โซเชียลมีเดียอย่าง Facebook , Instagram และ Twitter กำลังเจอปัญหาหนักจากการที่บรรดาแบรนด์ใหญ่ระดับโลกพากัน “บอยคอต” ไม่ซื้อโฆษณา เนื่องจากมองว่า ตอนนี้โซเชียลมีเดียต่าง ๆ กลายเป็นแหล่งรวม Hate Speech ของการเหยียดสีผิวและทำให้คนเกลียดชังกัน
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ทาง Unilever ยักษ์ใหญ่ด้านคอนซูเมอร์โปรดักท์ออกมาประกาศจะยุติการลงโฆษณาในสหรัฐอเมริกาบนแพลตฟอร์ม Facebook, Instagram และ Twitter ไปจนถึงสิ้นปีนี้ โดยให้เหตุผลว่า “การโฆษณาบนแพลตฟอร์มเหล่านี้อย่างต่อเนื่องในเวลานี้ไม่ได้เพิ่มคุณค่าให้กับคนและสังคม เราจะมีติดตามอย่างต่อเนื่องและกลับมาทบทวนจุดยืนที่เกิดขึ้นหากจำเป็น”
ส่วน Coca-Cola เอง ก็ได้ประกาศยุติการลงโฆษณาบน “ทุกแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียทั่วโลก” อย่างน้อย 30 วัน เริ่มตั้งแต่ 1 กรกฎาคมนี้เป็นต้นไป ขณะที่ผู้ให้บริการโทรคมนาคมรายใหญ่ในสหรัฐฯ Verizon Communications จะหยุดใช้เงินโฆษณาบน Facebook และ Instagram จนกว่าแพลตฟอร์มทั้งสองจะมีโซลูชั่น หรือนโยบายชัดเจนในการจัดการปัญหาเรื่อง Hate Speech
นอกจากนี้ยังมีอีกหลายแบรนด์ เช่น The North Face และ Ben & Jerry’s ผู้ผลิตไอศกรีมชื่อดัง ที่ประกาศหยุดโฆษณาบน Facebook และ Instagram ในสหรัฐฯ เป็นต้น
โดยการบอยคอตของหลายแบรนด์ที่เกิดขึ้นนี้ มาจากการเข้าร่วมแคมเปญ Stop Hate for Profit เพื่อประท้วงเจ้าของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียยักษ์ใหญ่ที่ล้มเหลวในการจัดการกับเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม และ Hate Speech บนแพลตฟอร์มของตัวเอง ซึ่งเป็นแคมเปญที่เกิดจากความร่วมมือกันของ The Anti-Defamation League , The NAACP และอีกหลายองค์กร โดยตอนนี้มีแบรนด์มากกว่า 100 แบรนด์เข้าร่วม
จากสถานการณ์ดังกล่าว ทำให้หุ้นของ Facebook ราคาดิ่งไปถึง 8.32% และ Twitter ตกไป 7.40% ภายในวันเดียว
ที่มา : theverge reuters