ระบบยืนยันตัวบุคลคลด้วย Biometric Authentication กำลังเป็นที่แพร่หลายอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบยืนยันตัวบุคคลถูกนำมาใช้เป็นฟังก์ชั่นหนึ่งในสมาร์ทโฟน เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับสมาร์ทโฟน ยิ่งไปกว่านั้นระบบยืนยันตัวบุคคลดังกล่าวยังถูกนำไปใช้กับการชำระเงินผ่านสมาร์ทโฟนด้วยเทคโนโลยี FinTech
แน่นอนว่าระบบยืนยันตัวบุคลคล Biometric Authentication ด้วยการสแกนลายนิ้วมือจะมีการยืนยันแล้วว่ามีความปลอดภัย เนื่องจากลายนิ้วมือจะเป็นเอกลักษณ์เฉพาะบุคคลเท่านั้นไม่มีทางมีเหมือนกัน แต่ผลการวิจัยโดยนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยนิวยอร์กและมหาวิทยาลัยมิชิแกนสเตทระบุว่า สมาร์ทโฟนสามารถถูกหลอกโดยใช้ลายนิ้วมือปลอม
จากการศึกษาพบว่า ลายนิ้วมือของมนุษย์เป็นเอกลักษณ์เฉพาะบุคคลและเป็นเรื่องยากที่จะทำการปลอมแปลง แต่ทว่าฟังก์ชั่นสแกนลายนิ้วมือบนสมาร์ทโฟนมีขนาดเล็กกว่าเครื่องสแกนลายนิ้มมือทั่วไป จนทำให้สามารถอ่านลายนิ้วมือได้เพียงบางส่วนเท่านั้น ซึ่งเมื่อทำการตั้งค่าสแกนลายนิ้วมือบนสมาร์ทโฟน เครื่องจะให้ทำการสแกนประมาณ 8-10 ครั้งเพื่อบันทึกภาพลายนิ้วมือ โดยจะนำภาพชุดดังกล่าวมาประมวลผลด้วยการจับคู่ และส่วนใหญ่ก็มักจะตั้งค่าสแกนลายนิ้วมือมากกว่า 1 นิ้ว
Stephanie Schuckers ศาสตราจารย์ที่ Clarkson University ชี้ว่าเป็นที่ทราบดีว่า ระบบสแกนลายนิ้วมือจะใช้วิธีการหาความเหมือนของแต่ละภาพมาประกอบกันเป็นลายนิ้วมือที่สมบูรณ์ แต่วิจฉาชีพก็สามารถสร้างหรือตรวจหาลายนิ้วมือที่มีความใกล้เคียงเพื่อใช้หลอกระบบสแกนลายนิ้วมือได้ ปัจจุบันมีการศึกษาถึงการเพิ่มประสิทธิภาพในการสแกนลายนิ้วมือ เช่น การตรวจจับเหงื่อที่บริเวณนิ้วมือหรือการตรวจสอบรูปแบบชั้นลึกของลายนิ้วมือรุ่นด้วยอัลตราซาวนด์เพื่อยืนยันว่าเป็นลายนิ้วมือจากนิ้วจริงๆ
ด้าน Dr.Chris Boehnen ผู้จัดการโครงการ Odin ของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ เชื่อว่าวิธีการแก้ไขเรื่องการหลอกเครื่องสแกนลายนิ้วมือในสมาร์ทโฟน สามารถทำได้ด้วยการใช้สแกนลายนิ้วมือที่มีขนาดใหญ่ขึ้น หรือการใช้ระบบ Biometric Authentication ที่นอกเหนือจากแค่การสแกนลายนิ้วมือ เช่น การสแกนม่านตา เป็นต้น ซึ่งอนาคตผู้ผลิตสมารืทโฟนชั้นนำน่าจะมีระบบความปลอดภัยใหม่ๆ เพิ่มขึ้น และเป็นสัญญาณที่ดีเมื่อผู้ผลิตสมาร์ทโฟนอย่าง Samsung ได้นำระบบสแกนม่านตาเข้ามาใช้ใน Galaxy S8
สุดท้ายไม่ว่าระบบBiometric Authentication จะสมบูรณ์แบบมากน้อยเพียงใด การใช้รหัส PIN ก็ยังคงเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับระบบความปลอดภัยที่มีความซับซ้อน
Source: The New York Times
