“เนสท์เล่” 130 ปี จากนมข้นหวาน ขยายสู่ 30 แบรนด์ – ทุ่มหมื่นล้าน รุกธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง – ความยั่งยืน

  • 208
  •  
  •  
  •  
  •  

Nestlé Thailand

จากจุดเริ่มต้นจำหน่าย “นมข้นหวานตราแหม่มทูนหัว” หรือ Milk Maid ถึงวันนี้ “เนสท์เล่” (Nestlé) ผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มรายใหญ่จากสวิสเซอร์แลนด์ เข้ามาดำเนินธุรกิจในไทยเป็นเวลา 130 ปีแล้ว และหลายแบรนด์ – หลายผลิตภัณฑ์อยู่ในครัวเรือน และชีวิตประจำวันของคนไทยตลอดช่วงชีวิต ตั้งแต่เด็กเล็ก เด็กโต วัยรุ่น วัยทำงาน ไปจนถึงเข้าสู่วัยเกษียณ

ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์นม ทั้งนมน้ำและนมผง, อาหารเสริมสำหรับเด็ก, อาหารเช้าซีเรียล, เครื่องดื่มกาแฟ-ชา, ไอศกรีม, น้ำดื่ม, ผลิตภัณฑ์ซองปรุงรส, ผลิตภัณฑ์เสริมโภชนาการสำหรับผู้สูงอายุ ถึงปัจจุบัน “เนสท์เล่ ในประเทศไทย” มีผลิตภัณฑ์ไม่ต่ำกว่า 25 – 30 แบรนด์ รวมกว่า 400 SKU

ในปี 2023 “เนสท์เล่” เดินหน้าลงทุน 10,000 ล้านบาท รับเทรนด์การรับประทานอาหารอย่างสมดุล – ความยั่งยืน และรุกธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง โดยเมื่อไม่นานนี้ได้เปิดโรงงาน Nestlé PURINA Petcare แห่งใหม่ที่ระยอง เพื่อเป็นการการฐานสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยง สำหรับตลาดไทย และส่งออก

Nestlé Thailand_PURINA

 

เส้นทาง 130 ปี “เนสท์เล่ ประเทศไทย” จากนมข้นหวาน ขยายสู่ 30 แบรนด์ กว่า 400 SKU

หากย้อนไทม์ไลน์การเข้ามาของ “เนสท์เล่” ในประเทศไทย ปรากฏเป็นหลักฐานคือ โฆษณา “นมข้นหวานแหม่มทูนหัว” หรือ Milk Maid ในหน้าหนังสือพิมพ์ The Bangkok Time ลงวันที่ 23 สิงหาคม 1893 ซึ่งตรงกับรัชสมัยรัชกาลที่ 5

– ต่อมา “เนสท์เล่” นำเข้าผลิตภัณฑ์สู่ตลาดไทยมากขึ้น เช่น ผลิตภัณฑ์นมตราหมี (1934), แม็กกี้ (1951), ไมโล (1958)

– นอกจากนี้ยังได้ก่อตั้งบริษัทในไทย ภายใต้ชื่อบริษัท “Pronesiam” ในปี 1947 เพื่อจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เนสท์เล่ทั่วประเทศ

Nestlé Thailand

– ในปี 1967 เปิดโรงงานแห่งแรกขึ้น ตั้งอยู่สำโรง สมุทรปราการ

– ในช่วงปี 2018 – 2022 มีการลงทุนต่อเนื่องในประเทศไทยกว่า 13,500 ล้านบาท

– ถึงวันนี้เนสท์เล่ในประเทศไทยมี 25 – 30 แบรนด์ กว่า 400 SKU และมีโรงงาน 8 แห่ง ได้แก่ อยุธยา, นวนคร, ฉะเชิงเทรา, บางชัน, บางปู, สุราษฎร์ธานี, โรงงานเนสท์เล่ เพียวริน่า เพ็ทแคร์ 2 แห่ง (1 แห่งผลิตอาหารสุนัขและอาหารแมวชนิดแห้ง และอีก 1 แห่งผลิตอาหารแมวชนิดเปียก) รองรับทั้งตลาดในประเทดศ และส่งออกไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก

Nestlé Thailand

– ปัจจุบันเนสท์เล่ ประเทศไทย มีพนักงาน 4,000 ตน และมีการจ้างงานทางอ้อมอีกกว่า 10,000 ตำแหน่งจากพันธมิตรธุรกิจ

“เนสท์เล่ ดำเนินธุรกิจในประเทศไทย มีปรัชญาการทำงาน “Good food, Good life” หรืออาหารที่ดี เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี ด้วยหลักการ ESG ได้แก่ สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ภายใต้แผนงานด้านความยั่งยืน Net Zero 2050 และปัจจุบันเนสท์เล่มีผลิตภัณฑ์ 100 รายการที่ได้รับการรับรองสัญลักษณ์ทางเลือกสุขภาพ (Healthier Choice Logo) รวมทั้งดำเนินโครงการให้ความรู้ด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีแก่คนไทยมาหลายทศวรรษ” คุณวิคเตอร์ เซียห์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เนสท์เล่ อินโดไชน่า กล่าว

Nestlé Thailand

 

เผยเทรนด์ผู้บริโภค “รับประทานอาหารอย่างมีสมดุลรักษ์โลกใส่ใจความยั่งยืน”

เนสท์เล่ รายงานเทรนด์ผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ซึ่งมีผลต่อการขับเคลื่อนทิศทางการดำเนินธุรกิจเนสท์เล่ในปี 2023 ดังนี้

เทรนด์ระยะสั้น: หลังก้าวเข้าสู่โลกยุคหลัง COVID-19 จะพบ 2 เทรนด์ใหญ่คือ

– การบริโภคนอกบ้านมากขึ้น

– การบริโภคด้วยความอยากซื้อโดยไม่ได้วางแผนไว้มากขึ้น

เทรนด์ระยะกลาง ถึงระยะยาว

– คนไทยหันมาใส่ใจการรับประทานอาหารอย่างสมดุล หรือ Balanced Diet เพื่อดูแลสุขภาพแบบองค์รวมมากขึ้น ด้วยการเติมเต็มชีวิตในด้านสังคมและจิตใจ

  • การรับประทานอาหารอย่างสมดุล คือ ปรับสมดุลในการบริโภค ด้วยการเลือกทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น ขณะเดียวกันยังคงรับประทานของหวาน หรือขนมที่สร้างความสุขสุนทรีย์เล็กๆ น้อยๆ
  • ที่สำคัญผู้บริโภคไม่ประนีประนอมด้านรสชาติ นั่นหมายความว่า ทุกอย่างต้องมีรสชาติอร่อยเท่านั้น

– มีไลฟ์สไตล์รักษ์โลก เป็นเทรนด์ที่มีมา 2 – 3 ปีแล้ว แต่ปัจจุบันเทรนด์นี้เริ่มขยายวงกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ ในกลุ่มผู้บริโภคไทย พบว่า

  • ผู้บริโภคอายุมากกว่า 45 ปี เริ่มตระหนักถึงความยั่งยืนมากขึ้น
  • คนรุ่นใหม่อายุน้อยกว่า 35 ปี ต้องการสนับสนุนแบรนด์ที่มีแนวทางด้านความยั่งยืน และคาดหวังมากขึ้นว่าแบรนด์จะทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต และมีความโปร่งใสมากขึ้น
  • ผู้บริโภคใส่ใจว่าผลิตภัณฑ์มีที่มาจากไหน และผลิตอย่างไร
  • คนไทย 62% ระบุว่าได้นำแนวทางการบริโภคอย่างยั่งยืนมาใช้ในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์

Sustainability

 

ทุ่ม 10,000 ล้าน รับเทรนด์ผู้บริโภค – รุกธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง ความยั่งยืน

สำหรับแผนธุรกิจ “เนสท์เล่ ประเทศไทย 2023 วางงบลงทุนกว่า 10,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนในโรงงาน 6,500 ล้านบาท และการลงทุนด้านธุรกิจ การตลาด และความยั่งยืน 3,500 ล้านบาท ภายใต้ 2 กลยุทธ์หลักคือ

1. กลยุทธ์ Good for You ขับเคลื่อนสิ่งดีๆ เพื่อผู้บริโภค เสริมสร้างโภชนาการเพื่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับคนไทย ประกอบด้วย

– พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

– พัฒนาพอร์ตโฟลิโอผลิตภัณฑ์ที่มีโภชนาการสูงกว่ามาตรฐานอุตสาหกรรม ผ่านเกณฑ์โภชนาการของบริษัทที่เข้มงวด

– นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เป็นตัวเลือกที่ดีต่อสุขภาพให้กับผู้บริโภคมากขึ้น เช่น ผลิตภัณฑ์ทางเลือกที่ลดน้ำตาล ลดโซเดียม เสริมวิตามินและแร่ธาตุ และพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ทำจากพืช (Plant-based) เช่น แบรนด์ฮาร์เวสต์ กูร์เมต์ (Harvest Gourmet) ในรูปแบบขายปลีก

– งบการลงทุนดังกล่าว จะนำมาใช้กับการขยายกำลังการผลิตโรงงานเนสท์เล่ เพียวริน่า เพ็ทแคร์ ทั้ง 2 แห่ง เพื่อรองรับทั้งการส่งออกมากขึ้น เช่น ประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชีย, ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์ รวมทั้งตลาดในประเทศ

– เดินหน้ากิจกรรมให้ความรู้ต่อเนื่อง ทั้งเนสท์เล่คาราวานครอบครัวแข็งแรง ตั้งเป้าเข้าถึงผู้บริโภค 300,000 คนใน 130 ชุมชนทั่วประเทศ และโครงการสาสุขอุ่นใจ ร่วมมือกับกรมอนามัย สร้างสุขนิสัยการดูแลสุขภาพ

Nestlé Thailand

2. กลยุทธ์ Good for the Planet ขับเคลื่อนสิ่งดี ๆ เพื่อโลก เพื่อบรรลุเป้าหมาย Net Zero ในปี 2050 ซึ่งจากการดำเนินงานตามแผนงานด้านความยั่งยืนของเนสท์เล่ ในประเทศไทย มีความคืบหน้าดังนี้

– 95% ของบรรจุภัณฑ์เนสท์เล่ ประเทศไทย ได้รับการออกแบบให้สามารถนำไปรีไซเคิลได้

– มีการใช้พลังงานทดแทนในกระบวนการผลิต

– มีการใช้เมล็ดกาแฟที่มีการจัดหาอย่างยั่งยืน 100%

ขณะที่ในปีนี้ จะดำเนินการ 2 โครงการใหม่ เพื่อช่วยให้ก้าวสู่เป้าหมาย Net Zero ได้แก่

– โครงการพิทักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำหนองทุ่งทองในจังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์น้ำของโรงเรียนและชุมชนโดยรอบ ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงงานสุราษฎรานี ที่ใช้ผลิตน้ำดื่มเนสท์เล่

– จับมือ PUR Project ในการปลูกต้นไม้ 800,000 ต้นในไร่กาแฟที่จังหวัดระนองและชุมพร โดยมีเป้าหมายลดก๊าซเรือนกระจกให้ได้ประมาณ 200,000 ตันของคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในความมุ่งมั่นของเนสท์เล่ระดับโลกในการลดคาร์บอน เพื่อบรรลุเป้าหมาย Net Zero ในปี 2050

Nestle Thailand_Strategy_2023

เนสท์เล่มีความเชื่อมั่นและมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนตลาดประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเราได้อยู่เคียงข้างคนไทยมากว่า 130 ปี เราเชื่อว่าทั้ง 2 กลยุทธ์สำคัญนี้ จะช่วยให้เราสามารถ ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยในการรับประทานอาหารอย่างสมดุล ด้วยทางเลือกที่อร่อยและดีต่อสุขภาพ ในราคาที่เข้าถึงได้ พร้อมๆ กับการช่วยให้โลกเราน่าอยู่มากขึ้นด้วย” คุณวิคเตอร์ สรุปทิ้งท้าย

Nestlé Thailand

Nestlé Thailand_PURINA


  • 208
  •  
  •  
  •  
  •  
WP
อยู่ในแวดวงนิตยสารธุรกิจการตลาดกว่าสิบปี สนุกและชอบติตตามเทรนด์ ไลฟ์สไตล์ใหม่ๆ และอยากเรียนรู้เพิ่มเติมในแพลตฟอร์มดิจิทัล มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์การตลาดและดิจิทัลร่วมกันนะคะ