แพ้กันเลยคือ “Data” (ข้อมูล)

ใครจะคิดว่าร้านอาหารจำเป็นต้องใช้ data ด้วยหรือ ต้องขอบอกเลยว่า data นั้นเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจร้านอาหารเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้าอย่างลึกซึ้ง รวมถึงต่อยอดครีเอทผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ให้แตกต่างและตรงใจลูกค้าได้อีกด้วย ซึ่งในบทความนี้จะมาเล่าถึงเส้นทางของแบรนด์ After Yum และไขข้อข้องใจทำไมร้านอาหารถึงต้องเก็บ data นั่นเอง

รูปภาพจาก : เพจ After Yum

เส้นทางร้าน After Yum จุดเริ่มต้นแค่อยากกินข้าวด้วยกัน

After Yum ร้านยำเล็ก ๆ จากเมืองพัทยาที่แจ้งเกิดจากเหล่าอินฟลูเอนเซอร์มารีวิวอร่อยจริงไม่จกตาแน่นอน จนเกิดปรากฏการณ์คนต่อคิวตั้งแต่ร้านเปิดตัวได้ไม่นาน ทำให้เกิดกระแสยำฟีเวอร์แบบสุด ๆ ผู้คนจำนวนมากต่างหลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสาย จนทางร้านแตกไลน์เมนูและผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้น

จุดเริ่มต้นของ After Yum มีความแตกต่างไม่ใครเลยก็ว่าได้ แบรนด์ส่วนใหญ่มักจะมาจากความหลงใหลและฝันอยากเปิดร้านอาหาร แต่ After Yum เกิดจากความไม่ตั้งใจระหว่างคุณแต๋ง-กฤษฏิ์กุล และ คุณดุจดิว-ธีระวัฒน์ สองเพื่อนซี้ที่นั่งกินข้าวด้วยกันทุกวัน จนวันหนึ่งคุณแต๋งก็ชวนคุณดิวเปิดร้านยำเล่น ๆ คุณดิวก็ตอบตกลงทันที ด้วยความคิดแค่ว่าเปิดร้านเพื่ออยากกินข้าวด้วยกันทุกวันเพียงเท่านั้น และทั้งสองได้เปิดร้านครั้งแรกในปี 2561 ที่ปั๊มคาลเท็กซ์ พัทยากลาง ด้วยชื่อร้าน After Yum 

รูปภาพจาก : เพจ After Yum

ยำแซ่บแค่ไหนแต่ไม่เข้าใจลูกค้าก็จบ

คุณแต๋งทำงานด้านโรงแรม ส่วนคุณดิวเป็นเน็ตไอดอล ทั้งสองไม่เคยมีประสบการณ์ด้านการทำร้านอาหารมาก่อน แต่สามารถสร้างกระแสจนทำให้ได้รับความนิยม ซึ่งคุณแต๋งมองว่าหัวใจสำคัญที่ทำให้ After Yum โดนใจลูกค้าไม่ใช่แค่คุณภาพวัตถุดิบและรสชาติน้ำยำที่แซ่บถูกปากเท่านั้น แต่เป็นประสบการณ์ที่เคยทำธุรกิจโรงแรมมาก่อน และเป็นคนที่ชอบเก็บข้อมูลของลูกค้าจึงทำให้ร้านได้รับความนิยมเรื่อย ๆ 

หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมต้องเก็บข้อมูลของลูกค้า โดยคุณแต๋ง ให้ความสำคัญกับ data เป็นอย่างมากเพราะเชื่อว่ายุคนี้คนที่มี data คือคนที่มีสมบัติอยู่ในมือ ชนิดที่ว่าเก็บรายละเอียดแม้กระทั่งจุดเล็ก ๆ อย่างใบเสร็จทุกใบเสร็จ ความชอบของแต่ละคนแถมเริ่มเก็บตั้งแต่วันแรกที่เปิดร้าน 

ด้วยความที่เป็นร้านยำของต้องสด เพราะฉะนั้นคุณภาพต้องมาก่อน ดังนั้นเรื่องการบริหารสต๊อกจึงสำคัญ และจะทำยังไงให้มีของเพียงพอวันต่อวัน เป็นไปไม่ได้เลยถ้าไม่มีการเก็บ data จากใบสั่งซื้อที่สามารถนำมาคำนวณสต๊อกในแต่ละวันได้ ซึ่งการเก็บ data นั้นยังทำให้เราเข้าใจความต้องการลูกค้ามากขึ้น และสามารถนำมาพัฒนาต่อจนได้รสชาติที่ถูกใจลูกค้าอีกด้วย

รูปภาพจาก : เพจ After Yum

มี data ทำให้กล้าที่จะต่อยอดธุรกิจ

เสียงตอบรับจากสาขาแรกประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากจึงขยายสาขา 2 ทันที ปัจจุบัน After Yum มีทั้งหมด 3 สาขา แต่การที่จะขยายสาขานั้นอาจจะทำให้รสชาติยำถูกใจทุกคนไม่ใช่เรื่องง่าย ทำให้ data มีส่วนสำคัญเป็นอย่างมาก จากการทำ research ทำให้เห็นว่าคนแต่ละพื้นที่ชอบไม่เหมือนกัน อย่างคนในย่านเอกมัย รามอินทราอาจจะชอบเปรี้ยวนำ ขณะที่คนพัทยาจะชอบหวานนำ ส่วนคนระยองจะชอบอีกแบบ

จากการนำ data มาใช้ก็ช่วยให้เข้าใจลูกค้าในแต่ละพื้นที่มากขึ้นจนสามารถปรับรสชาติให้ถูกใจคนในแต่ละพื้นที่ และ After Yum ยังได้ขยายมาสู่ธุรกิจน้ำยำและน้ำปลาร้าบรรจุขวด ซึ่งเกิดจากการที่เราเก็บ data ทำให้เห็นว่าลูกค้าชอบขอให้ทางร้านทำน้ำยำแบบขวด จนทางแบรนด์กล้าขยายธุรกิจ

โดยปัจจุบันนี้ After Yum สามารถวางจำหน่ายน้ำปลาร้าบรรจุขวดในห้างชั้นนำของไทยและร้านค้าในต่างประเทศหลายแห่ง ซึ่งก็ได้มาจากการเก็บ data และหา Insight จนรู้ว่า “ลูกค้าต้องการอะไร” นั่นเอง

After Yum ถือเป็นร้านอาหารเล็ก ๆ ที่เริ่มมีการใช้ data อย่างจริงจังจนสามารถทำให้ร้านขับเคลื่อนธุรกิจได้อย่างน่าสนใจ ไม่แปลกใจที่ร้านจะเติบโตได้เร็วขณะนี้ เพราะทางแบรนด์คิดเสมอว่า data คือสมบัติที่ล้ำค่าที่ทำให้เข้าใจลูกค้ามากยิ่งขึ้น

 


  • 80
  •  
  •  
  •  
  •  
CLOSE
CLOSE