สแน็ปแชต (Snapchat) แอพลิเคชั่นบนมือถือ กลายเป็นวิธีสื่อสารใหม่ของวัยทีนยุคมิลเลนเนียม เพราะเดี๋ยวนี้แค่ใช้มือถือถ่ายรูปพูดคุยเอามันส์มากกว่าพิมพ์ข้อความอธิบายให้เสียเวลากันแล้ว ไม่ต้องคิดเยอะให้ปวดหัว จะแก้ไขตัดต่อเพิ่มเติม ใส่ข้อความ มีลูกเล่น สีสัน ฟิลเตอร์ก็ทำได้ ไม่ว่าจะอยู่ไหนก็ตาม และระหว่างรอเพื่อนๆส่งข้อความกลับ ก็มีเนื้อหา ใส่เรื่องราวต่างๆผ่านวีดีโอหรือไม่ก็ Broadcast ให้เสพระหว่างรอข้อความตอบกลับด้วย ทำให้แต่ละวันมีผู้ใช้สแน็ปแชตประจำทุกวันสูงถึง 100 ล้านคน และมีคนเปิดวิดีโอต่างๆ ที่สแน็ปแชทเตอร์ส่งหากันสูงถึง 8,000 ล้านครั้ง ทำรายได้กว่าร้อยล้านดอลล่าร์ในปี 2015
แรงฉุดไม่อยู่จริงๆ
และผู้อยู่เบื้องหลังของความปังของสแน็ปแชต ไม่ใช่ใครนอกจาก“เอเว่น ชปีเกิล (Evan Spiegel)” สุดหล่อวัย 25 ปี แม้เอเว่นรักความเป็นส่วนตัวและไม่ค่อยปรากฎบนสื่อมากนัก แต่ในงาน Code Conference ปี 2015 เขาก็ปรากฎตัวมาให้สัมภาษณ์กับบอสแห่ง Re/Code: วอลท์ มอสเบิร์ก (Walt Mossberg) และ คาร่า สวิชเชอร์ (Kara Swisher) ไหนๆเขาก็มาแล้ว ไปเสพความคิดล้ำๆ 10 ข้อของเขาเลย
เอเว่นรู้ดีว่าบริการแชทแอพลิแคชันอย่าง WeChat และ Line เพิ่มบริการอื่นๆที่มากกว่าบริการแชท แต่ เอเว่นกลับไม่รีบทำแบบนั้นทันที “ผมต้องรอบคอบว่าจะเพิ่มบริการอื่นๆอย่างไร”
เอเว่นชวนให้เราย้อน ไป 10 ปีที่แล้ว “คุณใช้กล้องถ่ายรูปในงานปาร์ตี้และกลับบ้าน รุ่งขึ้นคุณก็เอากล้องไปเสียบกับคอมพิวเตอร์ อัพโหลดรูปลงอินเตอร์เน็ต เพื่อนๆของคุณก็มาดูรูป มันกลายเป็นโมเดลธุรกิจเกี่ยวกับการสะสมเรื่องราวในชีวิต” และที่น่าตื่นเต้นสำหรับเอเว่น ในตอนนั้นก็คือ แค่คุณมีมือถือ เราก็ใช้มันแสดงออกตัวเราเองได้ทันที เขาคิดว่าบริการ Snaps ก็พัฒนาจากความต่อเนื่องนั้น คือเน้นสะสมเรื่องราวและการแสดงออกของผู้ใช้บริการ
เอเว่นพยายามเป็นตัวของตัวเองอย่างมาก เมื่อคาร์ลถามเอเว่นว่า ถ้ายังทำโปรเจคนี้ต่อไปแล้วคุณอายุ 34 ปี มันจะทำลายสไตล์ของเขาหรือไม่ เขาแค่หวัง ว่าเขายังสามารถเข้าถึงและแสดงความรู้สึกออกไปได้ด้วย และสแน็ปแชตก็เป็นความพยายามที่ส่งผ่านตัวตนของเขา ให้ผู้ใช้งานกล้าบอกความรู้สึกของเขาออกไปเช่นกัน
เอเว่นมองว่าความหลากหลายของคนรวมถึงความแตกต่างทางเพศนั้นมันใกล้ชิดกับศักยภาพที่จะพัฒนาสินค้าบริการมาก แน่นอนความความหลากหลายเป็นเรื่องท้าทายสำหรับทุกคนรวมถึงวงการเทคโนโลยีด้วย แต่จงอยู่กับมัน ทุ่มเทกับกลุ่มคนที่หลากหลาย ถึงจะสร้างสินค้าบริการชั้นเยี่ยมสำหรับคนในชุมชนนั้น
ตอนสแน็ปแชตให้บริการใหม่ๆ คนใช้ไม่รู้ว่าเราจะเก็บภาพหน้าจอไว้อย่างไร การเอานิ้วโป้งไปกดบนจอค้างไว้เพื่อดูวีดีโอตลอดเวลามันน่ารำคาญ เอเว่นเลยเริ่มตั้งคำถามกับมันว่า “โอเค ผมเลิกไว้กดจอค้างตลอดไปแบบนี้ได้หรือยัง?”
เอเว่นทบทวนว่า สแน็ปแชตเน้น Camera Communication และ Content เขาถามตัวเองอยู่เสมอ “มีวิธีอื่นที่จะเก็บสิ่งต่างๆและแสดงตัวตนของคุณอีกมั้ย? มีช่องทางสื่อสารใหม่ๆอีกมั้ย? ผมรู้สึกแปลกทุกครั้งเวลามีโทรศัพท์ดัง มันต้องมีแนวคิดบางอย่างที่ทำให้พวกเราหลุดออกจากวิธีใช้โทรศัพท์แบบเดิมๆได้สิ”
เมื่อ เอเว่นถูกถามว่าเขาจะดึงดูดลูกค้าประเภทอื่นอย่างไร เอเว่น ตอบว่าตอนนี้เขาสนใจเพิ่ม Engagement ให้บริการที่สุดยอดกับลูกค้าในตลาดน้อยรายที่สำคัญกับเขาจริงๆ ก่อนที่จะไปขยายตลาดใหม่ๆดีกว่า
บ่อยครั้งที่เมตริกจำเป็นสำหรับ Social Media เพื่อวัด Engagement แต่สำหรับ สแน็ปแชต เอเว่น กลับมองว่าเมตริกบางอย่างเช่น Monthly active user และ Daily active user ไม่เพียงแต่เป็นเมตริกที่ยังไม่เป็นมาตรฐาน แต่ยังเป็นเมตริกที่วัดความลึกของ Engagement พลาดอีกด้วย เอเว่นจึงเลือกใช้ Hourly Active user แทนเพราะรู้ดีว่าคนใช้มือถือตลอดเวลาและบ่อยแค่ไหน
หนึ่งในหลายสิบล้านอย่างที่เอเว่นอยากจะพัฒนาคือขอโทษให้เร็วกว่านี้ เวลาที่ทีมของเขาทำผิดพลาดและรักษาสัญญากับผู้ใช้สแน็ปแชตไม่ได้ เอเว่นพยายามขอโทษ ทำให้มันถูกต้อง และมั่นใจว่าเราจะไม่ทำพลาดแบบเดิมอีก
เอเว่นไม่คิดว่าตัวเองต้องเป็นซีอีโอที่ยิ่งใหญ่ แต่เป็นเอเว่นเวอร์ชั่นที่ดีเยี่ยม และนั่นเป็นเรื่องท้าทายไม่น้อยเลย เขาคิดว่าสิ่งที่ทำให้เขาเป็นกำลังสำคัญสำหรับทีมคือการรุดหน้าพัฒนาตัวเขาเองอย่างรวดเร็วที่สุดเพื่อเท่าทันสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็วเช่นกัน
ไม่มีอะไรที่ได้มาง่ายๆ แต่ถ้าเราคิดอย่างคนสำเร็จ และลงมือทำอย่างคนสำเร็จ อย่างสม่ำเสมอ เราสร้างสตาร์ทอัพคุณภาพได้ไม่แพ้เอเว่นแน่นอน ลุย!
แหล่งที่มา
http://www.recode.net/2015/6/8/11563322/snapchat-ceo-evan-spiegel-on-diversity-features-for-the-olds-and-more