พูดคุยกับ 2 หมาป่า “เต้ย-แพร” ผู้อยู่เบื้องหลังงานเปิดตัว “เจ้านายขายน้ำสิงห์” ไวรัลสุดปังส่งท้ายปี  

  • 766
  •  
  •  
  •  
  •  

หายสงสัยกันเสียทีกับไวรัลดัง “น้องเจ้านาย” ขายน้ำ ซึ่งเมื่อเฉลยแล้วก็ทำให้ทราบว่า เป็นการเปิดตัว “น้องเจ้านาย” กับการเป็นพรีเซ็นเตอร์ครั้งแรกให้กับน้ำดื่มตราสิงห์

แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับว่าช่วยส่งให้กระแสการเป็นพรีเซ็นเตอร์ครั้งนี้แรงมาก มาจากไอเดียการส่งน้องเจ้านายไปขายน้ำที่ร้านสะดวกซื้อแบบเนียนๆ จนเมื่อเฉลยก็กลายเป็นงานสุดเซอร์ไพรส์ที่หลายคนชื่นชมว่า เป็นการเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์แบรนด์ที่แปลกและแหวกแนวจริงๆ ซึ่งส่วนหนึ่งต้องชมความกล้าของแบรนด์น้ำสิงห์ที่ยอมเล่นเกมเสี่ยง ในขณะเดียวกันก็ต้องชื่นชมผู้อยู่เบื้องหลังไอเดียนี้ได้แก่ Wolf อินดีเพนเดนซ์ เอเจนซี่เลือดใหม่ ที่สามารถแคร็กโจทย์และตีออกมาเป็นไอเดียนี้ได้ โดยเราได้มีโอกาสพูดคุยถึงเบื้องหลังไอเดียนี้จาก เต้ย-ต่อศักดิ์ ชื่นประภา Co-Founder and Chief Creative Officer และ แพร-พรรณิกา วงศ์สายัณห์ Co-Founder and Managing Director

wolf-singha-1

แพรกล่าวว่า จริงๆ อยากจะขอบคุณลูกค้าเพราะว่าตอนลูกค้าบรีฟมานั้น พูดมาชัดว่าอยากหาทางใช้พรีเซ็นเตอร์ให้ได้ในแบบ Best used of presenter และต้องเป็นในแบบไม่ซ้ำใคร และให้คนจดจำได้ ซึ่งวิธีการทำงานของ Wolf เราก็จะพูดคุยกับลูกค้าตลอด ไม่ใช่แค่ลูกค้าให้โจทย์มาแล้วกลับบ้านไปคิด แต่เรามีการสื่อสารกันตลอดเวลา อีกโจทย์ที่แบรนด์อยากได้คือ ต้องการสื่อสารกับกลุ่มลูกค้าที่เด็กลงกว่าแคมเปญ A Part Of You ลงไปอีก ที่สำคัญต้องพูดจาภาษาเดียวกับเขาเลย

เต้ยเสริมว่า เมื่อได้โจทย์แล้วเราก็มานั่งคิดว่าที่เขาให้มาเราจะทำไงให้เกิดประโยชน์ ถ้าการเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์เป็นอีเวนท์ 1 ครั้ง ก็แค่จอง โรงแรม เชิญนักข่าว หนึ่งอีเวนท์หมดไป แต่มีคนที่อยากจะดูจริงๆ หรือ อยากจะแชร์ข่าวนี้จริงๆ หรือ? แล้วใครจะจดจำได้

แคร็กโจทย์ลูกค้าให้เป็นงานว้าว!

ดังนั้น เมื่อสรุปความโจทย์ได้ว่า  1.คนต้องสนใจและจำได้ 2.ต้องผลักดันยอดขายขวดเพ็ทในร้านสะดวกซื้อ (เพราะขวดเพ็ทส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่นิยมซื้อมากที่สุด) จะทำยังไงให้สองอย่างนี้มาเจอกัน แล้วโยงมาที่ตัวพรีเซ็นเตอร์ได้ ก็ทำให้เกิดไอเดียพาน้องเจ้านายมาขายน้ำดื่มขวดที่ร้านสะดวกซื้อนั่นเอง

นอกจากนี้ สิ่งที่สังเกตจากไวรัลคลิปนี้ ซึ่งทั้งเอเจนซี่และแบรนด์ยืนยันว่า 2 ล้านกว่าวิวเป็นออร์แกนิคเพียวๆ เลย เกิดจากการเล่นกับความสงสัยของคน ความลังเล และความไม่แน่ใจ ซึ่งเต้ยเฉลยว่า ถูกต้อง

“ข้อดีอย่างหนึ่งของน้องเจ้านาย นอกจากเสน่ห์ความน่ารัก ความเป็นธรรมชาติแล้ว เจ้านายยังไม่ใช่ดาราที่เราคุ้นเคยหน้าตานัก ที่เห็นปุ๊บรู้ปั๊บ แต่ยังมีบางส่วนที่ทำให้คนทั่วไปไม่ชัวร์ เป็นแบบ Up coming กำลังมา มีทั้งคนที่รู้จักและยังไม่รู้จัก เราอยากได้รีแอ็คแบบนี้ คือทำไงให้เกิดกระแสแบบเอ๊ะใช่หรือไม่ใช่”

แพร กล่าวเสริมข้อนี้ว่า ข้อดีอีกอย่างคือ น้องค่อนข้างใหม่ เราจะเห็นน้องเล่นโฆษณาเป็นครอบครัวมาบ้าง แต่ตัวนี้คือการเป็นพรีเซ็นเตอร์เต็มตัวครั้งแรกที่ฉายเดี่ยวและเป็นจริงเป็นจัง

singha7

โยงกับครอบครัวเบคแฮม  

ในช่วงที่กระแสยังกรุ่นๆ มีคนนำไปโยงกับการที่บรู๊คลิน เบคแฮม ก็ไปทำงานพิเศษพาร์ทไทม์ก่อนหน้านี้เหมือนกันทั้งๆ ที่บ้านมีฐานะดีมาก ตรงจุดนี้ เต้ยยืนยันว่า ไม่ได้คิดเลย แต่ต้องชมคนโยงนะเก่งมาก

เต้ย บอกอีกความลับหนึ่งด้วยว่า เหตุที่เลือกถ่ายที่สาขาสุขุวิท 33 เพราะมองว่าเป็นย่านที่ไม่มีคนรู้จักน้องเจ้านายเยอะ เพราะเป็นย่านคนคนต่างชาติ คนทำงาน แต่ถ้าเราต้องการให้เกิดกระแสแบบรู้เลย ไม่ใช่ลังเลๆ เราก็คงเลือกไปที่สยามแล้ว ซึ่งมั่นใจว่ามีคนรู้จักชัวร์ แต่อย่างที่กล่าวว่าต้องการให้เกิดมุมแบบใช่หรือไม่ใช่ จึงเลือกไปที่ย่านนั้นแทน

เบื้องหลังการถ่ายทำ

เต้ย เล่าว่า เราเข้าไปซ่อนกล้องแบบให้เนียนที่สุด โดยบรีฟกับทีมว่าต้องไม่ให้เห็นกล้องเลยนะ ส่วนอีกตัวก็เป็นตัวเล็กๆ ตั้งอยู่ที่เชลฟ์ในร้าน ทำให้ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคนถึงคิดว่าน้องมาทำงานจริงๆ ซึ่งเราก็โอเพ่นเลย ไม่มีการเมค เป็นลูกค้าจริงๆ ทีเดินเข้าร้าน แล้วเราก็ไม่ได้มีการเตี๋ยมใดๆ กับน้องเจ้านายเลย มีเพียงแค่ให้ผู้จัดการร้านมาสอนการคิดเงินกับเครื่องเท่านั้นเพื่อให้เกิดความสมจริงในการทำงาน

singha5

“สิ่งเดียวที่ย้ำก็คือบอกกับน้องว่า ห้ามบอกว่าเป็นใคร เพราะเราต้องการทำให้เกิดความลังเล ความสับสน อย่างตอนที่มีคนถามว่า พ่อเจสบายดีไหม น้องก็ด้นสดเองเลยตอบเขาไปว่า ไม่ใช่ครับพ่อผมชื่อต้น เป็นสิ่งที่น้องก็คิดขึ้นเองไปสดๆ เลย”

เมื่อถามย้ำว่าการแชร์กระหึ่มที่เกิดขึ้นเป็นออร์แกนิคล้วน เต้ย บอกว่า ใช่ วันที่ 10 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันแรกที่ถ่ายทำ เราก็ไม่ได้โพสต์อะไรเลย เพิ่งจะมาโพสต์เฉลยเมื่อวันที่ 12 ธันวาคมนี้เอง

กระแสด้านลบ ที่ถูกตั้งคำถามเรื่องการทำงานแบบบอกไม่หมด

เต้ย ยืนยันว่า ไม่ชอบการทำงานแบบหลอกลวงอยู่แล้ว เราคุยตั้งแต่แรกว่าเราจะไม่ทำ

“ผมคิดว่าการทำไวรัลแบบนั้นมันเชยมาก และจริงๆ แล้วคลิปกับภาพที่ออกมาก็ไม่ได้ออกมาจากเรา แล้วที่สำคัญเจ้านายก็ไปทำงานจริงๆ คือไปขายน้ำดื่มสิงห์ แต่เราก็คิดเอาไว้แล้วว่าพอเกิดความสงสัยแบบนี้ เราจะต้องรีบทำคลิปออกมาเฉลยให้เร็วที่สุด แล้วพอเราทำคลิปออกมาว่าที่แท้คืออะไร ก็มีคนเห็นด้วยว่า เออ…เขาก็ขายของจริงๆ นะเขาไม่ได้หลอก”

ฟากแพร กล่าวเสริมว่า มีเรื่องหนึ่งที่ชอบมากๆ เลยคือ คีย์เวิร์ดหลักๆ คือเรื่องของความเป็นธรรมชาติ กับการทำงานร่วมกับน้อง คือเขามีความเป็นธรรมชาติมาก ข้อสอง คือเราอยากได้ความรู้สึกเรียล คอนซูเมอร์ที่มาอยู่บนวิดีโอมันต้องเรียล และด้วยความสมจริงเหล่านี้ก็ทำให้พบว่าสิ่งหนึ่งว่า เมื่อทุกอย่างมันเกิดบนโซเชียลฯ ก็อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้ แต่ก็กลายเป็นว่าก็มีชาวเน็ตนี่แหละออกมาคอยปกป้องแบรดน์ จู่ๆ ก็เกิด Advocacy เราพบกับคนที่ลุกขึ้นมาโพรเทคแบรนด์ โพรเทคน้องเจ้านายว่าจริงๆ แล้วน้องก็ไปทำงานนะ ไปทำงานให้กับแบรนด์สิงห์ไง มีคนมาช่วยพูดเยอะมาก ซึ่งเราเองประทับใจและเราก็ไม่ต้องมาจ้างให้เขามาทำอะไรแบบนี้เลย ดังนั้น ในแง่คนทำงานไม่ว่าอุปสรรคจะเป็นอะไรก็ตาม ถ้าจุดตั้งต้นมันถูกที่เหลือโอเค

singha8

“และที่สำคัญมากที่สุด พอเวลาเขาอยากมีส่วนร่วมกับสิ่งนี้แล้ว แปลว่าเขายอมเปิดใจกับแบรนด์ กับน้ำดื่มสิงห์ สุดท้ายอาจจะเห็นว่าเขาแชร์น้องเจ้านาย แต่เขาได้พกเอาคอนเทนต์ของแบรนด์ไปด้วยแล้ว เพราะว่าวันนี้น้องเจ้านาย เท่ากับน้ำดื่มสิงห์”

ความท้าทายใหม่ เมื่อผู้บริโภคไม่อยากฟังแบรนด์หรือโฆษณาอีกต่อไป

แพร กล่าวว่า จริงๆ วันนี้อันแรกที่ต้องเริ่มทำคือเข้าใจ Customer Journey อาจเป็นคำพื้นๆ แต่ Journey ของคนวันนี้มันเปลี่ยนไปหมดแล้ว ถ้าคอนซูเมอร์เปลี่ยนแต่เรายังเหมือนเดิม สุดท้าย message ที่ลูกค้าหวังไว้มันก็จะไม่มีทางเจอกัน ต่อให้ครีเอทีฟทำงานให้ยอดเยี่ยมอย่างไร แต่มันอยู่ผิดที่ มันก็จะไม่เกิดผลอะไรขึ้นเลย

singha6

“เมื่อไหร่ก็ตามที่เราทำให้เขาเห็นว่าเราอยู่ในลัทธิเดียวกัน อยู่ใน Tribe เดียวกัน เราเห็นความสำคัญของเรื่องเดียวกัน คนก็พร้อมที่จะไปอยู่ในที่ๆ แบรนด์อยากไปอยู่ วันนี้ในเมื่อเราอยู่ในฐานะคนทำแบรนด์ เป็นคนที่ช่วยลูกค้าทำแบรนด์ ดังนั้น เรามาทำแบรนด์ที่ทำจริงๆ ไหม มันหมดยุคแล้วที่จะมาทำแบรน์ในแบบที่พูดภาพสวยๆ แล้วหวังที่คนจะเชื่อ เพราะโลกสมัยนี้มันจริงหมดแล้ว คนพร้อมที่จะเข้ากูเกิ้ลแล้วเสิร์ชว่าคนๆ นั้นไมได้เป็นแบบนั้นจริงๆ แล้ว”

ในขณะที่ เต้ย บอกว่า ผมเชื่อในความไม่หลอกลวงคนเป็นสิ่งที่สำคัญมาก คอนเซ็ปต์ผมคือ Brand That do เราไม่เชื่อใน Story Telling เราเชื่อใน Story Doing เราเชื่อในการที่แบรนด์ต้องทำจริงๆ แบรดน์จะมาพูดว่าทำอย่างนั้นอย่างนี้อย่างเดียวไม่ได้ แต่แบรดน์ต้องทำจริงๆ สิ่งสำคัญที่สุดคือ ความจริงใจ ความซื่อสัตย์ เพราะฉะนั้นอะไรที่ทำให้คอนซูเมอร์รักแบรนด์ ก็ต้องมาจากสิ่งที่แบรนด์ทำจริงๆ

 

และนั่นคือเหตุผลทั้งหมดที่ทำให้งานเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์ใหม่ของ น้ำดื่มสิงห์ ปังส่งท้ายปีแต่ที่น่าสนใจไปกว่านั้นคือหลักคิดและหลักการทำงานของ Wolf เพียงแค่งานแรกก็ได้รับการตอบรับดีขนาดนี้ อดใจรอชมผลงานชิ้นต่อไปจาก Wolf ไม่ได้จริงๆ.

Copyright © MarketingOops.com


  • 766
  •  
  •  
  •  
  •  
pigabyte
การเรียนรู้ไม่มีวันจบสิ้น มาเรียนรู้และสนุกไปกับบทความ จาก MarketingOops! กันนะคะ แล้วเราจะได้ค้นพบว่าโลกของ Marketing นั้น So Sexy and Cool!
CLOSE
CLOSE