เอ็มเค-แว่น
เอ็มเค สุกี้ (หรือ MK Restaurant) มีโฆษณาทางโทรทัศน์ที่โดดเด่นเสมอไม่ขาดในแต่ละปี ปีนี้ก็โผล่มากับทีเด็ดที่หากพลาดเอ่ยถึง ก็ดูเหมือนจะใจไม้ไส้ระกำมากเกินไป
โฆษณาชิ้นนี้ เน้นคอนเซ็ปต์ไปที่ความผูกพันของเพื่อนวัยรุ่น ซึ่งเป็นประเด็นอมตะที่หากินได้ตลอดเวลา เพราะวัยรุ่นนั้นถือได้ว่าเป็นวัยที่จะเก็บความทรงจำอันแสนดีไปยาวนาน ด้วยเหตุที่ว่า เป็นช่วงเวลารอยต่อของชีวิตที่สำคัญ และเป็นช่วงเวลาสุดท้ายของมนุษย์แล้วมีความสัมพันธ์ฉันไร้เดียงสาและบริสุทธิ์กับเพื่อนมนุษย์คนอื่นๆ ด้วยกัน
พ้นไปจากนี้แล้ว หากไม่คบกันด้วยผลประโยชน์ ก็ต้องมีอย่างอื่นๆ แอบแฝงด้วยทั้งนั้น …ใครจะเถียงกรุณาเงียบไว้ก่อน!
คำว่าเพื่อน เกี่ยวข้องแยกไม่ออกจากคำว่า มิตรภาพ ซึ่งพจนานุกรรมที่ไหนๆ ในโลก (ยกเว้นพวกเพี้ยนซึ่งเป็นข้อยกเว้น ไม่ควรนำมาเป็นมาตรฐาน) นิยามเอาไว้ชัดเจนว่า มีรากเหง้าเดียวคือ ความเชื่อมั่นไว้วางใจในผู้อื่นเป็นสำคัญ หากปราศจากคำนี้ ความเป็นเพื่อนก็ไร้ความหมาย…ไม่เชื่อก็ลองถามพี่เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์ดู เพราะนี่คือจุดขายหลักของพี่เขามายาวนานเลยล่ะ
บทกวีข้างทางอันหนึ่ง จำชื่อคนเขียนไม่ได้แล้ว เคยเขียนเอาไว้ประทับใจยิ่งนักในเรื่องมิตรภาพ ขอคัดเอามาประกอบดังนี้
When you are sad,
I will dry your tears.
When you are scared,
I will comfort your fears.
When you are worried,
I will give you hope.
When you are confused,
I will help you cope.
And when you are lost,
And can’t see the light.
I shall be your beacon
Shining ever so bright
This is my oath.
I pledge till the end.
Why you may ask?
Because your my friend.
ไม่ซึ้ง ก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้ว!!!
ในความเป็นเพื่อน ไม่ว่าบุคลิกภาพหรืออื่นๆ จะแตกต่างกันเพียงใด แต่คุณค่าร่วมทางจิตที่เกิดขึ้น ได้ก่อให้เกิดรากฐานอันแข็งแกร่ง 4 ประการด้วยกันคือ
- ความทะยานอยากจะทำให้คนอื่นมีความพึงพอใจ
- ความเห็นอกเห็นใจกัน
- ความจริงใจต่อกัน (ซึ่งไม่ได้หมายความว่าต้องไม่โกหกกันตลอดไป)
- การเข้าใจเจตนาซึ่งกันและกัน
เพื่อนมีหลายระดับฐานะ ความคิด วัย และเพศ แต่ผลจากการศึกษาทางจิตวิทยาฝูงชนของหลายสำนัก ได้ข้อสรุปร่วมกันว่า มิตรภาพที่มีอายุยืนยาวที่สุดของมนุษย์ คือมิตรภาพที่เกิดขึ้นในช่วงวัยมัธยมตอนปลาย ในขณะที่ช่วงก่อน หรือหลังจากนั้น จะถดถอยลงไป
ด้วยมาตรฐานเช่นนี้เอง ที่วงการโฆษณาจับเอาประเด็นความเป็นเพื่อนวัยรุ่นมาเป็นแกนสำคัญในการสื่อสาร กลายเป็นสูตรสำเร็จ งานโฆษณาของเอ็มเคชุดนี้ก็เช่นเดียวกัน
เนื้อหาจับเอาเพื่อนของชมรมดนตรีสากลของโรงเรียนมัธยมเอกชนชั้นดีแห่งหนึ่ง (ดูจากเปียโนที่ใช้เป็นจุดศูนย์กลางของวง ก็เข้าใจว่าไม่ใช่โรงเรียนกระจอกเป็นแน่ และก็ไม่ใช่โรงเรียนรัฐบาลด้วย) มีสมาชิกวงคนหนึ่งมาสาย ก็ถูกเพื่อนชายซึ่งคงจะเป็นหัวหน้าวง ดุว่าเอาแรงๆ ว่า ไม่ต้องมาแล้ว เล่นเอาสมาชิกคนนั้นร้องไห้โฮกลับออกไป แล้วเพื่อนหญิงคนหนึ่งก็ทนไม่ไหว ออกมาปกป้องเพื่อนหญิงที่มาสายคนนั้น อธิบายสาเหตุว่า ที่ต้องมาสาย เพราะเพื่อนคนนั้นมีภาระทางบ้าน ต้องช่วยทำงานสารพัด ทั้งนอนดึกและตื่นเช้ามาก (รวมทั้งทำปาท่องโก๋ขายในตลาด) ซึ่งเป็นงานเหน็ดเหนื่อย คำอธิบายอย่างนั้น ทำให้เพื่อนเข้าใจในเพื่อน และรู้สึกผิดที่ต่อว่ากันไปแรงๆ
เวลาต่อมา ฉากตัดกลับไปที่บ้านของเพื่อนที่มาสายคนนั้น เธอกำลังช่วยซักผ้าที่หลังบ้าน เพื่อนชายคนนั้นก็โผล่หน้ามาที่ริมรั้ว และขอโทษ พร้อมกับเพื่อนๆ ทั้งวง ทำให้เพื่อนคนนั้นยิ้มออกมาได้
จากนั้นก็ชวนกันไปปลอบใจตามประสาวัยรุ่นที่ร้านสุกี้ (ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าที่ไหน) ก่อนจะจบลงด้วยฉากที่เพื่อนถามเพื่อนว่า ทำไมเงียบ ซึ่งได้รับคำตอบว่า “ก็มันอร่อย” จบลงอย่างแสนประทับใจ
ดูภาพยนตร์โฆษณาชิ้นนี้ พร้อมกับเห็นชนชั้นย่อยสลายและเลอะเลือนอย่างทันทีด้วยมิตรภาพอันยิ่งใหญ่ ถือเป็นจุดประทับใจอันสำคัญ
เป็น Soft Selling ที่อบอุ่นใจด้วยประการทั้งปวง
การนำเสนอมิตรภาพเช่นนี้ ทำให้คนที่ชมภาพยนตร์โฆษณาชิ้นนี้ตื้นตันใจและประทับใจไปพร้อมกัน เป็นการเสริมภาพลักษณ์ที่ยอดเยี่ยม ตราตรึงไปยาวนาน เหมือนมิตรภาพของวัยรุ่นกลุ่มนี้ ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน คือเงาสะท้อนของคนที่มีเพื่อนและเคยมีเพื่อนทั้งหลายนั่นเอง
ใกล้ตัวและจับต้องได้ง่ายแสนง่าย
ได้ทั้งอารมณ์ และจินตนาการพร้อมกันไป
อย่างน้อยคราวต่อไป หากคนที่ได้ชมโฆษณาชิ้นนี้ คิดจะนัดเชื่อม ฟื้น หรือรำลึกมิตรภาพกับใครๆ ก็หนีไม่พ้นที่ร้านสุกี้ (ของใครล่ะ ถ้าไม่ใช่ที่นี่)…ยิงกระสุนนัดเดียวได้นกหลายตัวพร้อมกัน
เพราะเหตุว่า ใครๆ ในโลกนี้ ล้วนต้องการเพื่อนทั้งนั้น ส่วนจะเป็นเพื่อนแบบไหน เป็นเรื่องรายละเอียดที่รู้กันเอง…คนอื่นไม่เกี่ยว!!
MK “Friends”
Client : MK Resturant Co.,Ltd.
Production House : บ.เดอะ ฟิล์ม แฟคตอรี่ จำกัด
Director & Creative : วิศิษฎ์ ศาสนเที่ยง
Executive Producer : เรวัต วรรัตน์
Producer : วรัญญา เหล่ายนตร์
D.O.P : ชาญกิจ ชำนิภัยพงศ์
Duration : 01.00
Date : 18 Dec 2007