ปัญหาใหญ่สำหรับ SMEs และเจ้าของสินค้าทั้งหลาย ร้อยทั้งร้อยมักมองสินค้าตัวเองเหมือน ‘ลูกรัก’ ใครจะมาว่าไม่ได้เชียวล่ะ ก็ทุ่มกายทุ่มใจทำทุกอย่าง เริ่มจากทำคลอด หาโรงงานผลิตเอง ทำแพคเกจจิ้งเอง ขายเอง ทำตลาดเอง เหมาทำเองทุกอย่าง แต่ในโลกแห่งการตลาดแล้ว ลูกรักเรากลับเป็น ‘เด็กขี้เหร่’ ในสายตาผู้คนทั่วไป
ในเมื่อผู้บริโภคมีแบรนด์ที่ใช้ประจำอยู่ในใจแล้ว แถมยังมีกิ๊กหรือแบรนด์ที่ใช้มารยาโปรโมชั่นล่อหลอกให้อยากซื้อ สินค้าเราคงอยู่นอกสายตาแน่ จะมีสิทธิ์เป็นเบอร์หนึ่งในใจกลุ่มเป้าหมายได้ คงหมดยุคที่เจ้าของสินค้าตรัสรู้เองว่าสินค้าต้องเป็นอย่างไร แต่ต้องรู้ใจล้วงใจลูกค้าเราว่าอยากให้สินค้าเป็นอย่างไร เมื่อรู้แล้วจะได้เอามาพลิกเป็นจุดขายที่โดนจริงๆ
อยากรู้จักลูกค้า อย่ารู้แค่จากรายงานผลวิจัย หรือแค่ถามเซลส์ ลองออกจากห้องแอร์ไปอยู่ใน ‘ที่เกิดเหตุ’ หรือที่ๆ กลุ่มเป้าหมายผู้ใช้สินค้าคุณรวมตัวอยู่มากๆ เช่น สินค้าอุปโภคบริโภค ของใช้ในบ้าน ลองไปสิงสถิตแถวซูเปอร์มาร์เก็ต เดินเข็นรถแอบฟังแอบดูพฤติกรรมคุณแม่บ้าน ถ้าเป็นสินค้าวัยคนทำงาน หรือนักศึกษาที่ค่อนข้างมีฐานะ ก็ลองไปนั่งในร้านกาแฟดังๆ
ถ้าอยากรู้ว่าลูกค้าเรามีพฤติกรรมการใช้สื่อสังคมออนไลน์ยังไง ลองขึ้นรถไฟฟ้าทั้ง BTS และ MRT เน้นช่วงเช้าตอนไปทำงาน หรือเลิกงานตอนเย็น ยิ่งแน่นเบียดกันจนแทบเป็นหมัน ยิ่งรู้ว่าลูกค้าเราเค้าลำบากแค่ไหนเวลาเสพข้อมูลในฟีดข่าว หรือ content แบบไหนบ้างที่หยุดไม่ให้นิ้วเขี่ยจอเลื่อนเลยไป
เลิกเป็นคนโลกสวยลัลลาในทุ่งลาเวนเดอร์ หัดทำตัวเป็นมาโซคิสต์ เสพความเจ็บปวด อย่าหลงคารมจากคนใกล้ตัวที่แกล้งชมสินค้าเรา ไม่คิดบ้างเหรอว่าเค้าอาจแค่เกรงใจเรา แต่ในโลกแห่งความเป็นจริงแล้ว ใครๆ ก็ไม่สนใจสินค้าเรา ถึงขั้นด่าเละก็เยอะ ยอมรับเหอะ มันคือการติเพื่อก่อ น่าจะแสบสันต์มีคุณค่ากว่ารายงานจากแผนก R&D แน่นอน
ถ้ามีแฟนเพจ ลองเข้าไปใช้ชีวิตเป็นแอดมินบ้าง แล้วตามดูโปรไฟล์หรือ facebook ของลูกค้าที่เข้ามามี engagement กับโพสต์สินค้าเรา (like / share / comment) เค้าชอบหรือใช้ชีวิตอะไรยังไง เป็นข้อมูลพื้นฐานให้ต่อยอดทำแผนการตลาดได้ ถ้าเค้าชมสินค้าเราก็เก็บความชื่นใจไว้ ส่วนมากมักด่าแทบเสียสุนัข ถ้าผิดจริงก็รีบแก้ไขให้ถูกทาง เมื่อใดก็ตามที่คนเคยเกลียดแล้วเปลี่ยนใจมาซื้อได้ รับรองเลยว่าจะกลายเป็นพวกที่มี brand loyalty สุดติ่งรักแบรนด์เราแนะนำให้เพื่อนใช้ญาติใช้กันแบบที่ไม่ต้องเหนื่อยโฆษณา
ณ วินาทีนี้ สินค้าไม่ควรมีแค่ ‘จุดขาย’ แต่ต้องมี ‘จุดซื้อ’ หรือจุดที่ลูกค้าอยากซื้อ ไม่ใช่จุดที่เราอยากขาย ถ้าตอนนี้ยังไม่รู้จักกลุ่มเป้าหมายหรือลูกค้าอย่างจริงจัง ก็คงถึง ‘จุดหาย’ ของสินค้าคุณจากตลาดแน่นอน
เขียนโดย กิตติกร อนุเธียร
Expertise: Creative & Content
อ่านบทความ Exclusive เพิ่มเติมได้ที่นี่
Copyright © MarketingOops.com