Tesla ยกทัพบุกอินเดียเปิดตลาดใหม่ หลังตลาด EV ทั่วโลกเริ่มโตช้าลง

ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ใครที่ใช้ EV ขับกลับบ้านหรือท่องเที่ยว ควรวางแผนการเดินทางให้รอบคอบทั้งจุดชาร์จ รวมถึงระยะเวลาการรอชาร์จและระยะเวลาระหว่างชาร์จ เพื่อให้การเดินทางราบรื่น เหมือนที่ Elon Musk ราบรื่นในการเจรจาเพื่อลงทุนครั้งใหญ่ในอินเดีย ซึ่งจะช่วยให้ Tesla สามารถเปิดตลาดใหม่ลดทอนการเติบโตในอัตราที่ลดลงทั่วโลก

โดย Elon Musk มีแผนเยือนอินเดียเพื่อพบกับ นเรนดรา โมดี้ ประธานาธิบดีของอินเดียในวันที่ 22 เมษายนที่กรุงนิวเดลี ซึ่งการมาเยือนในครั้งนี้เกิดจากการพบกันครั้งล่าสุดที่นิวยอร์ก ซึ่ง Elon Musk ได้แนะให้อินเดียลดภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า และอินเดียก็ตอบสนองด้วยการลดภาษีนำเข้าเหลือ 15% จาก 100% ในบางรุ่น โดยมีข้อแม้ว่าผู้ผลิต EV จะต้องลงทุนสร้างโรงงานในอินเดียอย่างน้อย 500 ล้านดอลลาร์

ซึ่งการมาเยือนของ Tesla นอกจากจะเข้าไปเจรจากับทางอินเดียแล้ว ยังอาจจะไปเพื่อดูสถานที่สำหรับตั้งโรงงานผลิต โดยคาดว่า Tesla อาจต้องใช้เงินลงทุนประมาณ 2 พันล้านดอลลาร์ในการสร้างโรงงานที่อินเดีย สำหรับ Elon Musk มองว่า อินเดียควรมีรถยนต์ไฟฟ้าเหมือนกับประเทศอื่นๆ

นักวิเคราะห์การลงทุนมองว่า การเข้าสู่อินเดียของ Tesla เป็นผลมาจากความต้องการรถยนต์ EV ที่ชะลอตัวในตลาดหลักในสหรัฐฯ และการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงจากผู้ผลิตรถยนต์ EV ในจีน โดยตลาด EV ของอินเดียมีขนาดเล็ก โดยมีผู้เล่นรายเดียวอย่าง Tata Motors ซึ่งสัดส่วนของ EV คิดเป็นเพียง 2% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมดในอินเดียเมื่อปี 2566 ขณะที่รัฐบาลอินเดียตั้งเป้าหมายสัดส่วน EV จะต้องแตะระดับ 30% ภายในปี 2573

ขณะที่ยอดขายทั่วโลกของรถยนต์ EV และรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) มีอัตราเพิ่มขึ้น 12% ในเดือนมีนาคม เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันในปี 2023 โดยการเติบโตในตลาดจีนที่ส่วนใหญ่มาจาก EV และในตลาดสหรัฐฯ ที่ส่วนใหญ่มาจาก PHEV การเติบโตดังกล่าวช่วยชดเชยบางส่วนของตลาดยุโรปที่ลดลงถึง 9%

สำหรับยอดขายเฉพาะรถยนต์ EV ทั่วโลกเพิ่มขึ้นเป็น 1.23 ล้านคันในเดือนมีนาคม โดยเป็นยอดขายเพิ่มขึ้นในจีนถึง 27% และในสหรัฐฯ รวมกับแคนาดาเพียง 15% นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ยอดขายรถยนต์ EV ทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นแตะ 25%-30% ในปีนี้ และน่าจะเข้าใกล้จุดต่ำสุดของการเติบโตในอัตราที่ลดลง ขณะที่หนึ่งสาเหตุที่ทำให้ตลาดชะลอตัวเป็นเพราะ ผู้บริโภครอให้ผู้ผลิตรถยนต์ EV นำรุ่นที่ราคาไม่สูงออกสู่ตลาด

Source: Japan Today , Reuters