เนสท์เล่ (ไทย) เผยว่าผู้บริโภคชาวเอเชียและชาวไทย ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ สอดคล้องกับนโยบายและทิศทางการดำเนินธุรกิจ ของกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพสำหรับผู้ใหญ่ ของเนสท์เล่ ซึ่งได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ “เนสวิต้า” มานานกว่า 10 ปี ก้าวสู่ผู้นำตลาด ครองส่วนแบ่งตลาด 80% ของตลาดมูลค่ารวม 500-600 ล้านบาท
จากแนวโน้มการเติบโตปีละ 10-15% และจากเทรนด์การบริโภคที่เพิ่มขึ้น ล่าสุดบริษัทได้พัฒนา “เนสวิต้า เทรเชอร์” เครื่องดื่มธัญญาหารสำเร็จรูป 2 สูตร คือ เนสวิต้า ผสมงาดำและข้าวหอมมะลิ และ เนสวิต้า ผสมใบแปะก๊วยสกัด ลูกเดือยและข้าวกล้อง เจาะกลุ่มผู้หญิงรักสุขภาพอายุ 30 ปีขึ้นไป โดยสูตรการผลิตนี้ มาจากผลจากการวิจัยความชื่นชอบของผู้บริโภค พบว่ากลุ่มธัญพืชที่ผู้บริโภคชื่นชอบสูงสุด คือ งาดำ ลูกเดือย แปะก๊วย ข้าวกล้อง โดยเนสท์เล่ ประเทศไทย เป็นประเทศแรกที่ได้พัฒนาสูตรดังกล่าวออกสู่ตลาด พร้อมยกระดับเป็นพรีเมียมโปรดักท์ จับกลุ่มเป้าหมายระดับบีขึ้นไป
บริษัทใช้งบ 30 ล้านบาท ผ่านกิจกรรมการตลาดบีโลว์เดอะไลน์ เน้นการทำตลาดเฉพาะกลุ่ม ผ่านช่องทางจำหน่ายที่ซูเปอร์มาร์เก็ตระดับพรีเมียม และกลุ่มคนเมืองเป็นหลัก
“การเน้นไปที่กิจกรรมบีโลว์เดอะไลน์ มาจากพฤติกรรมผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายที่เปลี่ยนไป พบว่าไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมายชอบเดินห้างสรรพสินค้าและใช้ชีวิตในห้างมากขึ้น ไม่ชอบดูฟรีทีวี แต่จะดูรายการอื่นๆ ในช่องเคเบิลทีวีมากขึ้น ทำให้บริษัทต้องปรับแผนการเข้าถึงผู้บริโภคให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ ที่เปลี่ยนไป ” นางสาวนงนุช กล่าว
สำหรับผลประกอบการในปี 2552 จนถึงไตรมาส 3 บริษัทมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 11% คาดว่าการเปิดตัวเนสวิต้า เทรเชอร์ สองสูตรใหม่ จะช่วยให้ตล่าดในภาพรวมเติบโตขึ้น 15% และคาดว่า มูลค่าตลาดเครื่องดื่มธัญพืช จะมีมูลค่าแตะ 1,000 ล้านบาท ในเร็วๆ นี้
Source: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์