ตลอดทั้งปี 2025 ถือเป็นปีที่คนไทยสู้ชีวิต แต่ชีวิตสู้กลับหลายครั้งหลายครา ทำให้การใช้ชึวิตในแต่ละวัน แต่ละสัปดาห์ แต่ละเดือนต้องเผชิญหลากหลายโหมด ตั้งแต่เอาตัวรอดจากพิษเศรษฐกิจ ค่าครองชีพสูงขึ้น ภัยพิบัติทางธรรมชาติ ฯลฯ จนทำให้เกิดความเหนื่อยล้า และมองหาสิ่งที่ช่วยฮีลใจ เพื่อเติมพลังให้ผ่านไปได้…
ปี 2026 ที่กำลังมาถึงนี้ คนไทยพร้อมที่ก้าวต่อ โดยต้องการพัฒนา “ทักษะ” ที่ช่วยให้สามารถรับมือกับสิ่งใหม่ๆ และอยู่รอดได้ในทุกสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในปีหน้า
สถาบันวิจัยความเป็นอยู่ฮาคูโฮโด อาเซียน (ประเทศไทย) หรือ Hakuhodo Institute of Life and Living ASEAN (THAILAND) เผยผลสำรวจฉบับพิเศษส่งท้ายปี 2025 ชี้ให้เห็นว่า เป็นปีแห่งการเติบโตของคนไทย ตลอดทั้งปีที่ผ่านมา คนไทยใช้ชีวิตกันหลากหลายโหมด ไม่ว่าจะเป็นการเอาตัวรอดจากพิษเศรษฐกิจและภัยพิบัติทางธรรมชาติ การฮีลใจจากความเหนื่อยล้า ไปจนถึงกระแสความภูมิใจใน Thai DNA
การปรับตัวเหล่านี้ ชี้ให้เห็นว่าคนไทยพร้อมรับทุกสถานการณ์ แต่การที่เราจะก้าวต่อไปให้ดีขึ้นนั้น ควรต้องมีพลังและทักษะในตัวเอง ทั้งการจัดการใจ การเงิน ความยืดหยุ่น รวมไปถึงการพึ่งพาตัวเองให้มากขึ้น
“ธันวาคม” เดือนแห่งการช้อป ได้พักหายใจ–หายเหนื่อย
เมื่อเจาะลึกถึงแนวโน้มในการใช้จ่ายของคนไทยในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2025 อยู่ที่ 65 คะแนน ก่อนที่จะพุ่งขึ้นเป็น 67 คะแนนในช่วงครึ่งปีหลัง ความเปลี่ยนแปลงนี้แสดงให้เห็นว่า
– คนไทยพร้อมใจกันเปิดกระเป๋ากลับมาใช้จ่ายอีกครั้ง โดยมีแรงหนุนมาจากโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาล
– ในช่วงปลายปีมีเทศกาลปีใหม่ที่ทั้งเมืองเต็มไปด้วยสีสัน แสงไฟ และกิจกรรมต่าง ๆ ก็ยิ่งเติมแรงบันดาลใจให้ทุกคนได้ออกไปใช้ชีวิตกันอย่างเต็มที่ ร่วมสนุกไปกับทุกโมเมนต์ เก็บเกี่ยวทุกความสุข หลังเจอความเหนื่อยล้าที่สะสมมาตลอดทั้งปี
โดยเฉพาะ เดือนธันวาคม เป็นช่วงส่งท้ายปี และก้าวสู่ปีใหม่ภาพรวมของการใช้จ่ายในเดือนนี้ เพิ่มขึ้นกว่า +4 เมื่อเทียบกับผลสำรวจเดือนตุลาคมที่ผ่านมา (69 vs 65) จุดนี้เองสามารถสื่อได้ว่า ตอนนี้ถึงช่วงเวลาของใครหลายคนที่จะได้พักหายใจ หายเหนื่อย หลังเจอเรื่องหนักหนามาตลอดทั้งปี
ผู้บริโภคยอมใช้จ่ายเพื่อฮีลใจ โดยเฉพาะช่วงวันหยุดยาวปีใหม่นี้ การท่องเที่ยวในประเทศ และการทานอาหารมื้อพิเศษนอกบ้าน กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น รวมถึงการซื้อของตั้งแต่ของใช้ภายในบ้าน, โทรศัพท์มือถือ, เครื่องใช้ไฟฟ้า, โทรศัพท์มือถือ, เสื้อผ้า, ผลิตภัณฑ์เสริมความงาม, เสื้อผ้า, เครื่องดับประดับ ไปจนถึงของใช้ในห้องนอน
สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า ช่วงปลายปีคือช่วงเวลาเพิ่มพลังใจของคนไทยอย่างแท้จริง
5 ประเด็นที่คนไทยติดตามมากสุด ปี 2025
ตลอดทั้งปี 2025 เต็มไปด้วยข้อมูลข่าวสารมากมาย จากการสำรวจพบว่าประเด็นข่าวที่คนไทยให้ความสนใจะและติดตามมากสุด ได้แก่
- ความขัดแย้งระหว่างประเทศ
- แผ่นดินไหวสะเทือนกรุงเทพฯ และอีกหลายจังหวัด
- สีกาป่วนวัด
- ความไม่เสถียรของสภาพภูมิอากาศในไทย ทั้งฝนตก น้ำท่วม ฝุ่น PM 2.5
- ราคาทองคำพุ่ง
กลยุทธ์แบรนด์เข้าถึงผู้บริโภค “4 Gen” ในช่วงเวลาส่งท้ายปี-ขึ้นปีใหม่
ช่วงเวลานี้เอง ถือเป็นโอกาสอันดีของแบรนด์ในการปรับตัวให้เข้ากับความต้องการของผู้บริโภคในตอนนี้
คุณอรุณโรจน์ เหล่าเจริญวงศ์ รองผู้อำนวยการฝ่ายวางแผนกลยุทธ์ สถาบันวิจัยความเป็นอยู่ฮาคูโฮโด อาเซียน (ประเทศไทย) ได้มองเห็นโอกาสสำคัญในครั้งนี้และเชื่อว่า ยิ่งแบรนด์เข้าถึงผู้บริโภคมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งกลายเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความผูกพันที่ยั่งยืน พร้อมให้คำแนะนำแบรนด์ไว้ 2 ข้อ ดังนี้
1. ส่งท้ายปี ให้แบรนด์เป็นพลังใจให้คนไทย
ปลายปี คือช่วงเวลาที่ผู้บริโภคอยากพักใจหลังเผชิญกับความหนักหนามาตลอดทั้งปี แบรนด์จึงควร ‘ชื่นชมความเข้มแข็งของคนไทย’ และช่วยออกแบบโมเมนต์ดี ๆ ส่งท้ายปี ที่ไม่ใช่แค่การขายเพียงอย่างเดียว เช่น Year-End Gratitude Film ที่ขอบคุณผู้บริโภคที่สู้มาด้วยกัน หรือ Encouragement Card ที่สร้างข้อความให้กำลังใจเฉพาะบุคคล หรือ Healing Day ที่ลดราคาสินค้าเพื่อเติมพลังใจให้แก่ผู้บริโภค
การทำสิ่งเหล่านี้ จะทำให้แบรนด์กลายเป็นเพื่อนร่วมทางในวันที่เหนื่อยล้า และช่วยให้คนไทยเริ่มต้นปีหน้าได้อย่างมีพลังและมีความสุขไปพร้อมกัน
2. ชีวิตดีขึ้นทุกวัย ด้วยแคมเปญที่ช่วย Upgrade Life
เมื่อคนในแต่ละช่วงวัยต้องการทักษะที่แตกต่างกัน การทำแคมเปญตามแต่ละวัยจะช่วยให้แบรนด์เข้าใจผู้คนลึกขึ้นและสร้างความผูกพันกับผู้บริโภคได้มากขึ้น
- ช่วงวัย 20 – 29: สามารถทำ Self-Discovery Tools / Emotional Check-in / จัดการใจที่เชื่อมกับสินค้าในฐานะ ตัวช่วยเริ่มต้นเส้นทางชีวิต
- ช่วงวัย 30 -39: สร้าง Productivity Kits / Career Boost Tips ที่ใช้สินค้าช่วยให้ ทำงานเร็วขึ้น จัดการชีวิตได้ง่ายขึ้น
- ช่วงวัย 40 – 49: ออกแบบ Financial & Health Planning Content ที่ใช้สินค้าเป็นเครื่องมือในการสร้างความมั่นคงของชีวิต
- ช่วงวัย 50 – 59: ทำ Retirement Readiness Guide ที่วางสินค้าเป็นเพื่อนคู่คิด ช่วยเตรียมพร้อมชีวิตหลังเกษียณในระยะยาว
“5 ทักษะ” ที่คนไทยอยากพัฒนาในปี 2026
ตลอดทั้งปีที่เราเจอแต่สิ่งเหนื่อยล้าและต้องเอาตัวรอด ผู้คนในแต่ละช่วงวัยต้องการทักษะเพื่อเส้นทางการเติบโตที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งคนไทยส่วนใหญ่เลือกพัฒนาทักษะเชิงปฏิบัติมากกว่าทักษะทางอารมณ์เพราะช่วยเสริมความมั่นคงแบบจับต้องได้
คุณอรนลิน เรื่องสุรเกียรติ ผู้จัดการฝ่ายวางแผนกลยุทธ์ สถาบันวิจัยความเป็นอยู่ฮาคูโฮโด อาเซียน (ประเทศไทย) ได้สรุป Top 5 ทักษะที่คนไทยอยากพัฒนาในปีหน้า และเป็นทักษะที่อยู่รอดได้จริงและเห็นผลทันที ดังนี้
- Top 1 – 44% ทักษะอาชีพใหม่ หารายได้เสริม เพิ่มสกิล เพื่อรายได้ เพิ่มโอกาสรอดในเศรษฐกิจที่คาดเดาไม่ได้
- Top 2 – 44% ดูแลสุขภาพกายและใจอย่างสม่ำเสมอ กายและใจที่ดีคือพลังสำคัญในการขับเคลื่อนทุกอย่างในชีวิต
- Top 3 – 43% วางแผนการเงินอย่างมีเป้าหมาย รู้ทันเรื่องการเงิน คิดไกลเพื่ออนาคตที่มั่นคงและสบายใจ
- Top 4 – 30% ตั้งเป้าและทำให้สำเร็จ ไม่ใช่เพียงแค่ฝัน แต่ลงมือทำให้เห็นผลชัด ๆ
- Top 5 – 26% ใช้เทคโนโลยี เพิ่มประสิทธิภาพชีวิต รู้ทันเทรนด์ใหม่ ให้ชีวิตไวขึ้น ง่ายขึ้นในยุคที่ต้องแข่งกับเวลา
เมื่อเจาะลึกทักษะที่ตรงกับความต้องการของแต่ละช่วงวัย พบว่า
- ช่วงวัย 20 – 29: เน้นทักษะดูแลใจและอารมณ์ เพื่อวางเส้นทางชีวิต
- ช่วงวัย 30 -39: ทักษะที่ช่วยเร่งความสำเร็จ และรับมือกับความไม่แน่นอน
- ช่วงวัย 40 – 49: ทักษะท่ีทำให้ชีวิตมั่นคง และยืดหยุ่นพร้อมรับอนาคต
- ช่วงวัย 50 – 59: ทักษะดูแลความมั่นคงของชีวิตในระยะยาว
ถึงแม้ในปีนี้ ชีวิตจะวุ่นวายและมีหลายอย่างที่เปลี่ยนแปลง แต่คนไทยยังคงรักษาความสุขของตัวเองได้ ด้วยการรักษาบาลานซ์ชีวิตและการดูแลตัวเอง เป็นเครื่องพิสูจน์แล้วว่า วิธีนี้ทำให้คนไทยมีความสุขต่อเนื่อง ถือเป็นสัญญาณอันดีที่คนไทยปรับตัวพร้อมกับมือกับทุกสถานการณ์และทุกการเติบโต พร้อมที่จะรับมือกับสิ่งใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้นในปีต่อไป
Related posts:
UOB เผยอินไซต์คนไทย ยอมกู้เงิน เพื่อยกระดับไลฟ์สไตล์-ซื้อประสบการณ์ ดันหนี้ครัวเรือนไทยพุ่งสูงสุดในอาเซียน!
ฮาคูโฮโด เผยความสุขคนไทยลดลง! เหตุจาก “อากาศร้อนจัด-เศรษฐกิจฝืด” ขอเซฟเงินเซฟใจอยู่บ้าน – แนะ 2 กลยุทธ์แบรนด์ปรับตัว
Insights พฤติกรรมการซื้อคนไทยต่อสินค้า “FMCG – High Involvement – Retail” ก่อน-ระหว่าง-หลัง COVID-19
