เข้าใจเหตุผล ที่ทำไมลูกค้าไม่ซื้อสินค้าคุณ

  • 4
  •  
  •  
  •  
  •  

 

ธุรกิจหลาย ๆ ที่มักคิดว่าการขายสินค้าและบริการให้ประสบความสำเร็จจะต้องเกี่ยวข้องกับ “ฟีเจอร์” ดีที่สุด, “ราคาถูกที่สุด” หรือ “มี Branding” ที่สวยงาม และตราบใดที่สินค้าคุณดีพอ ลูกค้าก็จะซื้อเอง แต่หลังจากทำการตลาดไปสักพักหนึ่ง กลับพบความจริงสำคัญข้อหนึ่ง กลุ่มเป้าหมายไม่ได้ซื้อสินค้า แต่ซื้อ สิ่งที่สินค้าให้มอบประสบการณ์ การแก้ไขปัญหาให้ได้’” เช่น ไม่มีใครซื้อตัวที่นอนเพราะอยากได้ที่นอน แต่เพราะต้องการ “การนอนหลับที่สบายจนตื่นมารู้สึกสดชื่น” หรือ ไม่ได้ซื้อ Notebook ที่ราคาแพงเพราะ Spec แต่เพราะต้องการ “ทำงานได้เร็ว ไม่เสียอารมณ์” หากโฆษณาแบรนด์ถึง “ตัวสินค้า” โดยไม่บอกว่า “จะช่วยลูกค้าได้อย่างไร” ก็เท่ากับพลาดจุดสำคัญที่จะสร้างแรงจูงใจที่แท้จริงให้ลูกค้าอยากได้ซื้อได้ขึ้นมา

ดังนั้นพลังของการขายต้องเน้น “ด้วยคุณค่า” (Value-Based Selling) อย่างเช่นสินค้าระดับกลาง ๆ บางทีขายดีถล่มทลาย แต่สินค้าที่ดีกว่ากลับเงียบนั้นเพราะผู้บริโภคซื้อสินค้าไม่ได้ซื้อของด้วยการตัดสินใจกับราคา หรือ ฟีเจอร์เสมอไป แต่อยู่ที่ว่า “สินค้านั้นถูกวางตำแหน่งเป็น ‘ทางแก้ปัญหา’ ได้ดีแค่ไหน” หัวใจของ Value-Based Selling คือการชูสินค้าของแบรนด์เป็น “กุญแจไขปัญหา” ไม่ใช่แค่ Spec สินค้าที่ไม่รู้ว่าจะได้ประโยชน์อะไร ทั้งนี้แบรนด์สามารถสร้างรูปแบบการขายด้วยคุณค่า 4 รูปแบบนี้คือ

 

 

  1. อารมณ์ (Emotional Value) : มนุษย์ตัดสินใจซื้อด้วยอารมณ์ (โดยไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ) เช่นตัวอย่าง: น้ำหอม ถ้าขายด้วย Feature : “ผสมน้ำหอมเกรดพรีเมียม กลิ่นติดทนนาน” แต่ถ้าขายด้วย Emotional Values คือ “กลิ่นที่ทำให้ใคร ๆ จดจำคุณได้ แม้คุณจะเดินจากไปแล้ว” ทั้งนี้การใช้อารมณ์ขายคุณค่านั้น ใช้ได้ดีกับกลุ่มสินค้าและบริการ แฟชั่น, Luxury, Lifestyle, ความสวยความงาม หรืออะไรก็ตามที่ “ความรู้สึก” ตัดสินใจเป็นตัวหลัก
  2. ด้านการเงิน (Financial Value) : ถ้าสินค้าช่วย “ประหยัดเงิน” หรือ “ให้ผลตอบแทน” ได้ ก็แสดงให้เห็นเด่น ๆ ตัวอย่าง: หลอดไฟ LED ถ้าขายแบบฟีเจอร์: “ใช้ไฟ 8 วัตต์ ประหยัดพลังงาน” แต่ถ้าขายแบบ Financial Value : “จ่ายค่าไฟน้อยลง 80% แถมไม่ต้องเปลี่ยนหลอดไปอีก 10 ปี” พอบอกผลประหยัดในระยะยาว คนจะตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น
  3. ความแตกต่าง (Differentiation) กลุ่มเป้าหมายไม่ได้อยากได้ “ความแตกต่าง” โดยเปล่า ๆ แต่ต้องเป็นความต่างที่ “มีความหมาย” ด้วย ตัวอย่าง Ergonomic Chair ถ้าขายแบบฟีเจอร์: “ปรับพนักพิงได้ มีเมมโมรีโฟม” แต่ถ้าขายแบบคุณค่าที่แตกต่าง : “นั่งทำงาน 10 ชั่วโมงก็ไม่ปวดหลัง” สินค้าหลายยี่ห้ออาจมีคุณสมบัติใกล้เคียงกัน แต่ถ้าบอกไปยังประโยชน์ชัด ๆ กลุ่มเป้าหมายจะเลือกคุณได้ไม่ยาก
  4. ความปลอดภัย (Security & Peace of Mind) ถ้าผลิตภัณฑ์ให้ความสบายใจ มั่นคง ปลอดภัย จะช่วยให้กลุ่มเป้าหมายตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว เพราะมนุษย์มีจิตวิทยาที่ต้องการความปลอดภัยเอาไว้ก่อน เช่นกล้องวงจรปิด ถ้าขายแบบฟีเจอร์: “รองรับ 1080p มี Night Vision และ Motion Detection”แต่ถ้าขายแบบคุณค่าของความปลอดภัย : “ดูแลบ้าน 24/7 ให้คุณหลับได้อุ่นใจ ว่าคนที่คุณรักปลอดภัย” ทั้งนี้เหมาะกับสินค้าที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัย ประกันภัย Cyber หรือสุขภาพ

 

วิธีนำ Value-Based Selling ไปปรับใช้กับธุรกิจ คือ

 

  1. ใช้ภาษาที่คนเข้าใจ อย่าพยายามพูดศัพท์เทคนิคยาก ๆ ที่คนไม่เข้าถึง ตัวอย่าง: แอปจัดการการเงิน อย่าบอกฟีเจอร์: “AI Categorization” ที่คนไม่เข้าใจ แต่สื่อสารคุณค่า: “หมดข้อสงสัยว่าเงินหายไปไหน รู้จักควบคุมรายได้ผ่าน App”
  2. เปลี่ยน “ฟีเจอร์” เป็น “เรื่องราว” เพราะมนุษย์จำเรื่องเล่าได้ดีกว่าข้อความเชิง Technic ตัวอย่าง: แอปช่วยจัดงบ แค่บอกว่า “แอปช่วยติดตามรายจ่าย” ไม่พอ แต่ต้องเล่าว่า “เคยเงินหมดก่อนสิ้นเดือนโดยไม่รู้ใช้อะไรไป แต่พอใช้แอปนี้ ก็สามารถเก็บเงินได้ทันที”
  3. โชว์ Social Proof และรีวิว เพราะผู้คนเชื่อเพื่อนหรือรีวิวมากกว่าคำพูดจากแบรนด์ การใช้รีวิว, before-after และ UGC จะช่วยดึงดูดได้อย่างง่ายดาย
  4. ทำให้ “ตัดสินใจเลือก” ได้ง่าย ตั้งชื่อ Package หรือตัวเลือก ให้เห็นชัดว่าควรเลือกอะไร เช่น “แพ็ก Busy Parent” “แพ็ก Athlete Fuel” แทนชื่อ Basic/Pro ที่ไม่เข้าใจต้องมาตึวาม
  5. สร้างเครื่องคำนวณมูลค่า (Value Calculator) หากสินค้าคุณประหยัดเงิน/เวลา ให้คนกรอกข้อมูล และเห็นตัวเลขชัด ๆ ตัวอย่าง: ขายขวดน้ำใช้ซ้ำ ให้คนใส่จำนวนขวดพลาสติกที่ซื้อแต่ละสัปดาห์ แล้วโชว์ “เงินที่ประหยัดได้ต่อปี” + “ปริมาณขยะพลาสติกที่ลดลง”

  • 4
  •  
  •  
  •  
  •  
Molek
Head of Strategic Marketing ใน Integrated Service Agency ที่หนึ่ง ผู้หลงใหลในหลาย ๆ ที่มีความอยากรู้และเรียนรู้ในเรื่อง Startup, นวัตกรรม, การตลาด จากมุมมองหลาย ๆ ด้านและวัฒนธรรมของแบรนด์ต่าง ๆ