ไอเดียนวัตกรรม! ต่อยอดความชอบสู่รายได้ รู้จัก “PRO-toys” ธุรกิจที่เริ่มต้นจาก Pain Point

  • 89
  •  
  •  
  •  
  •  

ในยุคเปลี่ยนผ่าน…ที่ทำให้ทุกอุตสาหกรรมต้องปรับตัว ต้องสร้างความตื่นเต้น แปลกใหม่ เพื่อดึงดูดและเข้าถึงใจผู้บริโภค จนนำมาสู่การ Transformation ทั้งภาพลักษณ์และรูปแบบธุรกิจ หนียุค Disruption ภาวะอันตรายที่ไม่มีใครอยากเผชิญ!

“จากประสบการณ์ที่คลุกคลีกับสายงานเอเจนซี่และโปรดักชั่นเฮ้าส์ ทำให้เรารู้ว่าการสร้างความแตกต่างและใส่ความน่าสนใจให้คอนเทนต์ สำคัญมากแค่ไหนในยุคนี้” คุณบงการ พยัฆวิเชียร ในฐานะ Co-Founder บริษัท PRO-toys จำกัด เริ่มต้นเล่ามุมมองในการสร้างคอนเทนต์และที่มาของการก่อตั้งบริษัท

IMG_4931

ถ้าพูดถึง PRO-toys อาจยังไม่ค่อยคุ้นหูผู้บริโภค แต่ในมุมการจัดอีเว้นท์ แวดวงโปรดักชั่น แม้แต่งานโฆษณา งานภาพยนตร์ หรือเวดดิ้งแพลนเนอร์ ชื่อของบริษัทแห่งนี้ที่เพิ่งก่อตั้งเมื่อช่วงกลางปี 2016 กำลังได้รับความสนใจมากทีเดียว

ต้องยอมรับว่าก่อนหน้านี้ เราเคยเห็นบูธที่มีการจัดกล้อง DSLR หลายสิบตัวเรียงกันเป็นครึ่งวงกลมหรือเกือบเป็นวงกลมบ้าง ตามงานอีเว้นท์ งานประชุม งานจัดแสดงสินค้าและเทคโนโลยีอยู่บ่อยครั้ง ในงาน Asia Digital Expo 2018 ก็เช่นกัน เป็นอีกครั้งที่เราเห็นบูธลักษณะดังกล่าวภายในงาน สร้างความโดดเด่นและดึงดูดสายตาของผู้เข้าชมงาน(รวมถึงเรา)ได้แทบจะทันที ยิ่งได้พูดคุยก็ยิ่งรู้สึกสนใจ จนอยากนำเรื่องราวและแนวคิดในการทำธุรกิจแบบ Multi Camera มาเล่าให้คุณฟัง…!

2 ผู้ก่อตั้งธุรกิจ

ใช้ประโยชน์จากความชอบ รวมไอเดีย…ต่อยอดสู่ธุรกิจ

คุณบงการ ได้แชร์ไอเดียธุรกิจว่า ตนเองเริ่มต้นจากสายงานเอเจนซี่และบริษัทฟลูเซอร์วิส โปรดักชั่น เฮ้าส์ โดยมีประสบการณ์รวมกว่า 17 ปี ก่อนจะต่อยอดสู่บริษัท PRO-toys ซึ่งให้บริการเทคโนโลยี Multi Camera โดยเรียกชื่อว่า Matrix เพื่อสร้างมุมมองและประสบการณ์ใหม่ให้ภาพถ่าย จากการลงทุนด้วยงบประมาณเริ่มต้นหลายสิบล้านบาท อาศัยความชื่นชอบด้านเทคโนโลยีและแก็ตเจ็ตมาต่อยอดสู่การให้บริการโปรดักชั่น เฮ้าส์ ด้วยรูปแบบที่แตกต่างและน่าสนใจ เพื่อรองรับเทรนด์การสื่อสารและคอนเทนต์ในปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไป

“ช่วงแรกเราพัฒนาออกมาเป็นลูกเล่นใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าเท่านั้น เพราะสิ่งที่เราเรียนรู้จากธุรกิจเดิม คือ เมื่อเศรษฐกิจไม่ดีคอนเทนต์จะกลายเป็นส่วนแรกที่ถูกลดถูกตัดงบประมาณ เราจึงพัฒนา Matrix ตั้งแต่ 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยใช้ความเชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมตามแบบฉบับของเรา จนเกิดเป็นประสบการณ์ใหม่ในการนำเสนอคอนเทนต์ เปลี่ยนภาพนิ่งให้เป็นวิดีโอผ่านระบบควบคุมการสั่งการกล้อง DSLR จำนวนมากในเวลาเดียวกันและเชื่อมต่อให้ภาพนิ่งที่ได้กลายเป็นภาพเคลื่อนไหว ใส่กราฟิกเพิ่มเติมได้ ใส่โลโก้ ติดแบรนด์ พร้อมแชร์ไปยังเฟซบุ๊ก อีเมล หรือจะเลือกปริ้นท์ภาพก็ทำได้ทันที ถือเป็นการสร้างรูปแบบแปลกใหม่ในสายงานของเราและสร้างโอกาสทางธุรกิจไปพร้อมกัน เรียกว่าเป็นนวัตกรรมทางความคิดซึ่งเราภูมิใจว่าเกิดจากคนไทยคิดและคนไทยทำ จนตอนนี้ต่อยอดเป็นบริษัท PRO-toys เพื่อให้บริการแก่ผู้ที่สนใจ”

พูดเต็มปาก “นวัตกรรมไทยทำ 100%”

แม้ว่าไอเดียการถ่ายภาพแบบ Multi Camera จะเกิดขึ้นจากภาพยนตร์ต่างประเทศเรื่อง The Matrix แต่เรามั่นใจว่าผู้ให้บริการด้วยนวัตกรรมเต็มรูปแบบนั้น PRO-toys ยังเป็นอันดับต้นๆ และเป็นรายเดียวในประเทศไทย เรียกว่าอุปกรณ์ทั้งระบบของเทคโนโลยี Matrix ยกเว้นกล้อง DSLR บริษัทเราเป็นผู้พัฒนาทุกอย่างโดยเรียกว่า Embeded ครบวงจรทั้งซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์ เหมือนเป็น IoT ที่ควบคุมระบบทั้งหมด ซึ่งไม่ใช่แค่การรับไฟล์ภาพผ่านอีเมล เฟซบุ๊ก เรายังมี QRCode เพื่อความสะดวกและปลอดภัยของข้อมูลให้ผู้ถ่ายภาพได้ดาวน์โหลดได้อย่างเป็นส่วนตัว และอนาคตอาจมีการต่อยอดสู่แพลทฟอร์มออนไลน์อื่น เช่น YouTube Twitter Instagram ในอนาคต

2

Pain Pointคือแรงผลัก Thai can do

Co-Founder บริษัท PRO-toys ยังเล่าถึแรงผลักดันสำคัญในการทำธุรกิจรูปแบบดังกล่าวว่า เราไม่เคยทำตลาด เพราะอย่างที่บอกว่าเราเริ่มต้นพัฒนาเพื่อให้บริการลูกค้ากลุ่มฟิล์มโปรดักชั่นส์และอีเว้นท์ตามโจทย์ที่ลูกค้าต้องการ ซึ่งเราเริ่มต้นจากงานที่ใช้กล้อง DSLR ราว 15-17 ตัว ซึ่งลูกค้ารายแรกของเรา คือ หนึ่งในผู้ผลิตภาพยนตร์ Bollywood

“แรงผลักที่ทำให้เราตัดสินใจออกไปประกวดตามงานและเวทีต่างๆ คือ ต้องการสร้างความเชื่อมั่นในผลงาน เพราะชื่อไทยแลนด์ยังไม่ได้เป็นที่รู้จักของชาวต่างชาติมากนัก หลายครั้งที่เราไปประกวดแล้วบอกว่ามาจากประเทศไทยพวกเขากลับคิดว่าเราเป็นประเทศอื่น รวมถึงคนไทยก็ไม่มั่นใจศักยภาพของคนไทยด้วยกันเอง เปรียบเหมือน Pain Point ที่เราเจอและต้องการเอาชนะเรื่องดังกล่าว ดังนั้น รางวัลหรือชื่อเสียงที่ได้จากการประกวดทั้งเวทีในประเทศและต่างประเทศไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด แต่การล้างความรู้สึกเชิงลบที่คนไทยมีต่อโปรดักส์หรือบริการของคนไทยด้วยกันได้ นี่คือเป้าหมายสำคัญที่เราต้องการบอกกับทุกคนทั้งโลกว่า Thai can do ซึ่งขณะนี้ก็มีการพูดคุยกับ VC บางรายอยู่ และเรายังมองถึงการเข้าสู่ IPO เพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องด้วย”

ออกนอกกรอบงานโฆษณา-ภาพยนตร์ สร้าง Experian to do ให้แบรนด์

ตอนนี้ระบบ Matrix ของบริษัทมีให้เลือกหลายรูปแบบตามจำนวนกล้อง โดยมีตั้งแต่ 1X-4X ซึ่ง 1X = ใช้กล้อง DSLR10 ตัว ให้มุมภาพ 90 องศา และเพิ่มไปจนถึง 4X= กล้อง 40 ตัว ให้มุมภาพ 360 องศา จากจุดเริ่มต้นที่พัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าวเพื่อใช้ในงานโฆษณาและภาพยนตร์ ปัจจุบันบริษัทเริ่มมีรายได้จากลูกค้าในอุตสาหกรรมอื่น อาทิ Event , Wedding, กลุ่ม MICE เข้ามาเพิ่ม เพราะเทคโนโลยีของเราไม่ได้สร้างแค่มุมมองใหให้ภาพถ่าย แต่ยังสร้าง Experianto do คือ ทำให้คนเกิดส่วนร่วมในคอนเทนต์ที่เกิดขึ้นและส่งต่อคอนเทนต์ออกไปยังกลุ่มเพื่อน โลกออนไลน์ ด้วยความเต็มใจ จึงกลายเป็นอีกเครื่องมือสำหรับการสร้างแบรนด์ สร้างEngage สู่ผู้บริโภค ทำให้ปัจจุบัน บริษัทมีลูกค้า 2 ส่วนหลัก คือ กลุ่มมาร์เก็ตติ้ง และหน่วยงานราชการโดยเฉพาะกลุ่ม MICE ซึ่งรายได้ที่เกิดขึ้นก็ยังไม่มากนักและถูกนำมาใช้เพื่อต่อยอดการลงทุนนวัตกรรม

IMG_0415

 วาง 3 Solutions ต่อยอดธุรกิจ

ในเชิงการทำตลาด เราจะเน้นการพัฒนาด้าน R&D เพื่อสร้างลูกเล่นและบริการใหม่ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันก็จะเน้นความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ โดยเฉพาะการต่อยอดร่วมกับแบรนด์หรืออีเว้นท์ระดับโลก ซึ่งจะช่วยให้เกิดการรับรู้ในแบรนด์ PRO-toys ไปพร้อมกัน ส่วนการต่อยอดธุรกิจนั้น เราวางแผนจะใช้กลยุทธ์ 3 รูปแบบ ได้แก่ 1.Rental ด้วยการออกโปรดักส์ใหม่ซึ่งเชื่อว่ายังมีโอกาสเติบโตอีกมากจากลูกค้ากลุ่ม B2B2.Selling การมีบูธถาวรตั้งอยู่ตามสถานที่ต่างๆ เช่น สวนสาธารณะ แหล่งท่องเที่ยว 3.Business Solution เพื่อต่อยอดสู่เทคโนโลยีอื่น เช่น AI , AR , VR เพื่อเปลี่ยนประสบการณ์และมุมมองคอนเทนต์ให้น่าสนใจ

“ในอนาคตเราจะต่อยอดไปสู่เทคโนโลยีใหม่ๆ ไม่ได้หยุดแค่ Matrix หรือเทคโนโลยี Selfie แต่เรากำลังมองถึงความสามารถใหม่ๆ ในการสร้างสรรค์คอนเทนต์ เช่น เทคโนโลยี Giga Selfie เทรนด์น่าสนใจสามารถถ่ายภาพแบบ Selfie แล้วได้ภาพมุมกว้างแบบ Landscape พร้อมกันในช็อตเดียว หรือ การทำ Selfie Mod เปลี่ยนภาพ Selfie เป็น 3D เป็นต้น”

นอกจากนี้ อาจมีการขยายออฟฟิศไปจังหวัดเชียงใหม่และภูเก็ต เนื่องจากทั้ง 2 จังหวัดถือเป็น Smart City มีชาวต่างชาติเดินทางท่องเที่ยวอยู่ตลอด ทำให้มีความต้องการผลิตคอนเทนต์จำนวนมากเพื่อดึงดูดความสนใจ ประกอบกับบริษัทต้องการทดลองทำธุรกิจแบบโมเดลสาขาก่อนขยายสู่ตลาดต่างประเทศในอนาคต เช่น สิงคโปร์ อินโดนีเซีย เวียดนาม ซึ่งถือเป็นกลุ่มประเทศที่มีการลงทุนด้านคอนเทนต์ รวมถึงประเทศออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นประเทศที่มีนวัตกรรมลักษณะเดียวกับ PRO-toys แต่มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าที่เราให้บริการอยู่ค่อนข้างมาก.

4 5

 

Copyright © MarketingOops.com


  • 89
  •  
  •  
  •  
  •  
Ms.นกยูง
เมื่อโลกไม่เคยหยุดหมุน เราก็ไม่ควรหยุดเรียนรู้... ชวนคุณมาทำความรู้จักหลากหลายเรื่องราว ทั้งสาระและสีสันบนโลกดิจิทัลไปพร้อมกัน