Burger King จับมือเกมดัง Call of Duty ทำแคมเปญกระหึ่มโปรโมชั่นระดับโลกคลุมหลายประเทศ เปิดกว้างให้ลูกค้าเปิดใช้งานตัวละครหรือฉากใหม่ในเกมและปลดล็อกได้ที่ร้านค้า หวังเจาะลูกค้าที่เป็นฐานผู้เล่น Call of Duty ภาคล่าสุด Modern Warfare II
การร่วมมือระหว่าง Burger King และ Call of Duty นี้เกิดขึ้นในช่วงแห่งการวางจำหน่ายภาคใหม่ Modern Warfare II บนตลาด 39 แห่งทั่วโลก โดยทั้ง 39 ตลาดนี้ทำให้ Call of Duty ถูกขนานนามว่าเป็นพันธมิตรวิดีโอเกมรายใหญ่ที่สุดเมื่อเทียบกับประวัติการร่วมมือที่ Burger King เคยมีตลอดเวลาที่ผ่านมา ถือเป็นการขยับขยายของเอเจนซี่ David New York ที่มีส่วนช่วยให้โปรเจ็กต์นี้เกิดขึ้นในเวลากว่า 1 ปีหลังจากที่ Fernando Machado อดีตประธานฝ่ายการตลาดของ Burger King ตัดสินใจย้ายค่ายไปร่วมงานกับ Activision Blizzard ซึ่งเป็นผู้จัดจำหน่าย Call of Duty ในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดแทน
สำหรับการเปิดใช้งานในเกมและในร้านค้าของโปรเจ็กต์นี้ การ tie-in จะทำให้ Burger King มีโอกาสมอบรางวัลพิเศษให้กับผู้เล่นเกม ทั้งสกินพิเศษที่เป็นธีมเมืองเบอร์เกอร์ และการขยายเวลาเล่นเพิ่มขึ้น 2 เท่า ตัวนักเล่นเกมจะสามารถรับคะแนนเพิ่มเป็น 2 เท่าในบางช่วงเวลาแบบจำกัด รางวัลทั้งสองจะมีให้เมื่อผู้เล่นคลิกซื้อ Call of Duty Whopper Meal Burger Town ซึ่งเป็นเชนร้านอาหารที่สมมติขึ้นภายในเกม
นอกจากนี้ ประสบการณ์ในร้านค้า Burger King จะถูกเปลี่ยนให้รับกับเกมใหม่ด้วย ตัวอย่างเช่น ในปารีส นักเล่นเกมที่อายุมากกว่า 18 ปีจะสามารถเล่น Modern Warfare II บนตู้สั่งซื้อภายในร้านอาหาร Burger King ได้ ตู้นี้จะเรียกว่า “Kiosk of Duty” มีกำหนดวางให้บริการในวันที่ 29 และ 30 ตุลาคม ที่ผ่านมา ในขณะเดียวกัน ร้าน Burger King ในแอฟริกาใต้จะเปิดโอกาสให้ลูกค้าใช้แว่นสำหรับมองกลางคืนเพื่อสัมผัสประสบการณ์ร้านอาหารธีม Modern Warfare II ที่มืดสนิท รายล้อมไปด้วยเอฟเฟกต์เสียงและเพลงประกอบของแท้จากเกม ลูกค้าจะรู้สึกเหมือนได้ก้าวเข้าสู่จักรวาลของ Call of Duty ในขณะที่เดินผ่านจุดต่างๆในร้าน ก็จะมีโอกาสสแกนรหัส QR เพื่อรับรางวัลในเกม
ขณะเดียวกัน Burger King ได้สร้างร้านอาหารในธีม Call of Duty ซึ่งตกแต่งด้วยฉากเกมในเม็กซิโก เปอร์โตริโก ซาอุดีอาระเบีย เดนมาร์ก โคลอมเบีย สาธารณรัฐโดมินิกัน และปานามาด้วย
