เนื่องจากอเมริกาเป็นเมืองที่เน้นเปิดการแข่งขันแบบเสรี การเปรียบเทียบและยกราคาว่าร้านค้าของตัวเองถูกกว่าเจ้าไหนๆ เป็นเรื่องที่ไม่ผิดกฎหมาย จึงทำให้แอปฯ เปรียบเทียบราคาเกิดขึ้นดาษดื่น
ล่าสุดผลการสำรวจของ Emphatica พบว่าจาก 6,500 คนของนักท่องเน็ตในอเมริกาซึ่งกว่าครึ่งใช้สมาร์ทโฟน และ 55% ของผู้ใช้สมาร์ทโฟนยอมรับว่ามักจะใช้แอปฯ ตรวจสอบราคาสิ่งของก่อนซื้อทุกครั้ง โดย 34% เลือกใช้วิธีสแกนบาร์โค้ด 26% โหลดแอปฯ ของแบรนด์ต่างๆ ลงมือถือเพื่ออัปเดทรายการสินค้าใหม่ๆ และ 37% มีการเข้าชมเว็บไซต์ของแบรนด์ต่างๆ จากมือถือ
และนอกจากการใช้มือถือแล้ว นักช้อปรุ่นใหม่ยังพึ่งพาโซเชี่ยลมีเดียเพื่อหาข้อมูลสินค้าต่างๆ ก่อนตัดสินใจซื้อ อาทิ
* 27% อ่านรีวิวสินค้าออนไลน์ก่อนซื้อ กว่า
* 31% ซื้อเพราะใช้ส่วนลดที่ได้จากการซื้อดีล
ส่วนเมื่อถามว่าสื่อออนไลน์ไหนเป็นส่วนสำคัญที่กระตุ้นให้คุณเดินทางไปช้อปปิ้งที่ร้าน คำตอบแรกคือ เฟซบุ๊ก รองลงมาคือ รีวิวสินค้าจากกูเกิล อันดับ 3 คือ กรุ๊ปปอง
สำหรับคนไทย เชื่อว่าแอปฯ เปรียบเทียบราคายังไม่มี เนื่องจากเป็นสิ่งที่เข้าข่ายผิดกฎหมาย แต่เว็บที่ได้รับความนิยมก็จะเป็นพวกเว็บศูนย์รวมโปรโมชั่นอย่าง welovepro หรือแอปฯ รวมโปรฯ อย่าง Shoppening เป็นต้น
ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นชัดเจนว่าจุดเปลี่ยนของโลกค้าปลีกมาถึงแล้วจริงๆ
อ่านข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมนักช้อปรุ่นใหม่ และการปรับตัวของร้านค้าปลีกได้ที่นี่
เจาะพฤติกรรมช้อปปิ้งด้วยมือถือ
“เซิร์ฟก่อนซื้อ” ยกมือถือเดินห้าง
ห้างปรับตัวใหญ่เปิดซุ้มรับของที่ออเดอร์จากออนไลน์
