VR เทคโนโลยีที่พร้อมแล้วสำหรับทุกบ้าน

  • 195
  •  
  •  
  •  
  •  

เราได้ยินคำว่า VR กันมานานมาก แต่ก็ขอบอกอย่างดีใจเลยว่า ตอนนี้เราเข้าใกล้ยุคสมัยของ Virtual Reality หรือ VR มากกว่าอดีตที่เคยผ่านมา เทคโนโลยีที่มีอยู่ตอนนี้ทำให้เราได้แว่นที่จะพาเราไปสู่โลกเสมือนได้สมจริง และราคาไม่สูงมากแบบแต่ก่อนแล้ว ซึ่งบทความนี้ผมจะร้อยเรียงเรื่อง VR ให้ฟังกันครับว่า ทำไมถึงมาบูมในตอนนี้

เริ่มต้นกันด้วย Gadget ที่ปลุกกระแส VR ให้กลับมาได้อีกครั้งคือ Oculus Rift โดยพ่อหนุ่ม Palmer Luckey ที่ทำให้ผู้คนในวงการเกมกลับมาเชื่ออีกครั้งว่า Virtual Reality คือ สิ่งที่เป็นไปได้แล้วในตอนนี้

Oculus Rift

Oculus Rift เป็นโปรเจ็กต์ VR ยุคใหม่ตัวแรกๆ ที่ทำให้โลกกลับมาสนใจเทคโนโลยีนี้อีกครั้ง หลังจากเฟลไปหลายรอบในยุค 90 และ 2000 แถมยังถูกเฟซบุ๊กซื้อกิจการเมื่อปี 2014 ไปถึง 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งปรากฏเป็นภาพชัดขึ้นตอนนี้ที่ Mark Zuckerberg ขึ้นเวที Oculus Connect 3 เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2016 โชว์ภาพอนาคตว่าเราจะใช้ VR สื่อสารกับคนอื่นๆ ผ่าน Avatar ได้อย่างไร

Oculus Rift ฉบับขายจริงนั้น ประกอบด้วยตัวแว่นที่มีความละเอียด 2,160 x 1,200 พิกเซล ให้ Refresh Rate 90 Hz และหูฟังที่ให้เสียง 3 มิติรอบทิศทาง ติดตั้งมากับแว่น นอกจากนี้ยังมีตัว Constellation หรืออุปกรณ์จับการเคลื่อนไหวของศีรษะ ทำให้ผู้เล่นสามารถขยับตัวในโลกเสมือน โดยที่ภาพก็จะเคลื่อนไหวตามการเคลื่อนที่ของศีรษะด้วย ในส่วนของการควบคุมก็มีจอย XBOX One มาให้ แต่ถ้าต้องการสัมผัสประสบการณ์โลก VR จริงๆ คงต้องรอจนกว่าจอย Touch จะออกในช่วงปลายปีนี้

Oculus Rift จึงเป็นเหมือนสะพานที่เปิดผู้คนทั่วโลกให้กลับมาสนใจเทคโนโลยี VR อีกครั้ง และเป็นจุดเริ่มต้นของเทคโนโลยี VR หลายอย่างที่กลับมาบูมในช่วงนี้

oculus-rift

Google Cardboard, Gear VR

หลังจากที่ Oculus Rift ประสบความสำเร็จในการระดมทุนผ่าน Kickstarter ในปี 2012 ทำให้กระแสของ VR เริ่มมีมากขึ้น Google จึงออก Cardboard แว่นกระดาษใส่สมาร์ทโฟนลงไปเป็นจอภาพและหน่วยประมวลผล ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกในงาน Google I/O 2014 ด้วยความที่มันเป็นผลิตภัณฑ์ราคาถูก ตกอันละไม่กี่ร้อยบาท และเปิดให้นักพัฒนาภายนอกสามารถพัฒนาต่อได้ มันจึงประสบความสำเร็จอย่างมาก Google ได้ประกาศว่า ส่งมอบ Cardboard ไปมากกว่า 5 ล้านชิ้นในปี 2016 และมีแอพฯ ที่รองรับ ทั้งบน iOS และ Android มากกว่า 1,000 ตัว ถือว่า Cardboard ประสบความสำเร็จมาก ในการพาโลก VR ระดับเริ่มต้น ไปสู่คนทั่วโลก

ในฝั่งของ Samsung ก็ได้จับมือกับ Oculus เพื่อพัฒนา Gear VR แว่นตาที่ใช้มือถือ Samsung Galaxy แทนจอและหน่วยประมวลผล ซึ่งโดยหลักการทำงานแล้ว ก็เหมือนกับ Google Cardboard แต่เพิ่มฮาร์ดแวร์พิเศษเข้าไปในแว่น ทำให้ตรวจสอบการหมุนของศีรษะได้ดีขึ้น และได้ซอฟต์แวร์จาก Oculus มาช่วยเสริม แต่อย่างไรก็ตามทั้ง Google Cardboard และ Samsung Gear VR ก็ยังไม่สามารถให้ประสบการณ์การอยู่ในโลกเสมือนได้เทียบเท่า Oculus Rift เพราะไม่สามารถปรับภาพตามตำแหน่งของศีรษะได้

google_cardboard

samsung-gear-vr-2

HTC Vive

ระหว่างที่ Oculus Rift กำลังได้รับความสนใจจากคนทั่วโลก เหล่าเกมเมอร์ต่างเทใจหยอดกระปุกรอวันจำหน่ายของ Rift แต่แล้วคู่แข่งฟ้าประทานของ Oculus ก็เกิดขึ้น นั้นคือ HTC Vive จากอดีตค่ายมือถือชื่อดัง

Vive เริ่มต้นจาก Valve เจ้าของร้านเกมที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง Steam ได้พัฒนาแว่น VR ของตัวเองในปี 2014 แล้วอยู่ๆ ในปี 2015 โปรเจ็กต์แว่น VR ของ Valve ก็แปลงร่างเป็นโครงการร่วมกับ HTC โดย Vive เปิดตัวในงาน Mobile World Congress 2015 จนเมื่อมันออกวางขายก่อน Oculus Rift แถมยังให้ประสบการณ์การเล่นที่ดีกว่า Rift อีก เรียกว่างานนี้ HTC และ Valve ทำการบ้านมาดีจริงๆ

ตัวแว่นของ Vive มีสเป็กใกล้เคียงกับ Rift คือ ใช้จอความละเอียดเท่ากัน เคลื่อนไหว 90 Hz เหมือนกัน ใช้คอมพิวเตอร์เพื่อเล่นสเป็กโหดเหมือนกัน แต่ที่แตกต่างคือ ตัวแว่นของ Vive นั้นประกอบด้วยเซนเซอร์หลากหลายตัว แถมยังมีกล้องอยู่ด้านหน้าแว่นอีก ทำให้ระบบสามารถตรวจจับการเคลื่อนไหวภายนอก หรือส่งภาพมาให้คนเล่นชมระหว่างสวมแว่นก็ได้ นอกจากนี้ HTC Vive ยังมาพร้อมเซ็นเซอร์ที่ชื่อว่า Lighthouse 2 ตัวในชุด ที่แม้จะติดตั้งยากหน่อย ต้องเจาะฝาบ้านเพื่อวางเซ็นเซอร์ในตำแหน่งสูง 2 เมตรทั้ง 2 ตัว แต่ก็ทำให้ HTC Vive ตรวจจับการเคลื่อนไหวของผู้เล่นในระดับห้อง ผู้เล่นสามารถเดินไปมาในพื้นที่ของเกมได้ ซึ่งกว้างกว่าพื้นที่ของ Oculus Rift

ทีเด็ดของ Vive คือ จอยเกมแบบถือ 2 ชิ้น ที่ทำหน้าที่แทนมือของเราในเกมเลย ทำให้โลก VR ของ Vive นั้นสมบูรณ์กว่า Oculus Rift ที่ต้องใช้จอย Xbox One ควบคุม หรือต้องซื้อชุดจอย Touch มาเสริมเมื่อมันวางจำหน่าย

ชั่วโมงนี้ คงต้องบอกว่า ถ้ารักการเล่นเกม PC ฝั่ง HTC Vive ดูจะมีภาษีดีกว่า Oculus Rift เสียอีก

htc-vive

PlayStation VR

จุดอ่อนของ Oculus Rift และ HTC Vive คือ ตัวแว่นแพงหลายหมื่น แล้วยังต้องใช้คอมพิวเตอร์ระดับเกมเมอร์ราคาไม่ต่ำกว่า 50,000 บาท เพื่อเล่นอีกด้วย แต่ตอนนี้เรามีทางออกที่ราคาประหยัดกว่า และยังได้คุณภาพที่ดีด้วย นั่นคือ PlayStation VR

PlayStation VR ใช้การตรวจจับความเคลื่อนไหวด้วย PlayStation Camera และจอยเกมก็ยังมี PlayStation Move ที่เคยออกมาตั้งแต่สมัย PlayStation 3 ทำให้เป็นระบบที่ราคาไม่สูงนัก โดยตัว PlayStation VR พร้อมกล้องนั้นมีราคาแค่ 18,990 บาท ซึ่งเมื่อรวมกับราคาของ PlayStation 4 ราคาราว 13,000 บาทก็ยังถูกกว่า PC Gamer เยอะมาก

แล้วจุดแข็งมากๆ ของ PlayStation VR คือ มีเกมชั้นนำรองรับพอสมควร อย่าง Tomb Raider, Resident Evil 7, Star Wars และอื่นๆ ที่จะออกตามมาในอนาคต

ทั้งหมดนี้ คือ สิ่งที่กำลังจะเข้าสู่ชีวิตของเราเร็วๆ นี้ โลก VR ไม่ได้ไกลจนคิดไม่ถึงอีกต่อไป แล้วจับตาดูความเปลี่ยนแปลงของโลกที่เกิดจาก VR กันดีๆ ครับ

ps-vr

 

 

 

ข้อมูลผู้เขียน

Eka_x (เอกพล ชูเชิด

วุ่นวายกับเทคโนโลยีมาตั้งแต่เยาว์วัย จนเริ่มมีอายุเยอะก็จับคีย์บอร์ดหาเลี้ยงชีพด้วยงานเขียนด้านเทคโนโลยีมาตลอด แม้ช่วงหลังจะรับงานเขียนครอบจักรวาลอะไรก็ได้ที่ไม่เกี่ยวกับแฟชั่นเครื่องแต่งกาย แต่แก่นของงานคือเทคโนโลยีที่จะพาลงไปจับกับงานทุกประเภท นอกจากเขียนงานเป็นกระดาษแล้ว ยังเปิด aofapp.com เว็บส่วนตัวที่เล็กมากๆ เพื่อเขียนรีวิวแอพมือถือเรื่อยๆ ในเวลาพอจะว่าง โดยมีเป้าหมายจะรีวิวต่อปีให้ได้เกิน 5 แอพ แต่ถึงจะสาหัสกับงานขนาดไหนก็ยังเขียน แชร์ บ่นไปเรื่อยใน twitter.com/eka_x

 

สามารถติดตามเนื้อหาเพิ่มเติมได้ที่ นิตยสาร digital Age ฉบับที่ 215

digitalagee215x150


  • 195
  •  
  •  
  •  
  •