เราจะใช้“จิตวิทยา”ทำ“การตลาดดิจิทัล”ให้เหนือชั้นได้อย่างไร?

  • 5.2K
  •  
  •  
  •  
  •  

ยิ่งลูกค้าในประเทศไทยมีสมาร์ทดีไวซ์กันเกือบทุกคน การทำการตลาดดิจิทัลไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร เพราะเป็นสิ่งที่ทุกกิจการต้องทำเพื่อขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ และเพิ่มยอดขาย

ดังนั้นการนำจิตวิทยามาใช้ทำการตลาดดิจิทัลจึงเป็นเรื่องละเลยไม่ได้เช่นกัน วันนี้เรามีเทคนิคจิตวิทยาง่ายๆ 6 ข้อมาใช้ทำการตลาดดิจิทัลสำหรับกิจการของคุณกัน

coke-taste-the-feeling-0

1. ออกแบบเว็บไซต์ อีเมล์ ให้โน้มน้าวลูกค้าซื้อสินค้า อ่านคอนเทนต์ ดาวน์โหลดไฟล์ของคุณ

คอนเทนต์ของคุณเน้นรูปภาพและวีดีโอดีที่สุด เพราะรูปภาพจะกระตุ้นสมองส่วนที่ตัดสินใจในเรื่องพื้นฐานของคุณได้ดี เช่น กิน หายใจ สู้หรือหนี รูปภาพจะดึงความสนใจของคนก่อนข้อความเสมอ และดึงความสนใจได้ดีกว่าด้วย (ลองนึกถึงภาพอาหารอร่อยๆยั่วน้ำลายบน New Feed ตอนดึกดู )

รูปภาพจึงต้องเด่นและคมชัดมีคุณภาพ และมีเส้นนำสายตาให้ลูกค้ารู้ว่าต้องการให้เขาทำอะไร เช่นมีรูปพรีเซนเตอร์มองหรือชี้ไปทางช่องให้กรอกข้อมูลลงทะเบียน หรือปุ่มติดตาม กดไลค์ หรือกดแชร์

เพราะคุณไม่ได้มีเวลาเสพคอนเทนต์นานพอที่จะอ่านทุกข้อความของคุณด้วยซ้ำ

 

Coke Ad

โฆษณาของโคคาโคล่า เอาขวดทาบที่เสื้อรูปปากเพื่อนำสายตาคนดู กระตุ้นความอยากดื่มได้ดี

 

ba1e4e986e544afd109ec9d158fe9ff8

โฆษณาของ อดิดาส เรามองรูปก่อนอ่านข้อความที่บอกรุ่นของรองเท้าเสียอีก บางคนไม่อ่านด้วยซ้ำ

 

2. เล่นกับอารมณ์และความรู้สึกของลูกค้าเสมอ

เพราะคุณมักจะซื้อเพราะอารมณ์ความรู้สึก แล้วค่อยหาเหตุผลว่าทำไมถึงซื้อ เราเรียนรู้สิ่งต่างๆได้หากมีแนวทางและสามารถเชื่อมกับประสบการณ์ของลูกค้าที่ผ่านมา ไม่ใช่ตัวเลขหรือข้อเท็จจริง

ฉะนั้นการเล่าเรื่องผ่านวีดีโอ รูปภาพ และข้อความ โดยเฉพาะหัวเรื่องต้องปลุกความรู้สึกของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายให้ได้

มิเช่นนั้นจะให้เหตุผลร้อยแปด แต่ลูกค้าไม่รู้สึกอยากซื้อ ก็ขายของยากแล้ว

 

โฆษณา “โอกาส” ของไทยประกันชีวิต ไม่ขายประกันแบบไม่บอกตัวเลขหรือข้อเท็จจริงของตัวประกัน แต่เน้นอารมณ์และความรู้สึกซึ้งๆล้วนๆ

 

3. เอาสินค้าไปอยู่ในมือลูกค้าให้เร็วและง่ายที่สุด (ต่อให้ลูกค้าไม่ได้บอกว่าจะซื้อก็เถอะ)

เช่นจัดส่งสินค้าทดลองฟรี ให้ลูกค้าเลือกสินค้าง่ายๆ หรือจะคืนสินค้าก็ยังได้ ที่สำคัญคือจะสั่งซื้อบนเว็บไซต์ก็สั่งได้เลย ไม่ต้องเสียเวลาลงทะเบียนกรอกข้อมูลส่วนตัว (ในตอนแรก) หรอก เพราะในแต่ละขั้นตอนการสั่งซื้อสินค้าก็ต้องกรอกข้อมูลส่วนตัวที่จำเป็นอยู่แล้ว และเมื่อลูกค้าสั่งซื้อและได้รับใบเสร็จแล้ว ก็ให้ลูกค้าตั้งรหัสผ่านไว้ให้ล็อกอินซื้อสินค้าครั้งต่อไปง่ายๆ

เหตุผลที่ต้องเอาสินค้าไปอยู่ในมือลูกค้าให้เร็วและง่ายที่สุด เพราะจริงๆแล้ว ไม่มีลูกค้าคนไหนอยากเป็นคนไม่น่าเชื่อถือ ไว้ใจไม่ได้หรอก การเอาสินค้าไว้ในมือลูกค้าง่ายๆ ทำให้ลูกค้ารู้สึกผูกมัดว่าต้องซื้อ วิธีนี้ช่วยให้ลูกค้าซื้อสินค้าของคุณอีกและแนะนำบอกต่อคนรู้จักด้วย

 

IKEA

IKEA จัดส่งตู้เสื้อผ้ารุ่นพักซ์และประกอบให้ฟรี ให้ลูกค้าได้ของและใช้ง่ายและเร็วที่สุด สร้างความประทับใจและบอกต่อ

phaks-tu-seux-pha-khaw__0382435_PE557181_S4

 

ตู้เสื้อผ้ารุ่นพักซ์ ของ IKEA

 

4. พิสูจน์ให้ลูกค้าเห็นว่าใครๆเขาก็ทำกัน

ไม่ว่าจะอวดว่าแฟนเพจของตัวเองมี แสนไลค์ มีคนติดตามเป็นล้าน ก็เป็นวิธีที่ได้ผลอยู่ เพราะเป็นการบอกกลุ่มลูกค้าเป้าหมายว่าสินค้าของคุณนั้น ใครๆก็สนใจ ใครๆก็สอบถามและซื้อใช้กัน หากใครๆเขาก็ทำกัน ลูกค้าก็มีแนวโน้มสนใจและทำตามเช่นกัน

อีคอมเมิร์ชอาจจะนำหลักการนี้ไปใช้ก็ได้เช่น หากขายเสื้อผ้าอยู่ ก็ลองให้แฟนเพจหรือลูกค้าขาประจำลองโหวตดูว่าเสื้อผ้าสไตล์ไหนที่จะเป็นเทรนด์ในซีซั่นต่อไป แล้วทำป้ายแปะรูปเสื้อผ้าในเว็บไซต์ว่าเป็นเสื้อที่ “ผู้ซื้อส่วนใหญ่เลือก” หรือ “90% ของผู้ซื้อแนะนำ” ก็จะช่วยเพิ่มยอดขายแบบไม่รู้ตัวก็ได้

FB_Cover

เปลี่ยน Facebook Cover ฉลองยอดไลค์  ถึงแม้ยอดไลค์จะไม่สะท้อนยอดขายเสมอไปแต่ก็เป็นตัวโปรโมทให้ลูกค้าหน้าใหม่ซื้อรถของร้านนี้

 

โฆษณาคอลเกตตอนท้ายที่บอกว่า ยาสีฟันอันดับ 1 ที่ทันตแพทย์ส่วนใหญ่แนะนำ (156 คนจาก 400 คนที่สำรวจในปี 2557)

 

5. จำกัดจำนวนสินค้าและโอกาสเข้าถึงสินค้า

ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าจะเสียโอกาสถ้าไม่ได้ซื้อ หรือจะได้โอกาสดีๆถ้าซื้อ มีอยู่แค่นั้นแหละ คุณถึงเห็นโฆษณาที่ชอบบอกว่า หมดเขตวันนั้นวันนี้ สินค้ามีจำนวนจำกัด ที่นั่งมีจำนวนจำกัด

แต่ถ้าคุณไม่ได้มีของจำนวนจำกัดอย่างที่โฆษณาไว้ล่ะ จะใช้วิธีนี้ได้หรือไม่?

คำตอบคือ ทำไมจะไม่ได้? การทำการตลาดดิจิทัลให้คุณสามารถทดสอบโฆษณาสำหรับหลายๆกลุ่มเป้าหมายได้ง่ายๆ หรือที่คุณเรียกว่า A/B Split Test น่ะแหละ คุณสามารถทดสอบโฆษณาตัวเดียวสำหรับกลุ่มที่ “กลัวเสียโอกาสถ้าไม่ซื้อ” (เช่น สินค้าหายากมีจำนวนจำกัด) และกลุ่มที่ “ได้โอกาสดีๆถ้าซื้อ” (เช่นประหยัดกว่า ถ้าซื้อภายใน 24 ชั่วโมง)

 

Galaxy-S6-edge-Iron-Man-Limited-Edition_KV2-768x543

Samsung Galaxy S6 edge Iron Man Limited Edition ที่เกาหลีใต้ 37,000 บาท มีจำหน่ายเพียง 1,000 เครื่อง เมื่อปี 2558

 

6. ทำให้ลูกค้าติดหนี้บุณคุณกับคุณให้ได้

การที่ลูกค้าได้สิทธิพิเศษไม่ว่าจะเป็นลดแลกแจกแถมจากทางร้านไปง่ายๆ ลูกค้าก็จะไม่เห็นคุณค่า สิทธิพิเศษที่กิจการของคุณมอบให้ มันมีราคาเสมอ การที่ลูกค้าได้สิทธิพิเศษมีราคามาง่ายๆ ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าลูกค้าต้องตอบแทนร้านสักทาง จงใช้โอกาสนั้นให้ลูกค้าลงทะเบียน ติดตามช่องทางต่างๆ

 

 

Outlet

ร้านขายเสื้อผ้า The Outlet24 สื่อเป็นนัยว่าการกรอกอีเมลของคุณในเว็บไซต์ของร้านมีมูลค่า 200 บาทเท่ากับส่วนลด

 

แหล่งที่มา

หนังสือ Leveraging Psychology in Digital Marketing โดย Kat Pay


  • 5.2K
  •  
  •  
  •  
  •  
Sarunjade
แชร์มุมมองเกี่ยวกับ Digital Marketing, Digital Business และ Technology เท่าที่รู้ สามารถติชมหรืออยากให้เจาะลึกเรื่องไหนเป็นพิเศษ ส่งเมลมาเลยที่ contact@oopsnetwork.co.th