เพราะแอลกอฮอล์มักตกเป็นจำเลยของสังคมทุกทีโดยเฉพาะเวลาที่มีอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลเพราะดื่มแอลกอฮอล์นั้นมีเยอะทุกๆปีในบ้านเรา ซึ่งการดื่มแอลกอฮอล์นั้นก็เป็นสาเหตุของอุบัติเหตุบนท้องถนนในหลายๆประเทศด้วย
ดังนั้นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา บริษัทที่ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่าง “ไฮเนเก้น”(Heineken) จึงสร้างจิตสำนึกให้ทุกคนดื่มด้วยความรับผิดชอบต่อชีวิตตัวเองและคนรอบข้าง ผ่านแคมเปญที่ถ่ายทอดแนวคิด “ดื่มพอประมาณ” (Moderate Drinker)
Michael Dickstein ผู้อำนวยการการพัฒนาที่ยังยืนระดับโลกของไฮเนเก้น ได้รับผิดชอบแคมเปญหลักๆของไฮเนเก้นอย่าง “Brewing the Better World” ที่ใช้กับบริษัทของไฮเนเก้นอยู่ทั่วโลกทางด้านการสร้างความยั่งยืนให้กับแบรนด์ ได้กล่าวว่า
ไฮเนเก้นยกให้แคมเปญนี้เป็นความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กรอันดับแรก เพราะเชื่อว่าไฮเนเก้นสามารถสร้างผลลัพธ์ที่ชัดเจน ต้องการให้คนมาดื่มไฮเนเก้นด้วยความรับผิดชอบ ไม่ใช่ดื่มเพื่อเป็นเหตุผลในการประพฤติตัวไม่ดี อยากให้นึกถึงไฮเนเก้นในด้านนี้
แคมเปญนี้เริ่มจากระดับท้องถิ่นก่อน แล้วค่อยบุกตลาดทั้ง 16 แห่งรอบโลก อย่างในประเทศไทย ไฮเนเก้นก็ได้จัดแคมเปญดื่มพอประมาณเช่นกัน อย่างแคมเปญที่จัดในวันสงกรานต์ร่วมกับตำบล 5 ที่ในเชียงใหม่ เชียงรายและพิษณุโลก จัดเวิร์คชอปร่วมกับชุมชนให้คนในพื้นที่ตระหนักว่าดื่มไม่ขับ และจัดสถานที่ทดสอบแอลกอฮอล์เคลื่อนที่ตามจุดต่างๆ ให้คนได้ตระหนักถึงระดับแอลกอฮอล์ที่มี เพื่อจะได้รู้สึกรับผิดชอบในการขับรถ ลดการดื่มแล้วขับ
และหลังจากทำแคมเปญนี้พบว่าอุบัติเหตุจากการดื่มแล้วขับลดลงร้อยละ 40 ในพื้นที่นั้นได้จริง
ส่วนแคมเปญโฆษณาตามแนวคิด Moderate Drinker ในต่างประเทศ ไมเคิลได้ยกตัวอย่างแคมเปญอย่างเช่น
Sunrise Campaign
Dance More Drink Slow Campaign
Hero Campaign
Sponsor with Formula 1
ไฮเนเก้นลงทุนในแคมเปญดื่มพอประมาณร้อยละ 10 จากงบสื่อ แต่ลงทุนในสื่อในไทยเพื่อรณรงค์ดื่มพอประมาณเพียงแค่ร้อยละ 3 และทุ่มกับสื่อดิจิตอลมากกว่า ส่วนหนึ่งเพราะการทำแคมเปญโฆษณาเกี่ยวกับแอลกอฮอล์ในประเทศไทยไม่อนุญาตให้เอาผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับแอลกอฮอล์ทุกชนิดมาแสดงในโฆษณาได้ตามกฎหมาย แต่ในมุมมองโฆษณา การโฆษณาโดยไม่แสดงผลิตภัณฑ์ก็เป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผลเท่าไรนัก
ฉะนั้นถ้าไม่อยากมีดราม่า อย่าทำโฆษณาที่ขัดกฎหมายและประเพณีท้องถิ่นเด็ดขาด!
ที่สำคัญไฮเนเก้นมีนโยบายไม่ขายและทำโฆษณาเครื่องดื่มให้แก่ผู้เยาว์ตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด ซึ่งนโยบายปรกติของบริษัทคือไม่ขายให้คนอายุต่ำกว่า 25 ปี (ที่ประเทศไทยคือ 18 ปี) เมื่อเขาอายุถึง เขาก็มีอิสระที่จะเลือกทำสิ่งต่างๆมากขึ้น ไฮเนเก้นจึงเข้าไปโปรโมทแนวคิดดื่มพอประมาณ
ส่วนการวัดผลลัพธ์ที่ได้จากแคมเปญนั้น ไมเคิลบอกว่าเป็นเรื่องที่ยากก็จริง แต่อย่างแคมเปญที่เนเธอร์แลนด์ซึ่งไฮเนเก้นร่วมกับรัฐบาลและผู้ผลิตแอลกอฮอล์เจ้าอื่นๆ เพิ่มความปลอดภัยบนท้องถนน จนลดจำนวนอุบัติเหตุที่มีแอลกอฮอล์เป็นต้นเหตุได้ชัดเจน
“ทั้งนี้ปัญหาอุบัติเหตุจากการดื่มแล้วขับเป็นปัญหาสังคม ไฮเนเก้นไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้โดยลำพัง จึงต้องอาศัยความร่วมมือจากภาคส่วนอื่นๆอย่างรัฐบาล ครอบครัว และการศึกษาที่สอนเกี่ยวกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วย” ไมเคิลทิ้งท้าย