เผย‘ช่องทางอิเล็กทรอนิกส์’ เทรนด์การชำระเงินมาแรงของ SME ในอีก 3 ปีข้างหน้า

  • 66
  •  
  •  
  •  
  •  

โลกยุคดิจิทัลในปัจจุบัน ได้ส่งผลให้หลายธุรกิจจำเป็นต้องปรับตัวในหลาย ๆ ด้าน รวมถึง SME ที่ต้องพยายามปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลง โดยผลจากการสำรวจพบว่า การชำระเงินผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ จะเป็นช่องทางฮิตของ SME ในอีก 3 ปีข้างหน้า

การสำรวจดังกล่าว เป็นหนึ่งประเด็นในผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก Krungsri SME Index ในไตรมาส 1/2562 ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ในการสอบถามความคิดเห็นของผู้ประกอบการทั่วประเทศถึงรูปแบบการชำระเงินปรากฏว่า

ผู้ประกอบการ SME ส่วนใหญ่ 53% เลือกชำระด้วยเช็ค เนื่องจากคู่ค้ายังไม่มีการใช้ระบบการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ และไม่มั่นใจด้านความปลอดภัยของระบบและข้อมูลของการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนรูปแบบการชำระเงินในลำดับรองมาคือการชำระผ่าน Internet Banking  (19%) การชำระด้วยเงินสด (15%) และการจ่ายผ่านโมบายแบงก์กิ้ง (8%)

อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาตามพื้นที่จะสังเกตได้ว่า การชำระเงินด้วยโมบายแบงก์กิ้งเป็นที่นิยมในต่างจังหวัดมากกว่าในกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยเฉพาะสำหรับผู้ประกอบการขนาดเล็ก

สาเหตุที่ผู้ประกอบการเลือกช่องทางอิเล็กทรอนิกส์เนื่องจากเหตุผลด้าน 1) ความสะดวก รวดเร็ว ความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจ 2) คู่ค้าส่วนมากใช้ระบบการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ และ 3) ไม่มีค่าธรรมเนียม โดยผู้ประกอบการเกินกว่าครึ่งคาดว่า ในอีก 3 ปีข้างหน้า ธุรกิจจะมีแนวโน้มชำระเงินผ่านระบบการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ ผลสำรวจยังชี้ว่า ผู้ประกอบการ SME มองเศรษฐกิจไตรมาส 1 เติบโตลดลง โดยเฉพาะผู้ประกอบการในภาคบริการที่ดัชนีความเชื่อมั่นติดลบ 25.16 หากพิจารณาตามขนาดธุรกิจจะพบว่า ผู้ประกอบธุรกิจขนาดเล็กมีมุมมองต่อเศรษฐกิจในทางลบมากกว่าผู้ประกอบการขนาดกลาง สอดคล้องกับตัวเลขเศรษฐกิจเดือนมีนาคมที่การบริโภคภาคเอกชนเติบโตลดลงจากเดือนก่อนหน้า รวมทั้งมูลค่าการส่งออกและรายได้จากนักท่องเที่ยวหดตัว โดยวิจัยกรุงศรีคาดว่า GDP ไตรมาส 1 ปี 2562 จะโตน้อยกว่า 3% YoY ส่งผลให้ GDP ทั้งปี 2562 อาจโตไม่ถึง 3.8% ตามที่ได้คาดการณ์ไว้ก่อนหน้า

ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ SME ใน 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ 20.23 จาก 25.42 ในไตรมาสที่ผ่านมา สอดคล้องกับที่วิจัยกรุงศรีคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยไตรมาส 2 มีแนวโน้มขยายตัวในระดับปานกลาง เนื่องจากอุปสงค์ต่างประเทศลดลงตามเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าและการหดตัวของปริมาณการค้าโลก ส่งผลให้การส่งออกสินค้ามีแนวโน้มชะลอตัวลง

อย่างไรก็ตาม การลงทุนภาครัฐอาจขยายตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ส่วนหนึ่งจากความล่าช้าของการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐวิสาหกิจบางแห่ง เพราะมีการปรับรูปแบบการลงทุนในโครงการร่วมลงทุนภาครัฐและภาคเอกชน (Public Private Partnership: PPP) บางโครงการเพื่อให้เอกชนดำเนินการมากขึ้น


  • 66
  •  
  •  
  •  
  •