3 สิ่งที่ต้องมีในการสร้างแบรนด์ด้วย Storytelling

  • 25
  •  
  •  
  •  
  •  

ThinkstockPhotos-497201171-700

ว่ากันว่าหนึ่งในความยากของการทำตลาดในปัจจุบันคือ การเล่าเรื่อง (Storytelling) เพราะผู้บริโภคเริ่มจะไม่เชื่อในสิ่งที่แบรนด์บอก แม้ในความเป็นจริงผลิตภัณฑ์ หรือบริการที่แบรนด์มอบให้จะดีจริง แต่ถ้าคำพูดเหล่านี้ออกจากปากแบรนด์ พวกเขาก็ยังไม่เชื่ออยู่ดี ส่งผลให้อัตราการหาข้อมูลสินค้าผ่านอินเตอร์เน็ตเริ่มสูงขึ้น จากเดิมที่ดูเพียง 5 เว็บก็ตัดสินใจได้ เดี๋ยวนี้ต้อง 10 เว็บขึ้นไป

การเล่าเรื่อง (Storytelling) นับเป็นเครื่องมือสำคัญในการตลาดในยุคนี้ อีกทั้งยังเป็นการสร้างประสบการณ์ร่วมกับลูกค้า เพื่อให้พวกเขาได้สัมผัสถึงแก่นของแบรนด์/องค์กร และยิ่งถ้าต้องทำตลาดผ่าน Social Media แบรนด์การเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายให้ได้ จะพูดแต่เรื่องสรรพคุณ หรือข้อดีของสินค้าอย่างเดียวก็คงไม่ได้ คุณต้องสร้างความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภคผ่านการเล่าเรื่อง หรือ Brand Storytelling

3 สิ่งสำคัญที่ต้องมีในการเล่าเรื่อง ครีเอทีฟ-Digital Platform-งบประมาณ

คุณนิวัฒน์ ชาตะวิทยากูล กรรมการบริหาร บริษัท BrandBaker Co.,Ltd ได้ให้มุมมองในการทำตลาดผ่าน Social Media โดยระบุว่า หัวใจสำคัญของการทำตลาดผ่าน Social Media ก็คือ “Content” ใครที่เล่าเรื่องได้ดีกว่าก็จะได้ใจลูกค้าไป โดยจุดเริ่มต้นที่ทุกแบรนด์ต้องมีคือ รู้จักตัวเอง และมี Insight หรือข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภค เพราะคุณจะผลิตคอนเทนต์ไม่ได้เลย ถ้าไม่รู้ว่าผู้บริโภคต้องการอะไร และเมื่อมีข้อมูล ก็ต้องอาศัยศิลปะในการเล่าเรื่องด้วย ทั้งนี้ สิ่งที่ยากกว่าการเล่าเรื่องคือ “ครีเอทีฟ” การใช้ความคิดสร้างสรรค์มาผลิตชิ้นงานที่มีความชัดเจน สื่อถึงตัวตนของแบรนด์ให้ได้

และสิ่งที่ยากกว่าครีเอทีฟก็คือ “Digital Platform” (Facebook, YouTube, Instagram, Line,เว็บไซต์ และอื่นๆ) คุณต้องเรียนรู้ความแตกต่างของแต่ละแพลตฟอร์ม รู้ข้อดีข้อเสียของทุกช่องทางที่ใช้ เพราะคอนเทนต์เดียวไม่สามารถนำไปใช้ทุกแพลตฟอร์มได้ รวมถึงต้องเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคด้วย อาทิ ผู้ใช้ Facebook จะ Like & Share เมื่อเห็นว่าคอนเทนต์นั้นดี แม้ในช่วงแรกพวกเขาจะไม่ต้องการเห็นก็ตาม ส่วนผู้ใช้ YouTube จะค้นหาวิดีโอที่ต้องการเอง เช่น วิธีการดูแลผมมัน, การทำแกงจืดหมูสับ ฯลฯ แบรนด์จึงต้องให้ความสำคัญกับการตั้งชื่อคลิปด้วย เหนือสิ่งอื่นใด สิ่งสำคัญที่ต้องมีจริงๆ ก็คือ “งบประมาณ”

ตัวช่วยที่จะทำให้คอนเทนต์โดนใจผู้บริโภค

อย่างที่เราเห็นกันมาตลอด ว่าแต่ละแพลตฟอร์มก็มีการเปิดตัวเครื่องมือทางการตลาดใหม่ๆ เพื่อรองรับการทำคอนเทนต์ให้น่าสนใจมากขึ้น ล่าสุดสดๆ ร้อนๆ Facrbook ก็ได้เปิดตัว 2 เครื่องมือใหม่ล่าสุดที่มีชื่อว่า Canvas และ Instant Article ที่จะช่วยให้แบรนด์พัฒนาคอนเทนต์ได้อย่างมีอิสระ

นอกจากนี้ Facebook ยังมีฟีเจอร์ Facebook Video 360 องศา และการสร้าง video playlist ซึ่งจะดึงดูดให้ผู้ใช้เข้ามาชมและแชร์มากขึ้น รวมถึงยังสามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายได้ตามต้องการ ทั้งเพศ อายุ สถานที่ ฯลฯ เพื่อผลิตคอนเทนต์ให้รองรับผู้บริโภคในท้องที่นั้นๆ

ในส่วนของเว็บไซต์ ตราบใดที่ผู้บริโภคยังใช้ Google การทำ SEO ก็ยังจำเป็น และถ้าคุณมีเว็บ การลงทุนไปกับคอนเทนต์ก็จะสงผลดีในระยะยาว และคุ้มค่ากับการลงทุน ยกตัวอย่างเช่น เว็บ Amazon จะมีเวอร์ชั่นภาษาในแต่ละประเทศ

จับกระแส มีผู้ร่วมสร้างคอนเทนต์

เมื่อมีกระแสหรือประเด็นที่น่าสนใจเกิดขึ้นในสังคม ช่องทางที่จะแพร่กระจายไปได้เร็วที่สุดคงหนีไม่พ้น Social Media ยกตัวอย่างเช่น แบรนด์คาร์สัน ที่ร่วมมือกับทีมผู้ผลิตซีรี่ย์ฮอร์โมน เพื่อผลิตชุดนักเรียน “คาร์สัน ฮอร์โมน คอลเลคชั่น” เป็นการใช้ Real-Time Marketing ได้อย่างทันท่วงที และยังเป็นการปรับภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้ดูทันสมัยมากขึ้น โดยยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของแบรนด์

โดยรวมแล้วการใช้ Storytelling จะเป็นตัวเชื่อมระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภค แม้การทำ Storytelling จะไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเป็นคอนเทนต์ที่ต้องทำให้ผู้บริโภครู้สึกเชื่อ Content Marketing ที่ดีอาจไม่ใช่แค่การมี Engagement สูงๆ แต่คือการให้มูลค่ากับคอนเทนต์นั้นๆ ว่าจะนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้อย่างไร ผ่านการเล่าเรื่องของแบรนด์

 

Copyright © MarketingOops.com


  • 25
  •  
  •  
  •  
  •