ชื่อแบรนด์แบบไหนที่ทรงพลังและดึงดูดความสนใจ?
อันที่จริงแล้ว ไม่ใช่เพียงแต่ชื่อแบรนด์เท่านั้นที่สำคัญ หากแต่ทั้งโลโก้ กราฟิค รวมถึงองค์ประกอบต่างๆ ก็สำคัญเช่นกัน ต่อไปนี้เป็น 5 เทคนิคที่คุณควรใส่ใจในการเลือกชื่อและเครื่องหมายการค้าสำหรับแบรนด์หนึ่งแบรนด์ใด
1. แล้วแบรนด์คู่แข่งเขาใช้ชื่ออะไรกัน?
สำรวจตลาดว่าแบรนด์คู่แข่งใช้ชื่ออะไรกันบ้าง วิธีการก็อาจไปที่หน่วยงานราชการเพื่อขอดูเอกสาร นอกจากจะได้ไอเดียแล้วคุณจะได้ไม่ครีเอทชื่อและโล้โก้ที่ซ้ำหรือใกล้เคียงกับพวกเขา
2. โลโก้นี้อธิบายความเป็นตัวคุณได้ดีหรือเปล่า?
วิธีที่ง่ายที่สุดสำหรับชื่อแบรนด์คือการสร้างชื่อใหม่ (เช่น Xerox หรือ HaagenDazs)หรือใช้ชื่อธรรมดาที่มีอยู่เดิม (เช่น Apple)แต่ชื่อนั้นต้องสะท้อนบุคลิก ประโยชน์ใช้งาน คุณภาพ และจุดมุ่งหมายของผลิตภัณฑ์นั้นๆ ตัวอย่างเช่น หากเป็นแบรนด์อาหารเลือกชื่อ “รสอร่อย” คุณก็ต้องแน่ใจว่าอร่อยจริง ไม่เช่นกันจุดขายคุณอาจเปลี่ยนไปกลายเป็นโดนผู้บริโภคเสียดสีแทน
3. มีพลังพอไหม?
จุดประสงค์ของเครื่องหมายการค้าคือการทำให้ผู้บริโภคสามารถระบุว่าสินค้าและบริการอันนี้มาจากบริษัทของคุณ นอกจากนี้ยังช่วยก่อให้เกิดอารมณ์อย่างหนึ่งอย่างใดแก่ผู้บริโภค ชื่อที่ไม่ทำให้เขาจดจำคุณคือหนึ่ง ชื่อโหล เช่น เรย์พิซซ่า ที่มีอยู่ทั่ว LA
4. คำศัพท์ดูธรรมดาเกินไปหรือเปล่า?
คำขวัญหรือสโกแกนของแบรนด์หลายครั้งควรมีคำคุณศัพท์เสริม ไม่ใช่นาม เพราะคุณต้องอธิบายพ่วงด้วยว่าสินค้าของคุณคืออะไรกันแน่ ขณะที่เครื่องหมายการค้าก็ไม่ควรเป็นคำนามเช่นกันเพราะมันจะทำให้ผู้บริโภคเรียกผลิตภัณฑ์อื่นๆ ในไลน์เดียวกันเป็นชื่อแบรนด์คุณไปหมด เช่น เปา (ผงซักฟอก)
5. ลองถามทนายดู?
เพื่อไม่ให้ชื่อที่คุณคิดมาเสียเปล่า ลองปรึกษาทนายหรือนักกฏหมายก่อนการคิดชื่อและโลโก้แบรนด์ แนะนำว่าคุณต้องจ้างทนายที่เชี่ยวชาญเรื่องลิขสิทธิ์ทางปัญญาและเครื่องหมายการค้าโดยเฉพาะ
